Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2544
ทิศทางของ BMW ไทย ในยุคของคาร์สเท่น แองเกิล             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
 

   
related stories

คาร์สเท่น แองเกิล "4-5 ปี ตลาดรถหรูในไทย จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง"

   
search resources

บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย), บจก.




เดือนนี้เป็นเดือนที่คาร์สเท่น แองเกิล มีอายุครบ 1 ปี ในการเข้ามารับตำแหน่งเบอร์ 1 ของบีเอ็มดับบลิวในประเทศไทย ที่คุมนโยบายหลักทั้งด้านการตลาดและการผลิต

นโยบายด้านการตลาด ในตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท บีเอ็มดับบลิว (ประเทศไทย) ของคาร์สเท่น แองเกิล นับได้ว่าเป็น 1 ปี ที่ค่ายรถหรูจากยุโรปแห่งนี้ มีความเคลื่อนไหวอย่างมีสีสันยิ่ง

"ยอดขายของเราตั้งแต่ต้นปี เพิ่มขึ้นมามากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน" เขาบอกกับ "ผู้จัดการ"

นอกจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดดังกล่าวแล้ว อีกสิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของบีเอ็มดับ- บลิวในตลาดประเทศไทย คือการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด โดยมียอดขายแซงหน้าเมอร์ซิเดส เบนซ์ ซึ่งบีเอ็ม ดับบลิวถือเป็นคู่แข่งหลักในตลาดรถหรู (LUXURY CAR) ทั่วโลก

"เราไม่เคยเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์หรูมาก่อนเลย จะเป็นก็ตอนที่บีเอ็มดับบลิว เข้ามาตั้งบริษัทในประเทศไทย และเรามีความ พึงพอใจอย่างมาก แต่การที่ได้ตำแหน่งที่ 1 ในวันนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นอับดับ 1 ในด้านของยอดขาย แต่ในด้านของภาพพจน์ เรายังไม่ใช่อันดับ 1"

ภาพพจน์ในมุมมองของแองเกิล คือการรับรู้ (perception) ของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงยอมรับในแบรนด์ของเมอร์ซิเดส เบนซ์ ว่าเป็นแบรนด์ที่เหนือกว่าบีเอ็มดับบลิว "ตรงนี้เราต้องดูในแง่ของการวางตำแหน่งในด้านราคาในตลาด รถยนต์หรูทั่วโลก ราคาของบีเอ็มดับบลิวกับคู่แข่งหลักของเราเท่า กัน แต่ในประเทศไทยบีเอ็มดับบลิวจะมีราคาถูกกว่าประมาณ 10-15%"

อย่างไรก็ตาม เขามองว่า การก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถหรูในประเทศไทย แม้จะเป็นรองทางด้านภาพพจน์ แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เมื่อ 3 ปีก่อนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และนโยบายที่บีเอ็มดับบลิวนำมาใช้ในประเทศไทย ในช่วงที่ผ่าน มา ถือว่าได้เดินมาถูกทาง

การตัดสินใจเข้ามาลงทุนใน ประเทศไทยของบีเอ็มดับบลิวเมื่อ 3 ปีก่อน เกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทแม่มองว่าภาพพจน์ของสินค้า คือรถยนต์ บีเอ็มดับบลิว โดยเฉพาะด้านบริการหลังการขาย ไม่สามารถทำได้ตามมาตรฐานของบีเอ็มดับบลิวทั่วโลก

บีเอ็มดับบลิวจึงตัดสินใจเข้ามาตั้งบริษัทเพื่อดำเนินกิจกรรมการตลาด รวมทั้งจัดตั้งเครือข่ายดีลเลอร์ขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำของดีลเลอร์แต่ละแห่งไว้ตามมาตรฐาน ที่บีเอ็มดับบลิวกำหนดกับดีลเลอร์ทั่วโลก

"เมื่อ 3-4 ก่อน เราต้องยอมรับ เพราะมีหลายคนที่บอกว่าเขามีเงินพอที่จะซื้อรถบีเอ็มดับบลิว แต่เขาไม่มีเงินพอที่จะเลี้ยงดูมัน สาเหตุก็เพราะว่าคำสัญญาที่บริษัทผู้ขายรถยนต์ให้กับลูกค้า เราบอกเขาว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่เราไม่เคยบอกเลยว่าเรามีบริการ และการดูแลที่ดีมาพร้อมกันด้วย"

หลังเข้ารับตำแหน่ง คาร์สเท่น แองเกิล ได้นำโปรแกรม PMP (Privilege Maintenance Program) เข้ามาใช้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า การดูแลรักษารถบีเอ็มดับบลิว ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเหมือนที่คิด โดยโปรแกรมนี้มีลักษณะให้ลูกค้าที่ซื้อรถบีเอ็มดับบลิวสามารถจ่ายค่า บำรุงรักษารถยนต์ล่วงหน้าในระยะเวลา 3 ปีหลังซื้อรถ ในอัตรา 50,000 บาท สำหรับรถรุ่น 318 อัตรา 55,000 บาท สำหรับรุ่น 323 อัตรา 75,000 บาท สำหรับซีรี่ส์ 5 และ 95,000 บาท สำหรับซีรี่ส์ 7 ค่าใช้จ่ายดังกล่าวครอบคลุมการดูแลรักษาทุกประเภทตามมาตรฐาน อาทิ การเช็กสภาพรถ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรอง อากาศ ผ้าเบรก ยางปัดน้ำฝน หลอดไฟ ในเวลาที่กำหนด

"จากนี้ไป เราจะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ และถ้ามองถึงตลาด สำคัญๆ ในทั่วโลกแล้ว จะพบว่าเราก็สามารถเป็นเบอร์ 1 ได้เหมือน กัน และในเมืองไทยคาดว่าภายใน 3 ปี เราก็อาจจะเป็นอันดับ 1 ในด้านของภาพพจน์ได้เช่นเดียวกัน"

สำหรับด้านการผลิต บีเอ็มดับบลิวได้เข้ามาลงทุนสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จังหวัดระยอง ด้วยวงเงิน 1,000 ล้านบาท ในนามบริษัทบีเอ็มดับบลิว แมนู แฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) และคาร์สเท่น แองเกิล ก็ได้เป็นประธาน ของบริษัทนี้ด้วยเช่นกัน

โรงงานแห่งนี้ได้เริ่มเดินเครื่องประกอบรถยนต์บีเอ็มดับบลิว ซีรี่ส์ 3 ตั้งแต่เมื่อกลางปีก่อน โดยมีเป้าหมายกำลังการผลิตสูงสุด ที่ 10,000 คันต่อปี ในปี 2547 แต่ในปีที่แล้ว โรงงานแห่งนี้สามารถประกอบรถออกมาได้ 1,800 คัน และมีเป้าหมายจะประกอบในปีนี้อีก 2,500 คัน

การที่ยังไม่สามารถประกอบได้เต็มกำลังการผลิต เนื่องจาก วัตถุประสงค์ในการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานของบีเอ็มดับบลิว ต้องการ ให้โรงงานนี้เป็นแหล่งผลิตเพื่อส่งรถยนต์ออกไปจำหน่ายในภูมิภาค นี้ ตามสนธิสัญญาอาฟตา ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2546 ยกเว้นประเทศมาเลเซีย ที่ขอเลื่อนการบังคับใช้ต่อไปอีก 2 ปี ดังนั้นการผลิตในปัจจุบัน จึงดำเนินไปเพื่อป้อนให้กับตลาดภายในประเทศเป็นหลัก

"ขณะนี้เรามีคนทั้งหมดประมาณ 140 คน ที่โรงงาน ถ้าเกิดว่า วันหนึ่งเราสามารถส่งออกไปได้ เราก็สามารถที่จะขยายจำนวนคนออกไปได้ สามารถที่จะเพิ่มการผลิตได้เป็น 2-3 เท่า เพิ่มกะทำงาน มากกว่านี้ เราก็สามารถสร้างงานได้เต็มกำลังการผลิตของเราในอนาคต"

ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำแหน่งเบอร์ 1 ของบีเอ็มดับบลิวในแต่ละประเทศ อายุการทำงานไม่ได้ถูกกำหนดไว้ตายตัว คาร์สเท่น แองเกิล ถือเป็นเบอร์ 1 คนที่ 2 ของบีเอ็มดับบลิวในประเทศไทย ที่ เข้ามารับตำแหน่งต่อจาก เยซุส คอร์โดบา ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว

ในยุคของคอร์โดบา เป็นช่วงการวางรากฐานใหม่ให้กับบีเอ็ม ดับบลิวในประเทศไทย ส่วนในยุคของแองเกิล อาจเรียกได้ว่าเป็น การสร้างตลาดภายในประเทศให้กลับคืนมาใหม่ ซึ่งเขาก็สามารถทำได้แล้วในระดับหนึ่ง

แต่เขาจะอยู่ต่อไปจนถึงยุคที่บีเอ็มดับบลิว เริ่มต้นส่งออกรถยนต์จากประเทศไทย ไปขายในภูมิภาคนี้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่ง ถือเป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us