กระแสความแรงของวรรณกรรมเยาวชน "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ที่โด่งดังไปทั่วโลกนั้น
ได้ทำให้ เจ.เคโรว์ลิ่ง ผู้หญิงแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยประสบความสำเร็จในการแต่งหนังสือขาย
มาก่อนเลย กลายเป็นอภิมหาเศรษฐีคนหนึ่งของโลก ภายในพริบตา
เมื่อเดือนมิถุนายน 2543 เธอได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น
2 จาก สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ เนื่องจากการเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้วงการวรรณกรรม
สำหรับเด็ก
ไนเจล นิวตัน ประธานสำนักพิมพ์บลูมเบอรี่ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า
แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นสินทรัพย์มหาศาลที่ยังจะสร้างรายได้มหาศาลให้กับสำนักพิมพ์ต่อไป
ในปีที่ผ่านมา สำนักพิมพ์แห่งนี้มีผลประกอบการเป็นเม็ดเงินกำไรที่เพิ่มขึ้นถึง
120% ซึ่งเขายกผลประโยชน์ว่ามาจาก ยอดพิมพ์ของหนังสือเล่มนี้
ขณะนี้ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้ถูก Warner Brother ยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์ของโลกซื้อลิขสิทธิ์ไปร่ายมนต์
เพื่อทำกำไรต่อด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวบนแผ่นฟิล์ม โดยมี คริส โคลัมบัส ผู้ฝาก
ผลงานมาแล้วในเรื่อง Home Alone เป็นผู้กำกับ และเตรียมออกฉายในประเทศต่างๆ
ทั่วโลก เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2544 ส่วนแฟนพ่อมดน้อยในเมืองไทยจะได้ดูกันในวันที่
30 พฤศจิกายน 2544 นับว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่โลกกำลังรอคอย
นอกจากค่าลิขสิทธิ์ที่ เจ.เค. โรว์ลิ่ง จะได้จากยอดพิมพ์ของหนังสือและภาพยนตร์แล้ว
เม็ดเงิน จำนวนมหาศาลที่เป็นผลพวงจากสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับหนังสือเล่มนี้ก็ยังหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
เช่นปลายปีนี้ บริษัท Electronic Art ซึ่งได้ลิขสิทธิ์เกี่ยวกับเรื่องเกมก็กำลังปล่อยเกม
On Line ของโลกเวทมนตร์นี้ออกมาอาละวาด และยังมีตัว Game Boy Color Game
Boy Advance และ Game Playstation ส่วนในปี 2545 ก็เตรียมวางแผนเกมอีกจำนวนหนึ่งออกมาแล้วเช่นกัน
และยังได้ลิขสิทธิ์จากเทปหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีความยาวถึง 12
ชั่วโมงและกำลังทำยอดขายได้ดีในกรุงลอนดอน
ในขณะเดียวกันสินค้าประเภทเครื่องเขียน ของขวัญ เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ในอเมริกาและยุโรปนั้น ได้ทยอยออกมา วางขายเรียกเงินในกระเป๋าไปแล้วกว่า
100 อย่าง ซึ่งสินค้าที่จะสานต่อ จินตนาการของคนอ่านในเมืองไทยให้แจ่มชัดขึ้นนี้
ทางสำนักพิมพ์สามัคคีสาร (ดอกหญ้า) ได้คว้าลิขสิทธิ์มาได้ 4 อย่างคือ โปสเตอร์
ตุ๊กตา เรซิ่น นาฬิกา และปฏิทินปี 2002 โดยยอมจ่ายค่าลิขสิทธิ์สินค้าตัวนี้เป็น
เวลา 1 ปี ราคาประมาณ 1.5 หมื่นเหรียญ
และเพื่อเป็นการเอาใจแฟนของแฮร์รี่ พอตเตอร์ พันธุ์แท้ที่ต้อง การชมสินค้าตัวอื่นที่วางขายในต่างประเทศ
ณรงค์ศักดิ์ ตันติพินิจวงศ์ ผู้บริหารของบริษัทสามัคคีสาร จึงได้ไปกว้านซื้อสินค้าพวกนี้มาจากอเมริกา
โดยใช้เวลาไป 4 ครั้ง หาซื้อของได้ประมาณ 100 กว่าชิ้นรวมเป็นเงินถึง 2 แสนกว่าบาท
วางโชว์ไว้ที่ร้านดอกหญ้าอนุสาวรีย์
ณรงค์ศักดิ์เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังว่า การรวบรวมสินค้าที่ระลึกถือว่าเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของดอกหญ้า
ที่ทำขึ้นเพื่อหนังสือเล่มนี้ เพราะในรอบอายุ 19 ปีของสำนักพิมพ์ดอกหญ้าไม่เคยขายเรื่องแปลเรื่องไหนได้ดีเท่าเรื่องนี้มาก่อน
และในวงการหนังสือก็ได้ยอมรับเช่นกันว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่วรรณกรรมสามารถสร้างยอดพิมพ์ได้อย่างมากและรวดเร็ว
สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ผู้คว้าลิขสิทธิ์การแปลภาษาไทยได้บันทึกว่าหนังสือชุดนี้
(ทั้งหมดผู้เขียนวางไว้ 7 ตอน ขณะนี้พิมพ์ตอนที่ 4) แปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลกแล้วกว่า
42 ภาษา ยอดจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านเล่ม โดยเฉพาะที่นานมีนั้น คาดกันว่ายอดพิมพ์ประมาณ
2 แสนเล่มต่อตอน โดยเฉพาะตอนที่ 1 ซึ่งผู้พิมพ์ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะได้รับความนิยมอย่างมากมายนั้น
ต้องพิมพ์เพิ่มถึง 16 ครั้ง
ยังมีบางสำนักพิมพ์ฉวยโอกาสรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ออกมาขายอีกหลายเล่มเช่น
คู่มือการอ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ ให้เข้าใจและสนุกเล่มละ 100 บาท หนังสือรวบรวมเว็บไซต์ต่างๆ
โดยมีเว็บไซต์ ที่ให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเกม ภาพยนตร์ รวมทั้งเว็บไซต์แฮร์รี่
พอตเตอร์ แฟนคลับอีกมากมาย
เมื่อประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2544 ที่ผ่านมานั้น ที่โรงแรมสุโขทัย ตัวแทนของบริษัท
วอร์เนอร์ บราเธอร์ได้เข้ามาอบรมวิธีการออกแบบสินค้าที่ระลึกให้ถูกต้องตรงกับต้นแบบ
และคาดว่า สินค้าลิขสิทธิ์ตัวอื่นๆ ในเมืองไทยจะเริ่มทยอยอวดโฉมในเร็วๆ นี้
จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่การเดินเรื่องราวที่สนุกสนาน ในโลกของเวทมนตร์ที่ยังมีมนต์ขลังกับผู้คน
ทั้งโลก การเขียนให้เห็นถึงความรักของเพื่อนแท้ การเป็นเด็กที่หน้าตาธรรมดา
เรียนไม่เก่ง แต่เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ การมีหัวใจที่รักความเป็นธรรมต้องการให้ทุกคนเห็นความ
สำคัญ และไม่กดขี่เอลฟ์ ผู้รับใช้ในบ้านของเฮอร์ไมโอนี่ รวมทั้งการสอดแทรกคติธรรมให้เยาวชนตระหนักว่า
ในที่สุดธรรมะย่อมชนะอธรรม
และที่สำคัญการชี้ให้เห็นว่าแม้แฮร์รี่ พอตเตอร์ จะมีเวทมนตร์ และมีคนคอยช่วยเหลือ
แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาก็คือ การเป็นคนไม่ยอมแพ้ไม่ท้อถอย และใฝ่รู้ในการที่จะมุ่งมั่นหาคำตอบด้วยตัวเอง
สภาพของแฮรี่ที่คร่ำเคร่งกับตำราเวทมนตร์จนดึกดื่น เพื่อเตรียมการแข่งขันประลอง
เวทมนตร์ในหนังสือเล่มที่ 4 นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นกระแสที่ช่วยกระตุ้นให้บรรดาผู้ปกครองสนับสนุน
ให้ เด็กๆ อ่านเรื่องนี้เพิ่มขึ้นทั้งนั้น
ต้องยอมรับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นกระแสโลก ที่ได้สร้างนักอ่านเยาวชนให้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
สิ่งที่ เจ.เค. โรว์ลิ่งคิดได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องตั้งคำถามว่า เมื่อไรนักเขียนวรรณกรรมไทยจะสามารถ
คิดได้เช่นเธอบ้าง