Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2544
อาคารศุลกสถาน อดีตที่ร่วงโรยริมแม่น้ำเจ้าพระยา             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
 





ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ซึ่งใกล้กับโรงแรมโอเรียนเต็ล โรงแรมที่ดีที่สุดในโลกนั้น มีอาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี หลังหนึ่งตั้งอยู่ น่าเสียดายที่ความทรุดโทรมของตัวตึกและ สภาพแวดล้อม ทำให้แทบมองไม่เห็นร่องรอยของความงาม ทางด้านสถาปัตยกรรมหลงเหลืออยู่เลย

หากมองย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 113 ปีก่อนซึ่งตรงกับสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อาคารศุลกสถานซึ่งใช้ เป็นที่ทำการของกรมศุลกากรหลังนี้เคยสวย งามและทรงคุณค่าทางด้านสถาปัตยกรรม จนเป็นที่ร่ำลือตั้งแต่สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2431 ก่อนที่กรมฯ นี้จะย้ายไปอยู่ที่คลองเตย ในปี พ.ศ.2492

ตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยคลาสสิค เป็นรูปสี่เหลี่ยมยาวแผ่ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา มีระเบียงทางเดินด้าน หน้าซึ่งประกอบด้วยซุ้มหน้าต่างตลอดแนวอาคาร ชั้นล่างเป็นซุ้มสี่เหลี่ยมเรียบๆ ส่วนชั้น 2-3 เป็นซุ้มโค้ง ขอบระเบียงเป็นลูกกรงแก้วปูนปั้น มีเสาอิงเป็นระยะสลับกับแนวหน้าต่าง ช่วงกลางเป็นจั่ว รูปสามเหลี่ยมบรรจุนาฬิกาทรงกลมในจั่ว เหนือจั่วมีกระบังหน้าคล้ายมงกุฎปั้นเป็นตราแผ่นดิน

ผู้ออกแบบคือ โยคิม กราซี (Joachim Crassi) สถาปนิกชาวอิตาลี ซึ่งเข้ามารับราชการในราชสำนักสยามตอนต้น รัชกาลที่ 5 มีหน้าที่ช่วยออกแบบก่อสร้างสถานที่ราชการ วัง และบ้านเสนาบดีที่มีฐานะในช่วงนั้น

ในหนังสือ Bangkok Times Guide Book ปี ค.ศ.1890 ได้บันทึกถึงอาคารศุลกสถานไว้ว่า

"เป็นสถานที่งดงามแห่งหนึ่งในบรรดาสถานที่ซึ่งสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ ภายในระยะ 10 ปีที่ล่วงมานี้ และตั้งอยู่ ริมแม่น้ำในที่สง่าผ่าเผย เนื้อที่ซึ่งใช้เป็นท่าเรือ โกดังสินค้า ตัวตึกที่ทำการ และที่อยู่พนักงานที่เกี่ยวข้องกับศุลกสถาน โดยตรง มีขนาดกว่า 10 เอเคอร์ (3-4ไร่) ท่าเรือมีทางสะดวกสำหรับขนถ่ายสินค้าจากเรือลำเลียง แม้เรือกลไฟขนาดใหญ่ ก็เข้าเทียบขนส่งสินค้าได้ มีโรงพักสินค้า และที่พักพนักงาน ตัวตึกใหญ่นั้นรูปทรงงดงามมี 3 ชั้น"

ในหนังสือตำนานกรมศุลกากร ของพระยาอนุมานราชธน ก็ได้เขียนชมความงามไว้เช่นกันว่า

"สมัยนั้น ถ้านั่งเรือไปตามแม่น้ำจะปรากฏตัวตึกกรมศุลกากรตั้งตระหง่านเด่นเห็นได้แต่ไกล ด้วย เป็นตึกที่ตอนกลางสูงถึง 3 ชั้น ซึ่งในสมัยนั้นนอกจากกระทรวงกลาโหมแล้ว ดูเหมือนจะมีแต่ตึกกรมศุลกากร เท่านั้นที่เป็นตึกขนาดใหญ่ และสง่างาม"

เพราะความงดงามและมีคุณค่าของอาคารหลังนี้ ในสมัยนั้นทางราชการจึงได้ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมเกี่ยวกับชาวต่างประเทศ บ้างใช้เป็นที่รับรอง บ้างใช้เป็นสถานที่เต้นรำ ในคราวพระราชพิธีเฉลิม พระชนมพรรษา รวมทั้งพระราชพิธีสมโภชพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จนิวัติพระนครจากการเยือนประเทศในยุโรปครั้งแรก

ปัจจุบันอาคารหลังนี้เป็นที่พำนักและเป็นที่ทำการของตำรวจน้ำ และน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ขาดงบประมาณในการดูแลรักษา และยังมิได้ใช้ประโยชน์จากคุณค่าทางสถาปัตยกรรมของอาคารอย่างเต็มที่ จนกลายเป็นอาคารเก่าแก่รกรุงรังริมน้ำอาคารหนึ่ง เมื่อมองแล้วอดเปรียบเทียบกันไม่ได้กับตึก Author'sWing ของโรงแรมโอเรียนเต็ลซึ่งอยู่ใกล้กัน ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีเหมือนกัน และสร้างเสร็จในระยะ เวลาใกล้เคียงกันคือ ในปี พ.ศ.2430 แต่ทุกวันนี้ยังคงได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจนกลายเป็นสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้ามาชื่นชม และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us