Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2544
The E-Commerce Arsenal เทคโนโลยี 12 แบบเพื่อรับมือยุคดิจิตอล พร้อมสร้างธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ             
 





ส า ร บั ญ

๏ ทำอย่างไรให้เว็บไซต์ของคุณค้นหาได้ง่าย โดยเสิร์ชเอ็นจิ้น

๏ การตลาดแบบบอกต่อ

๏ ร่วมหุ้นกับ Aggregator ชอปปิ้งไซต์

๏ ไดเร็กต์เมลอิเล็กทรอนิกส์แบบเจาะกลุ่ม

๏ ทำอย่างไรไซต์ของคุณจึงจะตอบสนอง ความต้องการเฉพาะ

๏ หลากหลายเครื่องมือช่วยให้ ชอปง่าย และสนุก

๏ เตรียมรับลูกค้าทั่วโลก

๏ เปิดให้ลูกค้าเข้าถึงรายการสินค้าคงคลังแบบ real-time

๏ ระบบบริหารข้อมูล-ปรับปรุงให้ทันสมัย

๏ ระบบคุยกันก่อนขาย

๏ ระบบสนับสนุนลูกค้าแบบหลายช่องทาง

๏ ระบบเลือกชำระเงิน

ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ซคือ ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจที่สร้างนวัตกรรม และเป็น e-business ที่แท้จริงโดดเด่นอย่างชัดเจน นั่นหมาย ถึงเป็นธุรกิจที่สามารถใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด ธุรกิจ ชั้นนำเหล่านี้ไม่ใช่แค่รู้วิธีใช้เทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังตระหนักดีว่าธุรกิจค้าปลีก ไม่ว่า จะออนไลน์หรือออฟไลน์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนทั้งสิ้น กลยุทธ์ที่สำคัญคือ ต้องหาส่วนผสมที่เหมาะเจาะระหว่างความต้องการของแต่ละบุคคล, การอำนวยความ สะดวกแก่ลูกค้า, การใช้เทคนิคการตลาด และกลยุทธ์การส่งเสริมการขาย การเกิดขึ้น ของเว็บทำให้คุณต้องปรับปรุงเทคโนโลยีให้ทันสมัยบ่อยครั้งขึ้น เพื่อขยายช่องทาง การจัดจำหน่ายสินค้าแบบออนไลน์

การก้าวล้ำของเทคโนโลยีทำให้การซื้อขายแบบออนไลน์เป็นไปอย่างรวดเร็ว และถูกลง กุญแจสำคัญก็คือการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ หลัก 3 ข้อของการทำธุรกิจค้าปลีก นั่นคือ การดึงดูดลูกค้า, ทำให้การซื้อขายง่ายและสะดวกขึ้น และเสนอบริการที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้า ซึ่งเทคโนโลยี 12 ประการดังที่จะแนะนำต่อไปนี้ ถือว่าเป็น "สิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง" สำหรับธุรกิจของคุณ

จะดึงดูดลูกค้ามาที่ไซต์ของคุณได้อย่างไร ทำอย่างไรให้เว็บไซต์ของคุณ ค้นหาได้ง่ายโดยเสิร์ชเอ็นจิ้น

เอ็นจิ้นช่วยค้นช่วยให้ผู้เล่นสามารถเชื่อมต่อไปสู่ไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เขาต้องการ ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เล่นพิมพ์คำว่า "เปียโน" เสิร์ชเอ็นจิ้นก็จะแสดงรายการไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนับตั้งแต่ร้านขายเปียโน, ร้านขายเพลงบรรเลงเปียโน, เปียโนคอนเสิร์ต, ตัวปรับเสียงเปียโน หรือแม้แต่ "เปียโน" พิซซ่า ดังนั้นหาก คุณต้องการให้ลูกค้าหาคุณพบ คุณต้องทำให้ไซต์ของคุณติด 1 ใน 15 อันดับต้นๆ (ขึ้นอยู่กับว่าหน้าจอนั้นจะแสดงรายชื่อบริษัทได้ทั้งหมดกี่ชื่อ)

วิธีที่ดีที่สุดในการยื่นสมัครชื่อไซต์ของคุณใน URL ก็คือ ไปที่โฮมเพจของเสิร์ชเอ็นจิ้นหรือไดเร็คทอรี่นั้น แล้วทำตามข้อกำหนดของการสมัครเป็นสมาชิก อย่างไรก็ดี พึงระลึกไว้ว่าเสิร์ชเอ็นจิ้นส่วนใหญ่มักจำกัดจำนวนหน้าที่จะแสดงในแต่ละ URL ไว้ด้วย โดยคุณสามารถยื่นสมัครเป็นสมาชิกได้ตลอด 24 ชั่วโมง

มาตรฐานการจัดอันดับเว็บไซต์

ระบบการค้นหาของเสิร์ชเอ็นจิ้นนั้น อาจดูจาก เนื้อหาหรือดูที่ความนิยมอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่น การจะจัดให้ไซต์ใดอยู่อันดับต้นๆ หรืออันดับท้ายๆ อาจพิจารณาจากจำนวนที่มีผู้ลิงค์เข้าสู่ไซต์นั้นเป็นเกณฑ์หรือดูที่จำนวนคำที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดของ ผู้ใช้เป็นหลัก การพยายามทำให้ไซต์ของเรา "ถูกลิงค์บ่อยๆ" จึงเป็นยุทธวิธีหนึ่งในการทำให้ไซต์ของคุณได้ ขึ้นมาอยู่อันดับต้นๆ ของเสิร์ชเอ็นจิ้นแบบแรกที่อาศัย ความนิยมของผู้ใช้เป็นเกณฑ์ วิธีหนึ่งที่จะทำเช่นนี้ได้ก็คือ การทำให้เอกสารทุกหน้าของไซต์ของคุณเชื่อมโยง ถึงกันได้หมด

จำไว้ว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณต้อง ประเมิน ผู้ซื้อที่เข้ามาเยี่ยมชมไซต์ของคุณด้วยว่า พวก เขาไม่ใช่แค่เข้ามาเยี่ยมชมเฉยๆ คุณอาจอำนวยความ สะดวกให้คนที่เป็นลูกค้าตัวจริงมากขึ้น ด้วยการให้ ผู้ใช้ต้องใส่คีย์เวิร์ดที่เจาะจงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ใช้คีย์เวิร์ดว่า "Pentium III" แทนคำว่า "computer" ที่กว้างเกินไป เพื่อที่ว่าคุณจะได้กรองแต่เฉพาะลูกค้าที่มีเป้าหมายว่าต้องการจะซื้อคอมพิวเตอร์รุ่นใด เพราะลูกค้ากลุ่มนี้น่าจะตั้งใจซื้อสินค้ามากกว่า

เสิร์ชเอ็นจิ้นบางแห่งใช้วิธีคิดค่าธรรมเนียมการ จัดอันดับไซต์ มีการจัดประมูลคีย์เวิร์ดของไซต์ต่างๆ เป็นประจำทุกเดือน ไซต์ไหนให้ราคาสูงกว่าก็จะได้รับการจัดอันดับอยู่ต้นๆ ตัวอย่างเช่น Yahoo! ที่มีบริการ Business Express ให้แก่ลูกค้าที่จ่ายค่าธรรมเนียม โดยรับประกันว่าไซต์ของคุณจะมีคนแวะเข้ามาชมภายใน 7 วันทำการ

สร้างไซต์คู่แฝด

อีกวิธีในการทำให้ไซต์ของคุณสามารถครองอันดับต้นๆ ก็คือ การสร้างไซต์ขึ้น 2 แห่ง ไซต์หนึ่งสำหรับคนทั่วไป อีกไซต์สำหรับเสิร์ชเอ็นจิ้นโดยเฉพาะ คุณสามารถสร้างไซต์คู่แฝดแบบนี้ (หรือที่เรียกว่า "ชาโดว์ไซต์") ขึ้นได้โดยไม่มีปัญหา พยายามให้ชาโดว์ ไซต์มีเนื้อหาเยอะๆ ภาพน้อยๆ เพราะเสิร์ชเอ็นจิ้นนั้นไม่สนใจภาพอยู่แล้ว แต่เน้นที่คำมากกว่าพยายามหลีกเลี่ยงพารามีเตอร์ CGI (common gateway inter-face) เพราะพวกสไปเดอร์ หรือเอเย่นต์อิเล็กทรอนิกส์ ที่คอยค้นหาและทำดัชนีของไซต์ต่างๆ นั้น) จะไม่สามารถพบไซต์ดังกล่าวได้

หมั่นตรวจสอบอันดับและสภาพการจราจรของไซต์

ถ้าไซต์ของคุณเข้าถึงได้ยากเพราะระบบการจราจรแออัด (มีผู้แวะมาเยี่ยมชมมาก) แต่กลับมียอดขายจริงๆ ไม่เท่าไร คุณอาจจะต้องเปลี่ยนคีย์เวิร์ดเสียใหม่ให้ชัดเจนกว่านี้ หรือแก้ไขข้อความแนะนำไซต์ของคุณ ซึ่งจะปรากฏคู่กับรายการลิงค์บนหน้าจอ เสิร์ชเอ็นจิ้นแต่ละแห่งมีข้อกำหนดในเรื่องนี้แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น บางแห่งจะให้คุณเขียนย่อหน้าสั้นๆ เพื่อแนะนำตัว จำกัดไม่เกิน 100 คำ คุณอาจจะต้องเขียนคำอธิบายไซต์ของคุณแตกต่างกันออกไปสำหรับแต่ละเสิร์ชเอ็นจิ้น

คุณสามารถหาซื้อซอฟต์แวร์ที่ใช้ตรวจสอบอันดับที่ของไซต์ของคุณบนเสิร์ช เอ็นจิ้นได้ หรืออาจเรียกใช้บริการจากธุรกิจที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ บริษัทพวกนี้ทำให้ไซต์ของคุณขึ้นลิสต์ และคอยดูแลไซต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี ต้อง ระลึกไว้ว่าไซต์ของคุณควรได้รับการขึ้นลิสต์กับเสิร์ชเอ็นจิ้นที่ได้ผลเป็นสำคัญ เพราะ ถึงแม้คุณจะได้รับการบรรจุไว้ในรายการของเสิร์ชเอ็นจิ้นจำนวนมากถึง 700 แห่ง ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเสิร์ชเอ็นจิ้นพวกนั้นไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงลูกค้าของคุณ ธุรกิจ ที่ว่านี้คิดค่าธรรมเนียมตามความคับคั่งของระบบจราจรสู่ไซต์ของคุณ นั่นหมายถึง เขาจะเก็บเงินจากคุณก็ต่อเมื่อมีคนคลิกเข้ามาที่ไซต์ของคุณ (ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะไม่ได้ซื้ออะไรเลยก็ตาม)

ทางที่ดี คุณควรมีรายงานบันทึกการเชื่อมต่อมายังไซต์ของคุณไว้เปรียบเทียบ กับรายงานที่ได้จากธุรกิจผู้ให้บริการด้วย เพื่อไว้ตรวจสอบ นอกจากนี้ ควรมีข้อมูล อัตราการเปลี่ยนแปลงสถานภาพ (จากผู้เยี่ยมชมมาเป็นผู้ซื้อ) (conversion rate) เพื่อ จะสามารถคิดคำนวณต้นทุนที่แท้จริงได้

การตลาดแบบบอกต่อแห่งยุคดิจิตอล

Viral Marketing ศัพท์คำใหม่ที่หมายถึงการบอกต่อในระบบอิเล็กทรอนิกส์ เจ้าของธุรกิจบางแห่งใช้วิธีเสนอเงื่อนไขให้ลูกค้าออนไลน์ของตนได้รับส่วนลดหรือได้ รางวัล หากสามารถแนะนำลูกค้ารายอื่นให้ได้ เพื่อเน้นความน่าเชื่อถือ เพราะคน ทั่วไปมีแนวโน้มจะเปิดดูอี-เมลส่งเสริมการขายที่ส่งมาจากเพื่อนมากกว่า

อีกรูปแบบหนึ่งของการตลาดแบบบอกต่อก็คือ โปรแกรมธุรกิจในเครือ (affiliate programs) โดยระบบนี้ธุรกิจในเครือแต่ละแห่งจะมีเว็บไซต์หรือไซต์ของตน เอง แล้วจดทะเบียนเข้ากับร้านค้าแห่งใดแห่งหนึ่ง เพื่อได้รับเลขประจำตัวของตน จาก นั้นธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ก็จะเชื่อมโยงเข้าด้วยกันหรือเชื่อมต่อกับไซต์ของร้านค้าดังกล่าว

วิธีนี้มีข้อดีตรงที่ธุรกิจต่างๆ จะจ่ายค่าธรรมเนียมตามจำนวนลูกค้าที่ซื้อสินค้า เท่านั้น ไม่รวมผู้ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมเฉยๆ ธุรกิจแต่ละแห่งยังสามารถทราบแหล่งที่มาของลิงค์และผู้ซื้อสินค้าได้ด้วย โดยอาศัยเลขประจำตัวเฉพาะของตน ข้อดีอีกข้อ ก็คือ เป็นการเพิ่มโอกาสที่สินค้าของตนจะได้รับการเผยแพร่มากขึ้น

โปรแกรม customer loyalty จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถตอบแทนรางวัล ให้กับลูกค้าที่ซื้อสินค้าของตนบ่อยๆ และเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าซื้อสินค้าเป็นประจำ ที่ไซต์นี้มากขึ้น ร่วมหุ้นกับ aggregator

เมื่อก่อนธุรกิจออนไลน์มักจะคิดว่ากุญแจสู่ความสำเร็จก็คือ ต้องดึงดูดลูกค้าให้มาเยี่ยมชมไซต์ของตนให้มากๆ แต่ทุกวันนี้ ธุรกิจหลายแห่งทราบดีว่า ไม่สามารถรอคอยให้ลูกค้าแวะมาหาได้อีกต่อไป แต่ต้องออกหาลูกค้าด้วยตนเอง

ทางที่ดีที่สุดในการเข้าหาลูกค้าก็คือ การทำให้ รายการสินค้าของคุณมีอยู่ใน aggregator หรือไซต์ที่เป็นศูนย์รวมรายการสินค้าต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน รวมไป ถึงเอ็นจิ้นที่มีการเปรียบเทียบราคาสินค้า ซึ่งจะทำให้ผู้เยี่ยมชมหรือผู้ซื้อสามารถเห็นรายการผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของคุณ

ก่อนจะเข้าเป็นหุ้นส่วนกับ aggregator คุณจำเป็นต้องประเมินต้นทุนการเข้าร่วมเสียก่อน ลองดูว่าไซต์ของ aggregator นั้นเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ที่คุณใช้หรือไม่ ดูว่าไซต์ดังกล่าวมีผู้แวะเข้าไปดูมากน้อย เพียงใด

ปกติแล้ว มักจะมีค่าธรรมเนียมแรกเข้า ค่าใช้จ่ายจะคิดจากจำนวนครั้งของการคลิกเข้าไปดู กล่าว อีกอย่างก็คือ ทุกครั้งที่ลูกค้าคลิกเข้าไปดูสินค้าของคุณ คุณจะต้องจ่ายเงินในจำนวนที่แน่นอน (เช่น 0.5 เหรียญ ต่อครั้ง) แม้ว่าลูกค้าที่คุณคาดหวังรายนี้อาจจะไม่ได้ซื้อสินค้าหลังจากดูรายละเอียดเสร็จแล้วก็ตาม อัตราการเปลี่ยนแปลงสถานภาพ หรือจำนวนของ ว่าที่ลูกค้าซึ่งกลายเป็นลูกค้าที่ซื้อจริง ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนในการต่อรองระหว่างคุณกับ aggregator

ลิสต์ฟีด (Listfeed)

aggregator ส่วนใหญ่จะต้อง มีลิสต์ฟีด หรือไฟล์สินค้าของคุณวันต่อวัน จากนั้น ก็จะทำการฟอร์แมต ให้เหมาะกับไซต์ของตน ข้อแนะนำก็คือ คุณควรหาวิธีที่จะทำให้รายการ สินค้าของคุณมีโครงสร้างใกล้เคียงกับของ aggregator เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาจัดประเภทรายการสินค้าใหม่ ag-gregator เจ้าใหญ่หรือผู้ที่ทำธุรกิจนี้มานาน มักจะมีระบบรองรับธุรกิจค้าปลีกได้มาก

aggregator บางรายยังเสนอบริการที่เรียกว่า universal shopping carts (รถเข็น ของรอบจักรวาล) โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถซื้อของจากคุณหรือร้านค้าอื่นๆ ได้ โดยตรงที่ไซต์ของ aggregator นั้น เสร็จแล้ว aggregator ก็จะแจ้งให้คุณทราบว่า มีการซื้อเกิดขึ้น คุณจึงดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้การสั่งซื้อนั้นเป็นผลสำเร็จ หาก คุณต้องการเข้าร่วมบริการพิเศษนี้ คุณจำเป็นจะต้องมีระบบสนับสนุน ECML (elec-tronic commerce markup language) และต้องอนุญาตให้ aggregator ปรับปรุงฐานข้อมูลของคุณผ่านทางเว็บได้ด้วย

ไดเร็กต์เมลอิเล็กทรอนิกส์แบบเจาะกลุ่ม

ระบบ EDM แบบเจาะกลุ่ม หรือที่เรียกว่า Targeted Electronic Direct Mail นั้นช่วยให้ร้านค้าหลายแห่งสามารถส่งเสริมการขายได้แบบครั้งเดียวจบ เพื่อดึงดูด ลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ให้แวะมาเยี่ยมไซต์ของตนได้แบบประหยัดสุดๆ ปกติแล้วคุณ มักจะมีข้อมูลการซื้อและจับจ่ายสินค้าของลูกค้าเหล่านี้อยู่แล้ว จึงสามารถเขียน อี-เมลที่ดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ตามต้องการ อี-เมลจะช่วยให้คุณสามารถสร้าง และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ และปลูกฝังความซื่อสัตย์ในตัวสินค้า แต่อาจมี ข้อเสียหากว่าคุณไม่ทราบกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนหรือไม่ได้ทำการส่งเสริมการขายแบบรุก

ใช้ประโยชน์จาก "คุกกี้ส์"

ระบบไดเร็กต์เมลแบบเจาะกลุ่มยังทำให้คุณมีข้อมูลด้านการตลาดที่สำคัญ โดยการใช้เทคโนโลยีติดตามการทำงานหรือที่เรียกว่า cookies เพื่อทำให้คุณทราบว่าลูกค้าแต่ละรายคลิกเข้าไปดูอะไรบนหน้าจอบ้าง เท่านี้คุณก็มั่นใจว่าจะสามารถส่งข้อความที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดให้กับลูกค้าแต่ละราย แต่การใช้โปรแกรมนี้อาจจำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิค และมีเวลาพอสมควรในการปรับเปลี่ยนข้อความ ในจดหมายอย่างสม่ำเสมอ การจ้างธุรกิจภายนอกมาทำก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดี

พร้อมเชื่อมต่อกับลูกค้าล้ำสมัย

คาดกันว่าภายใน 5 ปี นักเล่นเว็บส่วนใหญ่จะล็อกอินโดยผ่านอุปกรณ์ไร้สาย หรือที่เรียกว่า โมไบล์คอมเมิร์ซ หรือเอ็ม-คอมเมิร์ซ ดังนั้น ควรเตรียมเว็บไซต์ WAP-compliant ไว้แต่เนิ่นๆ WAP หรือ Wireless Application Protocol ชุดคำสั่งที่ช่วยให้อุปกรณ์ไร้สาย WAP สามารถเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตใดๆ ก็ได้

ปัจจุบัน WAP นั้นเป็นที่นิยมในแถบยุโรป เนื่อง จากค่าโทรศัพท์ภายในประเทศของที่นั่นแพงมาก หาก คุณวางแผนจะจัดจำหน่ายสินค้าในยุโรป ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ WAP นอกจากนี้ ควรทราบไว้ว่าอาจมีระบบ ใหม่มาใช้แทน WAP คือ Third Generation Mobile System ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการ และให้บริการโดย อินเตอร์เนชั่นแนล เทเลคอมมิวนิเคชั่น ยูเนี่ยน (ITU)

WAP Navigation

เนื่องจากอุปกรณ์ไร้สายที่พกพาได้นั้น มีหน้าจอที่เล็กกว่าหน้าจอคอมพิวเตอร์มาก ผู้ใช้ WAP จึงต้องใช้อุปกรณ์นำทางที่ง่ายขึ้น โดยมีเพียงลิสต์รายการ ที่ใช้วิธีเจาะเข้าไปเรื่อยๆ กล่าวอีกอย่างก็คือ ผู้ใช้จะเลื่อนรายการดู และเลือกสิ่งที่ต้องการต่อๆ ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจึงจะได้ข้อมูลที่ต้องการ

การจะช่วยให้นักโต้ WAP (WAP Surfer) หาไซต์ของคุณเจอ ควรพยายามทำให้ไซต์ของคุณแสดงอยู่บนเมนูรายการบนเมนูหลักของผู้ให้บริการ ซึ่งจำเป็น ต้องอาศัยการทุ่มเงินประมูลพอสมควร

วิธีที่ดีที่สุดในการจะก้าวสู่ยุคไร้สาย ก็โดยการร่วมมือกับ wireless aggregator ข้อดีก็คือ aggregator จะคิดเงินจากคุณก็ต่อเมื่อคุณขายได้เท่านั้น

คลิกแล้วคุย

เนื่องจากโทรศัพท์มือถือคือผู้ครองตลาดไร้สาย เราจึงควรใช้ประโยชน์จาก เสียงให้มากที่สุด ที่สำคัญ ก็คือ เสียงช่วยให้ปิดการขายได้ ไซต์ของ คุณ อาจจะแสดงหมายเลขโทรศัพท์ของแผนกลูกค้าสัมพันธ์ หรือ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะคลิกโทรเลยหรือเปล่า การจะทำเช่นนี้ได้ คุณจำเป็นต้องเพิ่มปุ่มหนึ่ง ปุ่มลงไปในหน้าเว็บที่ใช้ WAP ข้อดีของการใช้ปุ่มลิงค์แบบนี้ก็คือ ลูกค้าจะไม่ต้องรอสายนานและเจ้าหน้าที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์ที่ตอบรับการลิงค์นี้ ก็มีข้อมูลต่างๆ พร้อมอยู่แล้ว

ทำอย่างไรเพื่อให้ซื้อง่ายและสะดวกขึ้น ทำอย่างไรไซต์ของคุณจึงจะตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล

การจะทำให้ไซต์ของคุณสามารถตอบรับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ มี 2 วิธี ดังนี้

1) เพิ่มความรวดเร็วในจุดจ่ายเงิน (เช่น มีการบันทึกข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าไว้)

2) ดูความสนใจของลูกค้าแต่ละราย และศึกษาว่าลูกค้าชอบซื้ออะไร

ถ้าคุณเคยสั่งซื้อหนังสือผ่าน อเมซอนแล้วกลับไปที่ไซต์นั้นอีกครั้ง คุณจะได้เห็นตัวอย่างของการสนองตอบความต้องการส่วนบุคคล อเมซอนจะแนะนำหนังสือประเภทเดียวกับที่คุณเคยสั่งซื้อ โดยอาศัยข้อมูลการสั่งซื้อครั้งก่อนๆ

วิธีหลักในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความชอบ/ไม่ชอบของลูกค้าและนำมา ใช้เพื่อสนองตอบความต้องการเฉพาะของแต่ละคนนั้น มีอยู่ 2 วิธีด้วยกันคือ เอ็นจิ้น แนะนำ (Recommendation Engine) และบทวิเคราะห์แนวคลิกของลูกค้า (click stream analysis)

Recommendation Engine

เอ็นจิ้นแนะนำจะทบทวนข้อมูลการซื้อสินค้าของลูกค้าในฐานข้อมูล และให้ คำแนะนำแบบ real-time แก่ลูกค้าแต่ละราย เอ็นจิ้นเหล่านี้ใช้วิธีการวิเคราะห์และเทคนิค collaborative filtering (การกรองข้อมูล)

เทคนิคที่ว่าจะพิจารณาข้อมูลประวัติการซื้อของลูกค้า ควบคู่ไปกับข้อมูลพื้นฐานอื่นๆ ของลูกค้า (เช่น เพศ, อายุ, การศึกษา ฯลฯ) จึงทำให้ทราบว่า เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าชิ้นนี้แล้ว น่าจะซื้อสินค้าอะไรต่ออีก Collaborative filtering ยังสามารถ ให้คำแนะนำกับลูกค้าใหม่ที่แวะเข้ามาได้ โดยดูว่าลูกค้าเลือกดูสินค้าอะไรบ้าง วิเคราะห์แนวการคลิกของลูกค้า

Click-stream analysis ซึ่งเป็นระบบ real-time จะทำให้คุณเห็นว่า ลูกค้าได้เลือกดูอะไรบ้างในการแวะ มาเยี่ยมชมครั้งนี้ จึงทำให้คุณตัดสินใจจะนำเสนอ อะไร ให้กับลูกค้าต่อไป เว็บไซต์ของอเมซอนก็ใช้เทคนิคนี้

เมื่อใดก็ตามที่คุณมีข้อมูลของลูกค้า จงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่ายัดเยียดไม้กอล์ฟและอุปกรณ์ เล่นเทนนิสให้ลูกค้า ถ้าเธอบอกคุณแล้วว่าเธอชอบคลิก เข้าไปดูเรื่องการจัดสวนและรายชื่อพิพิธภัณฑ์ต่างๆ

ติดตั้งเครื่องมือค้นหา เพื่อช่วยลูกค้าค้นหาสิ่งที่ต้องการ

หากลูกค้ามีประสบการณ์ที่เลวร้ายจากการซื้อสินค้าออนไลน์เพียงครั้งเดียว ลูกค้าจะเลิกซื้อสินค้าทาง อินเทอร์เน็ตนานหลายเดือน ซึ่งทำให้พ่อค้าออนไลน์รายอื่นพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย เพื่อสร้างความประทับใจในการซื้อสินค้าให้แก่ลูกค้า อันจะนำไปสู่การ ซื้อซ้ำ ร้านค้าออนไลน์จึงควรใช้เทคโนโลยีต่างๆ ดังนี้

Shopping Wizard

Shopping Wizard ก็เหมือนสาแหรกการตัดสินใจ เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการ เลือกซื้อของขวัญสักชิ้น ลูกค้าเพียงแต่กรอกข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับ โอกาสของการให้ของขวัญชิ้นนี้ และระดับราคาของขวัญ จากนั้น Shopping Wizard ก็จะแนะนำสินค้า ให้กับลูกค้าได้โดยอาศัยข้อมูลเหล่านี้ คุณยังสามารถตั้งโปรแกรมให้ระบบถาม คำถามที่เจาะจงมากขึ้นก็ได้ แต่ต้องแน่ใจว่า รายการสินค้าต่างๆ ที่จะแนะนำให้แก่ ลูกค้าเป็นรายการที่ทันสมัย

In-context search tool

เครื่องมือนี้ใช้เพิ่มเข้าไปใน Shopping Wizard เพื่อให้ลูกค้าสามารถพิมพ์คำพูดปกติลงไปได้ โดยไม่ต้องเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ (เช่น "ฉันต้องการเครื่องตัดหญ้าไร้สาย") ระบบจะจำกัดสิ่งที่ลูกค้าต้องการให้แคบเข้า โดยการถามคำถามเพิ่ม (เช่น ผลิตภายในประเทศหรือต่างประเทศ)

Natural-language search tool

เครื่องมือนี้จะช่วยให้คุณสื่อสารกับลูกค้าได้ดีขึ้น ธุรกิจให้บริการด้านการเงิน เป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์มากจาก natural-language search tool เพราะช่วยให้สามารถ ดึงดูดลูกค้าหลากหลายที่มีพื้นฐานความรู้ด้านการเงิน แตกต่างกันไป บริษัทที่ให้บริการ natural-language search tool ยังสามารถดึงเอาคำถามที่ถามบ่อยๆ ขึ้น มาได้ ทำให้ไซต์ของคุณสามารถจัดเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า

ฐานความรู้ (knowledgebase)

ฐานความรู้หรือการรวบรวมคำถามและคำตอบ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือบริการ เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่มีความรู้ในเชิงเทคนิคแล้ว ระบบ นี้อาจจะถูกสร้างขึ้นไว้ก่อน แล้วค่อยๆ ปรับปรุงขึ้นโดยใช้ข้อมูลคำถามที่มีเข้ามายังฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์

ตัวอย่างเช่น บริการของบริษัท 3Com ซึ่งมีรายการคำถามด้านเทคนิคที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ซึ่งมักจะมีรูปแบบคำถามซ้ำๆ กัน และทำให้ผู้ใช้ผลิต ภัณฑ์เครือข่ายของบริษัทได้รับคำตอบโดยเร็วที่สุด หากฐานความรู้ไม่สามารถตอบคำถามได้ครบถ้วน เจ้าหน้าที่สนับสนุนจึงค่อยลงมือแก้ปัญหา เมื่อได้รับโทรศัพท์จากลูกค้า

เตรียมรับลูกค้าทั่วโลก

สหรัฐอเมริกามิใช่แหล่งจับจ่ายที่สำคัญของบรรดานักชอปอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นถ้าคุณวางแผนจะก้าวสู่สมรภูมิอี-คอมเมิร์ซ คุณต้องรับเงินสกุลอื่นนอกเหนือจากเงินดอลลาร์

คุณอาจต้องประหลาดใจเมื่อได้รู้ว่า ประมาณ 30-40% ของผู้ที่ลิงค์เข้ามาที่ไซต์ของคุณนั้นมาจาก ต่างประเทศ (ที่ไม่ใช่อเมริกา) ผู้ดูแลเครือข่าย ย่อมจะสามารถค้นหาแหล่งที่มาของแขกผู้มาเยี่ยมเยือนเหล่า นี้ และวิเคราะห์แนวการคลิกของพวกเขาได้ไม่ยาก บ่อยครั้งที่นักชอปต่างชาติต้องผิดหวังกับข้อความที่ระบุไว้ท้ายหน้าเอกสารว่า "จัดจำหน่ายเฉพาะในอเมริกาเท่านั้น" การจะทำให้ไซต์ของคุณเปิดรับลูกค้า สากลให้มากกว่านี้ก็ได้แก่ การทำให้โครงสร้างของไซต์ เป็นสากลด้วยการ

‘ กำหนดนโยบายการขนส่งสินค้าบนโฮมเพจของคุณ หรือหน้าที่ใกล้ๆ กัน

‘ ฟอร์แมตของไซต์ควรเปิดกว้างสำหรับเขตจังหวัดหรือเมืองอื่นๆ นอกประเทศ เช่น ช่องป้อนข้อมูล และหมายเลขโทรศัพท์ ควรเว้นที่เผื่อไว้

‘ ใช้ฐานข้อมูลที่รับตัวอักษร double ASCII ซึ่งใช้กับบางภาษา เช่น ภาษาญี่ปุ่น และภาษาจีน

‘ ลดกราฟิกลง เพื่อลดเวลาการดาวน์โหลด

เปิดรับเงินต่างสกุล

สอบถามลูกค้าแต่เนิ่นๆ ว่า พวกเขายินดีจะจ่ายเงินเป็นเงินสกุลอะไร เพื่อคุณจะสามารถคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน และเก็บข้อมูลนั้นไว้จนถึงจุดชำระเงิน ผู้ให้ บริการซอฟต์แวร์ประมวลผลบัตรเครดิตจะสามารถช่วยคุณในจุดนี้ได้

เปิดให้ลูกค้าเข้าถึงรายการสินค้า แบบ real-time

ธุรกิจออนไลน์นั้นต้องมีข้อมูลสินค้าที่กว้างขวาง ทั้งก่อนและหลังการขาย ลูกค้าออนไลน์ต้องสามารถเห็นภาพสินค้าและอ่านคำบรรยายลักษณะสินค้าก่อนซื้อ ได้ อีกทั้งต้องได้รับจดหมายยืนยันการสั่งซื้อจากผู้ขายโดยทางอี-เมลด้วย ถ้าลูกค้า มีข้อสงสัย หรือเกิดความไม่มั่นใจในระหว่างการซื้อ (เช่น อยากทราบว่ามีของชิ้นนี้ใน สต็อกหรือไม่) แล้วไม่ได้รับคำตอบลูกค้า อาจโทรสอบถามไปที่บริษัทโดยใช้บริการ โทรฟรี หรือไม่ก็ยกเลิกการซื้อไปเลย

หากธุรกิจของคุณดูแลสินค้าคงคลังด้วยตนเอง ควรเพิ่มปุ่ม "มีในสต็อก" ขึ้น ที่หน้าแสดงผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงรายการสินค้าคงคลัง แบบ real-time แต่ถ้าผู้จัดจำหน่ายของคุณเป็นผู้ดูแลสินค้าคงคลัง คุณควรจัดให้ใครเป็น ผู้ดูแลข้อมูลดังกล่าวแบบ real-time หรืออย่างน้อยก็ควรมีการปรับปรุงข้อมูลนี้บ่อยๆ

การยืนยันคำสั่งซื้อ

อี-เมลยืนยันคำสั่งซื้อเป็นสิ่งที่ผู้ขายทั่วไปมักมองข้าม ทั้งๆ ที่เป็นโอกาส อันดีที่ผู้ขายจะสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า อี-เมลดังกล่าวต่างกับอี-เมลส่งเสริมการขายทั่วๆ ไป (ที่ลูกค้าอาจไม่ได้เปิดดูด้วยซ้ำ) เพราะลูกค้าย่อมต้องการตรวจสอบว่า ผู้ขายได้รับคำสั่งซื้อจริง คุณสามารถเพิ่มรายการส่งเสริมการขายแบบ ให้ส่วนลดเข้าไปในจดหมายด้วยก็ได้ หมายเหตุ - ข้อมูลต่างๆ ที่ลูกค้าป้อนเข้าไปในระบบออนไลน์ ควรจะมีอยู่ที่ศูนย์ลูกค้า สัมพันธ์ที่ให้บริการทางโทรศัพท์ด้วย หรือที่แผนกสโตร์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ในทุกๆ จุด

ระบบบริหารข้อมูล ปรับปรุงข้อมูลทุกอย่างให้ทันสมัย

ระบบบริหารข้อมูล (Content Management Systems - CMS) เป็นซอฟต์แวร์ สำเร็จรูปที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า, ราคา และข้อมูลพิเศษอื่นๆ ที่ทันสมัยไว้ที่ไซต์ ของคุณ ซอฟต์แวร์นี้ได้รับการพัฒนามาจนเป็นระบบซับซ้อนในปัจจุบัน และทำให้คุณ สามารถรวมระบบบริหารคำสั่งซื้อ, ซอฟต์แวร์หัวใจธุรกิจ, ซอฟต์แวร์บริหารสินค้าคงคลัง, ซอฟต์แวร์การ วางแผนทรัพยากรองค์กร, ซอฟต์แวร์ฐานข้อมูลลูกค้า และซอฟต์แวร์ตอบสนองลูกค้าแต่ละรายไว้ด้วยกัน

องค์ประกอบพื้นฐานของ CMS

เนื่องจาก CMS มีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จ ของธุรกิจของคุณอย่างมาก ดังนั้นระบบของคุณควรจะมีองค์ประกอบพื้นฐานดังนี้

‘ เนื้อหาของเอกสารต้องเป็นอิสระจากการนำ เสนอ คุณย่อมต้องการให้ลูกค้าสามารถเข้ามาดูไซต์ของคุณได้ ไม่ว่าเขาจะเข้ามาที่ไซต์ของคุณโดยผ่าน desktop browser หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ตาม ดังนั้นผู้ออกแบบเนื้อหาของคุณ ต้องจัดหาข้อมูลทั้งหมดให้ก่อน แล้วค่อยใช้ logic และ template ของ CMS มาทำหน้าที่นำรายการข้อมูลไปใส่ตรงตำแหน่งที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม

‘ เนื้อหาต้องบรรจุอยู่ในฟอร์แมตที่ไม่เฉพาะเจาะจง (nonproprietary format) เพื่อให้การโอนถ่ายข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น หากมีการอัพเกรด หรือนำระบบใหม่มาใช้

‘ ข้อมูลนั้นจะสร้างขึ้นจากไหน (เช่น จากเจ้าหน้าที่การตลาด หรือคนภาย นอก) ก็ไม่สำคัญสำหรับ CMS

‘ ใช้ intuitive interface

‘ สามารถแก้ไขปรับปรุงเนื้อหานั้นได้โดยไม่ต้องปิดระบบ

‘ ควบคุมเวอร์ชั่นของเอกสารโดยมีวันที่และเวลาการอนุมัติการแก้ไขกำกับ

‘ ใช้เทมเพลตในการจัดการเนื้อหา เพื่อสร้างหน้าเอกสารและตรวจแก้ได้ง่ายขึ้น

‘ ใช้ personalization engine เพื่อให้หน้าตาเอกสารเปลี่ยนแปลงตามผู้เข้ามาเยี่ยมชม โดยดูที่องค์ประกอบต่างๆ ของผู้เยี่ยมชม

‘ คุณสามารถเพิ่มข้อกำหนดทางธุรกิจที่ซับซ้อนได้ เพื่อกำหนดว่าสินค้าใดต้องแสดงคู่กับสินค้าใด

‘ สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายการชำระเงินของคุณได้อย่างกลมกลืน

‘ ทำให้เข้าถึงข้อมูลเมตริกซ์ได้ง่าย

การปรับปรุงด้านการบริการลูกค้า ระบบคุยกันก่อนขาย และบริการลูกค้าแบบ real-time

ปัจจุบันมีระบบที่เอื้อให้ลูกค้าออนไลน์สามารถติดต่อกับฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อได้แล้ว โดยผู้ขายจ่ายเงินเพิ่มอีกเพียงไม่เท่าไร ลองคิดดูว่า ใน ร้านค้าทั่วไป ลูกค้าสามารถขอความช่วยเหลือจากพนักงานขายก่อนซื้อสินค้าได้ แต่ ในระบบออนไลน์ ลูกค้าอาจจะรู้สึกว่า หากต้องการติดต่อฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ก็ต้อง ใช้วิธีโทรศัพท์ หรืออี-เมลไปถาม ซึ่งไม่ใคร่สะดวก พวกเขาจึงอาจตัดสินใจยกเลิกคำสั่งซื้อ

ในร้านค้าปกติ พนักงานขายในร้านสามารถเสนอสินค้าตัวอื่นให้แก่ลูกค้า เพื่อเพิ่มยอดขาย แต่ถ้าเป็นระบบออนไลน์อาจใช้เครื่องมือ คุยก่อนขาย (real-time chat) และบริการส่งข้อความแบบเร่งด่วน ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ของลูกค้าไม่จำเป็น ต้องมีซอฟต์แวร์พิเศษใดๆ ในการใช้บริการดังกล่าว

เมื่อลูกค้าคลิกเข้ามาที่ปุ่ม chat เจ้าหน้าที่แผนกลูกค้าสัมพันธ์จะพิมพ์คำตอบ โดยชื่อของเจ้าหน้าที่จะปรากฏขึ้นที่ช่องสี่เหลี่ยมหน้าจอลูกค้า ถ้าเจ้าหน้าที่กำลังติดสายอื่นอยู่ จะมีข้อความแจ้งขึ้นที่หน้าจอของลูกค้า ปุ่มเร่งด่วนยังช่วยให้เจ้าหน้าที่ สามารถตอบคำถามในเวลาอันรวดเร็ว โดยสามารถตอบลูกค้าได้พร้อมๆ กันครั้งละ 6 คน

นอกจากนี้ ปุ่ม chat ยังทำให้พนักงานสามารถดึงเอาหน้าเว็บขึ้นมาประกอบ คำอธิบายได้ด้วย ทั้งยังช่วยให้พนักงานสามารถทราบว่าลูกค้ากำลังดูหน้าไหนอยู่

ใช้กลุ่มเพื่อนช่วยดึงยอดขาย

กล่าวได้ว่า ปัจจุบัน อเมซอนเป็นชอปปิ้งไซต์ออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ มากที่สุดไซต์หนึ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย เพราะอเมซอนเป็นไซต์แรกที่ดึงเอากลุ่มคนรู้จักมาเป็นตัวสร้างความเชื่อถือในตัวสินค้า โดยการเพิ่มส่วนคำวิจารณ์จากลูกค้าเข้าไป แถมยังมีส่วนของ "ชอปกับเพื่อน" เพื่อให้ผู้ซื้อ 2 คนจากต่างที่ สามารถเชื่อมต่อกับไซต์อเม-ซอน และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแบบ real-time เกี่ยวกับตัวสินค้าได้

ระบบสนับสนุนลูกค้าแบบหลายช่องทาง เชื่อมบริการลูกค้าแบบออนไลน์และออฟไลน์

ผลการสำรวจลูกค้าออนไลน์ชี้ให้เห็นว่า การให้ บริการที่ดีแก่ลูกค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าขาจร กลายมาเป็นลูกค้าที่ซื่อสัตย์ และซื้อสินค้าจากผู้ขายเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะเดียวกัน เว็บยังเป็นตัวเปลี่ยน แปลงลักษณะของธุรกิจค้าปลีกจากที่เคยเน้นที่ตัวสินค้า หันมาเน้นที่ลูกค้าเป็นหลัก จุดแข็งของธุรกิจดังกล่าวก็คือ การให้การสนับสนุนลูกค้าทุกระดับและทุกช่องทาง ยิ่ง e-business เชื่อมโยงกับร้านค้าที่มีอยู่ได้มากเท่าไร ฝ่ายสนับสนุนลูกค้าก็ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้น เท่านั้น การรวมฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์แบบออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน จึงได้แก่

‘ การทำให้พนักงานขายในร้านรู้ว่า ร้านค้าได้เสนออะไรทางอี-เมลให้แก่ลูกค้าบ้าง และให้รางวัลแก่ลูกค้าที่ตอบรับสินค้าอย่างไรบ้าง

‘ ติดตั้งตู้บริการอัตโนมัติไว้ที่ร้าน เพื่อที่ลูกค้า จะสามารถสั่งซื้อสินค้าที่หมดสต็อกที่ร้านค้าใดร้านค้า หนึ่งได้

‘ ให้คูปองโดยผ่านอุปกรณ์มือถือเมื่อลูกค้าลงชื่อเป็นสมาชิกในร้านค้าทั่วไป

‘ พนักงานในร้านต้องสามารถติดตามประวัติผู้ซื้อด้วยระบบออนไลน์ได้

ความสำคัญของระบบเลือกชำระเงิน

สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับไซต์ของคุณก็คือ ระบบ ทางเลือกชำระเงิน ซึ่งสำคัญสำหรับคุณเองมากกว่าสำหรับลูกค้าเสียอีก เพราะ 35% ของรายการขายที่เกิดขึ้น (ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์) เป็นการฉ้อโกงทั้งนั้น ร้านค้าออนไลน์จึงต้องป้องกันตนเองเป็น พิเศษ โดยการปรับปรุงระบบให้มีการจ่ายเงินได้หลาย แบบเพื่อแก้ปัญหา

วิธีที่สำคัญที่สุดในการป้องกันตนเองก็คือ ใช้ระบบการจ่ายชำระที่มีการตรวจสอบว่า ผู้ใช้บัตรเครดิตคือเจ้าของบัตรที่แท้จริง ซึ่งมีทั้งระบบที่ติดตั้งบน ฮาร์ดแวร์ คือเป็นเทคโนโลยีสมาร์ทการ์ดที่มีชิปฝังอยู่ในคอมพิวเตอร์ หรือระบบที่ใช้ Encrypted-cookie ที่ธุรกิจภายนอกจะเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า และข้อมูล การชำระเงิน แล้วบันทึกเข้าไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือระบบรักษาความปลอดภัย ที่ลูกค้าจะต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ไว้ที่เครื่อง ขณะที่ร้านค้าก็ต้องติดตั้ง secure-socket layer เพื่อส่งผ่านรหัสข้อมูล

วิธีอื่นๆ

นอกจากระบบตรวจสอบเจ้าของบัตรแล้ว ยังมีวิธีการชำระเงินแบบอื่นๆ ที่ให้ผลดี เพราะไม่ต้องอาศัยเครือข่ายบัตรเครดิตแบบเก่า และเจ้าของสินค้าก็ไม่ต้อง เปิดบัญชีขึ้นมาโดยเฉพาะด้วย วิธีดังกล่าวก็เช่น

Same-as-Cash วิธีนี้ผู้ซื้อจะต้องไปที่ร้านค้าและซื้อบัตรตามมูลค่าที่ต้องการ จากนั้นบัตรเหล่านี้ก็จะใช้ได้ที่เว็บไซต์ของผู้ขาย (โดยลูกค้าใส่รหัสผ่านเข้าไป) บัตรนี้ใช้ซื้อสินค้าที่สาขาใดของทางร้านก็ได้

Stored-Value-Accounts Online ลูกค้าจะสร้างบัญชีออนไลน์ขึ้นที่ไซต์ของ ผู้ขาย ซึ่งสามารถเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตที่ลูกค้าถืออยู่, เช็ค, บัญชีออมทรัพย์ หรือธนาณัติ ลูกค้าจะได้รับรหัสผ่าน จากนั้นเมื่อมูลค่าของบัตรลดลงเพราะถูกใช้ไป ลูกค้าต้องอนุมัติให้มีการโอนเงินมาเพิ่ม หรือส่งเช็คหรือธนาณัติมาเพิ่มยอดเงินก็ได้

Self-recharging Account ลูกค้าสร้างบัญชีขึ้น เรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิต หรือการโอนเงินเข้าบัญชี เมื่อมีการจ่ายเงินออกไป จะมีการเรียกเก็บเงินมาทดแทน ยอดที่ลดลงโดยอัตโนมัติ

Hardware-Based Stored-Value Account วิธีนี้ บัญชีของลูกค้าจะถูกเรียกเก็บเงินด้วยวิธีการดังข้างต้น แต่จะใช้ได้ต่อเมื่อมีการนำเอาชิปหรือตัวอ่านการ์ดติดตั้งเข้าที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์หลักของผู้ขายจะเริ่มทำงานก็เมื่อมีการติดตั้ง เครื่องมือดังกล่าว วิธีนี้ค่อนข้างยุ่งยาก

Phone Bill Payment ผู้ซื้อจำเป็นต้องเข้าไปที่ไซต์ของผู้ขายโดยการหมุนโทรศัพท์เข้าไปเท่านั้น ตรงจุดจ่ายเงิน ลูกค้าต้องคลิกที่ปุ่มที่ระบุว่า ลูกค้ายินดีให้มีการเรียกเก็บเงินทางโทรศัพท์ ผู้ขายจะทำการดาวน์โหลดโปรแกรมการเชื่อมต่อไปยังหมายเลข 900 และต่อไปยังรายการค่าใช้จ่ายของลูกค้าที่จะปรากฏในใบแจ้งหนี้ค่าโทรศัพท์ ลูกค้าต้องเรียกกลับไปที่ ISP อีกครั้ง และเข้าไปที่หน้ายืนยันคำสั่งซื้อ วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยม และลดความเป็นไปได้ในการเจาะเข้าสู่ข้อมูลบัตรเครดิตโดยบุคคลอันไม่พึงประสงค์

Micropayment ผู้ขายจะบันทึก "หลักฐาน" จากขั้นตอนการจ่ายเงินเพื่อยืนยันว่ามีการจ่ายจริง วิธีนี้ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องบันทึกข้อมูลการชำระเงินใดๆ ของลูกค้าไว้เลย หรือคุณอาจจะทำให้ขั้นตอนการจ่ายเงินเรียกเข้ามาที่เซิร์ฟเวอร์ แล้วค่อยยอมรับการจ่ายเงินจากลูกค้าก็ได้

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us