Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2544
โคคา "ความอร่อย" ที่ขยายสาขาไปทั่วโลก             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
 

   
related stories

44 ปี โคคาไทยสุกี้

   
www resources

โฮมเพจ สุกี้โคคา

   
search resources

โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล
พิทยา พันธุ์เพ็ญโสภณ
Restaurant




ร้านอาหารโคคาในเมืองไทยเกิดขึ้นได้ เพราะนิสัยรักการทำอาหารอย่างเป็นชีวิตจิตใจของ แม่บ้านคนหนึ่งที่ต้องคอยดูแลเรื่องอาหารการกิน ให้คนในครอบครัวและผู้ใกล้ชิดเพียงไม่กี่คน ปัทมา พันธุ์เพ็ญโสภณ ประธาน กรรมการของบริษัทโคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ปรุงอาหารบริการลูกค้ามา แล้วนับล้านคน ในวัย 80 ปีกว่านี้เธอได้หยุด พักผ่อนแล้ว และมอบมรดกชิ้นสำคัญนี้ให้กับพิทยาลูกชายคนเดียว

"ลูกค้าต้องได้สิ่งที่ดีที่สุด ทั้งคุณภาพ ของอาหาร การให้บริการ และความสะอาดถูกหลักโภชนาการ" เป็นหลักการสำคัญของ ผู้ก่อตั้งรุ่นแรกที่กำลังถูกสานต่ออย่างเคร่ง ครัดโดยคนรุ่นลูก ผนวกกับวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในการทำธุรกิจของคนหนุ่มรุ่นใหม่ วันนี้ พิทยาจึงวางเกมในการเดินหมากของโคคาต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง

หลังจากเข้ามาช่วยกิจการของครอบครัวเมื่อปี 2527 ภัตตาคารโคคาทุกสาขาถูกรวมกันเข้าเป็นบริษัทโคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และขยายสาขาออกไปครอบคลุมแหล่งธุรกิจการค้าที่สำคัญของประเทศไทย เช่น โคคา รามคำแหง ภัตตาคารโคคา ที่สุขุมวิท 39 โคคาไทม์สแควร์ เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ รวมทั้งที่จังหวัดภูเก็ต และพัทยา

ในปี 2535-2539 เป็นยุคที่มีการขยายสาขาไปต่างประเทศอย่างรวดเร็วโดยเริ่มครั้งแรก ในประเทศสิงคโปร์ หลังจากนั้นจนถึงปี 2539 ก็เกิดโคคาในประเทศญี่ปุ่น 3 สาขา อินโดนีเซีย 4 สาขา มาเลเซีย 3 สาขา ไต้หวัน 2 สาขา และประเทศออสเตรเลีย ที่เมืองซิดนีย์ 1 สาขา ปัจจุบันสาขาของโคคามีใน 8 ประเทศ จำนวน 32 สาขา ส่วนใหญ่จะเป็นประเทศใน เอเชีย ขณะที่เมืองไทยมีเพียง 8 สาขาเท่านั้น ความสำเร็จของสาขาในต่างประเทศทำให้พิทยาไม่ได้มองว่ารายได้หลักจะต้องมาจากเมืองไทยอีกต่อไป

และประเทศเป้าหมายของเขาในวันนี้ก็คือ อเมริกา และยุโรป ซึ่งเขามั่นใจว่าเป็นตลาดของอาหารไทยที่ใหญ่มาก ในขณะที่มีค่ายใหญ่จากเมืองไทยวางแผนบุกพื้นที่นี้อย่าง จริงจัง เพียง 4-5 รายเท่านั้น

นอกจากต้องการเป็นผู้นำในการปักธง "ร้านโคคาไทยสุกี้" แล้ว เขายังได้พัฒนา ร้านอาหารไทยในเครือของโคคาขึ้นมาอีก 2 แบรนด์คือ "Mango Tree" และ "Mango Chilli" เพื่อบุกตลาดในรูปแบบของการขายแฟรนไชส์พร้อมๆ กันด้วย

โคคาไทยสุกี้ จะเป็นร้านที่มีทั้งอาหาร ไทยและสุกี้ จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง Mango Tree เป็นร้านอาหารแบบไทยที่มีรสชาติและการตกแต่งร้านแบบไทยแท้ๆ มีกลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าระดับกลางถึงสูง ส่วน Mango Chilli เป็นอาหารไทยแบบฟาสต์ฟู้ด โดยมีกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงมาเป็นเป้าหมาย เป็นกลยุทธ์สำคัญของการสร้างสินค้าที่หลากหลายเพื่อกวาดกลุ่มลูกค้าทุกระดับ พิทยาเลือกที่จะขยายตัวด้วยการขาย แฟรนไชส์ ซึ่งเป็นวิธีที่เขาถนัดที่สุด เพราะระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 10 ปีในการขยายตลาดต่างประเทศ ได้ใช้วิธีนี้มาตลอดและได้ พัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่อง เช่นการปรับ ปรุงขั้นตอนในการดำเนินการต่างๆ ระบบใน เรื่องการซัปพอร์ตอาหาร ในเรื่องบุคลากร รวมทั้งกติกาเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ กับผู้ที่จะเข้ามาบริหารแฟรนไชส์ ระบบดังกล่าวได้ตกผลึกเกิดเป็นบริษัท Exquisine System ขึ้นเมื่อปี 2544 ที่ผ่านมาซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่โดยโคคาโฮลดิ้ง มีหน้าที่บริหารการขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศของสินค้าหลักทั้ง 3 ตัว

การทำกิจกรรมและการดำเนินงานทุกอย่างในต่างประเทศ จะทำโดยบริษัทExquisine โดยมีพื้นที่เป้าหมายในการขยายสาขาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ยุโรป และเซาท์อีสต์ เอเชีย

"ในปีหน้าเราตั้งเป้าหมายจะขายแฟรนไชส์ของไทยสุกี้และ Mango Tree ร้านละ 5 สาขา ซึ่งเป็นการคาดการณ์ขั้นต่ำเพื่อดูประสิทธิภาพในเรื่องการดำเนินการของเรา และจะดูเศรษฐกิจโลกประกอบด้วย ส่วน Mango Chilli กำลังเลือกจะเปิดร้านต้นแบบระหว่างสิงคโปร์กับกัวลาลัมเปอร์ ที่เราไม่เปิด Mango Chilli ในเมืองไทยก่อน เพราะคิดว่าหากจะบุกตลาดต่างประเทศ ก็น่าจะทดสอบความเป็นไปได้ในต่างประเทศมากกว่าในเมืองไทย และหากว่ามีความเป็นไปได้สูงร้านต้นแบบนี้ก็จะขยายต่อไปยังยุโรปแและอเมริกา คุณาวัฒน์ ดำรงมณี Business Development Manager อธิบายเพิ่มเติมกับ "ผู้จัดการ"

เมื่อเดือนกรกฎาคม 2544 ที่ผ่านมา โคคาได้ไปเปิดสาขาร้านอาหารไทย Mango Tree สาขาที่สอง ในกรุงลอนดอน เป็นร้านขนาด 150 ที่นั่ง เพื่อตอบรับกระแสความต้องการร้านอาหารไทย เหตุผลที่เลือกกรุงลอนดอนเพราะเป็นเมืองจุดศูนย์กลางในยุโรป และอาหารไทย ที่นั่นกำลังมีชื่อเสียงอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็มีความพร้อมของผู้ที่เข้ามาเป็นหุ้นส่วนและสถานที่ด้วย ค่าแฟรนไชส์ของโคคาจะตั้งราคาตามพื้นที่ของที่ตั้งในแต่ละประเทศ เช่น ในประเทศ ที่พัฒนาแล้วจะขายประมาณ 3-4 หมื่นเหรียญสหรัฐ ส่วนราคาในประเทศที่กำลังพัฒนาก็ลดลงกว่านี้

ปลายปีนี้โคคาโฮลดิ้งจะเปิดสถาบันพัฒนาบุคลากร อบรมพ่อครัวแม่ครัวให้ได้มาตรฐานขึ้นมาอีกแผนกหนึ่ง เพื่อเตรียมไว้รองรับการขายแฟรนไชส์ ด้วยวิธีนี้จะสามารถแก้ ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การขยายสาขาในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีอุปสรรคพอสมควร

"เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะแต่ละสาขาที่เปิดใหม่ต้องใช้กุ๊กไปเตรียมงานด้านเมนู ในเรื่องการซื้อสินค้าสดเข้าร้าน ใช้เวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 เดือน ถ้าเราเปิดพร้อมกันมากๆ เราจะเทรนกุ๊กไม่ทัน" นิสานารถ ศิริเพ็ง General Manager ย้ำถึงเหตุผลสำคัญของการเปิดสถาบันฝึกอบรมกับ "ผู้จัดการ"

ในหลักสูตรที่วางแผนไว้จะเป็นการอบรมในเรื่องอาหารไทย ไทยสุกี้ รวมทั้งงาน บริการ โดยจะเปิดรับอบรมคนนอกด้วย และจะใช้ครัวของสาขาที่เวิลด์เทรดที่มีอุปกรณ์พร้อมเป็นสถานที่ฝึกอบรม

บริษัทโคคา โฮลดิ้ง มีบริษัท โคคา ฟู้ดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นโรงงานที่ทันสมัยด้วยการผลิตอาหารผ่านกรรมวิธีต่างๆ เช่น แช่แข็งโดยเร็ว หรือบรรจุกล่องสุญญากาศ โรงงานตั้งอยู่ที่อำเภอบางปะกง ทำหน้าที่ผลิตสินค้าป้อนภัตตาคารต่างๆ ใน เครือโคคา รวมทั้งวางขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต ต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2539 มี 6 แผนกการผลิตที่สำคัญคือ เนื้อ อาหารทะเล เบเกอรี่ บะหมี่ ติ่มซำ และแผนกซอส

ปัจจุบัน 90% ของกำลังผลิตจากโรงงานนี้คือสินค้าที่ส่งขายในตลาดต่างประเทศ

"ในโคคาสุกี้ ผัก เนื้อ เราอาจจะใช้ของท้องถิ่น แต่แน่นอน ซอส น้ำจิ้ม จะเป็นของเรา ลูกชิ้น หรืออาหารบางอย่าง เราจะแช่แข็งไป เราพัฒนาซอสขึ้นมาหลายตัวทั้งแกงแดง แกงเหลือง ผัดไทย หมูสเต็ก เราก็ส่งออก อาหารพวกนี้นอกจากจะขายให้กับแฟรนไชส์แล้ว เรามีเป้าหมายที่จะส่งขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ในต่างประเทศด้วย"

อาหารประเภทติ่มซำ เช่น ฮะเก๋า ขนมจีบ ซาละเปา เป็นสินค้าส่งออกที่ขายดีอย่างมากในต่างประเทศ ในขณะที่อาหารแช่แข็งประเภทเบเกอรี่ก็กำลังขยายตลาดในโรงแรมและ ร้านค้าต่างๆ ในเมืองไทยด้วย

และเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ในปี 2545 การขยายตัวของโคคาเมืองไทยจะเป็นแบบ "โคคาเอ็กซ์เพรส" ซึ่งราคาขายต่อหัวจะถูกกว่ามากขึ้น และปัจจุบันมีเพียง 2 สาขาคือที่สยามเซ็นเตอร์กับซีคอนสแควร์ เท่านั้น

"เราต้องการที่จะทะลุยอดขายให้ได้ในปีหน้า ทั้งในและต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท และเนื่องจากเรามีเพียง 8 สาขาในเมืองไทย ดังนั้นในพันล้านนั้นเป็นยอดขายในประเทศเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น" คุณาวัฒน์อธิบาย

แม้เป้าหมายของบริษัทจะอยู่ที่ตลาดต่างประเทศ แต่ภัตตาคารสุกี้โคคาในเมืองไทยนั้น ยังต้องมีต่อไปแน่นอนและจะเป็นการขยายสาขาโดยตัวเองเท่านั้น ไม่มีการขายแฟรนไชส์เด็ดขาด เพื่อคงเอกลักษณ์ของภัตตาคารโคคาดั้งเดิมที่น่าภาคภูมิใจนี้ไว้ให้ได้มากที่สุด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us