การตัดสินใจของอีเอสพีเอ็น สตาร์ สปอร์ต ที่มอบลิขสิทธิ์ใน การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์
ลีก จากประเทศอังกฤษ ในฤดูกาลนี้ไปจนถึงปี 2546 ให้กับยูบีซี เปรียบเสมือนการยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอกของสัมพันธ์
จารุมิลินท
เพราะก่อนหน้านี้ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยูบีซี เขาเพิ่งประกาศขึ้นค่าบริการรายเดือน
สำหรับสมาชิกประเภทโกลด์ แพ็กเกจ ขึ้นมาอีกเดือนละ 192.60 บาท จากเดิมที่สมาชิกเคยเสียเดือนละ
1,060.37 บาท เพิ่มมาเป็น 1,252.97 บาท โดยเริ่มมีผลตั้งแต่ เดือนนี้เป็นต้นไป
การปรับราคาค่าบริการขึ้นในครั้งนี้ เขาอ้างเหตุผลเพื่อความ อยู่รอด เพราะภายหลังจากมีการประกาศลอยตัวค่าเงินบาท
เมื่อปี 2540 เป็นต้นมา ยูบีซีประสบปัญหาขาดทุนจากการดำเนินงานมาตลอด เนื่องจากต้นทุนลิขสิทธิ์รายการเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราแลกเปลี่ยน
ในปี 2543 ที่ผ่านมา ยูบีซีมีผลขาดทุนถึง 2,100 ล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกของปีนี้
ยูบีซียังคงขาดทุนอีก 521.4 ล้านบาท รวม แล้วยอดขาดทุนสะสมของยูบีซีในปัจจุบัน
สูงถึง 11,700 ล้านบาท การเพิ่มค่าบริการ คือทางออกเพียงทางเดียว เพราะยูบีซีไม่สามารถ
หารายได้อื่นเข้ามาเสริมได้ โดยเฉพาะการโฆษณา เพราะติดเงื่อนไข ในสัญญาที่ทำไว้กับ
อ.ส.ม.ท.
"หากยูบีซีต้องการที่จะผลักภาระทั้งหมดของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น นี้ไปที่สมาชิก
ยูบีซีจะต้องปรับอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นมากกว่า 42% แต่เพื่อให้มีผลกระทบต่อสมาชิกน้อยที่สุด
จึงปรับราคาค่าบริการเพิ่มขึ้นเพียง 18% สำหรับโกลด์ แพ็กเกจในขณะที่ซิลเวอร์
แพ็กเกจ ยังคงเดิม" สัมพันธ์ให้เหตุผล
ข้อแตกต่างระหว่างสมาชิกประเภทโกลด์ แพ็กเกจกับซิลเวอร์ แพ็กเกจ นอกจากอัตราค่าสมาชิกที่แตกต่างกันแล้ว
ประเภทรายการ ก็ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือ สมาชิกประเภทโกลด์ แพ็กเกจจะได้รับชมการถ่ายทอดสดกีฬาหลากหลายประเภทผ่านทางช่องรายการ
ซูเปอร์ สปอร์ต ซึ่งการถ่ายทอดกีฬาที่เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศในขณะนี้
คือรายการฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก จากประเทศอังกฤษ
การถ่ายทอดฟุตบอลรายการนี้ ก่อนหน้านี้ แทบจะเรียกได้ว่าถูกผูกขาดโดยช่อง
7 แต่เนื่องจากช่อง 7 เห็นความสำคัญของละครโทรทัศน์มากกว่า ดังนั้นแม้จะได้ลิขสิทธิ์มา
แต่บ่อยครั้งที่เป็น การนำเทปการแข่งขันมาฉายให้กับผู้ชมทางบ้านแทน
ยูบีซีเพิ่งจะได้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีกอย่างเต็มตัวมาเมื่อปี
2541 โดยเป็นลิขสิทธิ์ระยะยาว ตั้งแต่ฤดูกาล 2541-2543 ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าว
ยูบีซีสามารถเพิ่มยอดสมาชิกได้ระดับหนึ่ง
แต่ในคราวนั้นการเจรจาขอซื้อลิขสิทธิ์ เป็นการเจรจากับพรีเมียร์ ลีก ผู้จัดการแข่งขันโดยตรง
แตกต่างจากฤดูกาล 2544-2546 ที่กำลังจะเริ่มต้นในเดือนนี้ ที่การซื้อลิขสิทธิ์
จะต้องเจรจากับอีเอสพีเอ็น สตาร์ สปอร์ต ซึ่งเป็นผู้ชนะประมูลเหมาลิขสิทธิ์การถ่ายทอด
สดฟุตบอลรายการนี้มาจากพรีเมียร์ ลีกก่อนแล้ว อีกต่อหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ มีข่าวเป็นระยะว่าอีเอสพีเอ็น สตาร์สปอร์ต ได้ส่งตัวแทนมาเจรจากับสถานีโทรทัศน์
ช่อง 3 และช่อง 7 เพื่อขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ ลีกให้ ขณะเดียวกันสถานีโทรทัศน์ไอทีวี
ก็มีความพยายามที่จะแย่งซื้อลิขสิทธิ์ในรายการนี้เช่นกัน
ซึ่งถ้าหากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ต้องตก ไปอยู่ในมือของฟรีทีวีอีกครั้ง
ย่อมส่งผลกระทบกับยูบีซี ที่เป็นเปย์ทีวี เพราะเพิ่งประกาศขึ้นค่าบริการ
แต่กลับมีรายการให้ดูน้อยลง แถม รายการสำคัญที่เป็นที่นิยมกลับถูกเปลี่ยนมือไปอยู่กับฟรีทีวีแล้ว
ยอด สมาชิกอาจหายไปอีกเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ถึงที่สุดแล้ว อีเอสพีเอ็น สตาร์สปอร์ต ได้ตัดสินใจขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลรายการนี้กับให้กับยูบีซี
โดยให้เหตุผลเพียงสั้นๆ ว่าอีเอสพีเอ็นให้ความสำคัญกับเคเบิลทีวี มากกว่าฟรีทีวี
ปัจจุบัน ยังคงมีคำถามค้างคาใจคนหลายคนอยู่ว่าลิขสิทธิ์ ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์
ลีก ที่ยูบีซีได้มามีมูลค่าเท่าไรกันแน่ ถึง ขนาดที่ไอทีวี ที่ต้องการลิขสิทธิ์เช่นกัน
และประกาศจะสู้ราคาเต็มที่ยังต้องยอมถอย เพราะทั้งริค โดเวย์ กรรมการผู้จัดการ
อีเอสพีเอ็น สตาร์สปอร์ต และสัมพันธ์ จารุมิลินท ไม่ยอมเปิดเผย อ้างว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญในสัญญา
แต่อย่างน้อย การตัดสินใจของอีเอสพีเอ็น สตาร์สปอร์ตครั้งนี้ ก็ทำให้สัมพันธ์
จารุมิลินท สามารถหายใจได้อย่างโล่งอกไปได้อีก 3 ปีเต็มๆ