Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2544
วิลเลียม เอ็ม. บู๊ทซ์ "นาย" แห่งผ้าไหม จิม ทอมป์สัน             
 


   
search resources

อุตสาหกรรมไหมไทย, บจก
วิลเลียม เอ็ม บู๊ทซ์




เส้นทางเดินของผ้าไหมไทย จิม ทอมป์ สัน ยืนหยัดมาได้นานถึง 51 ปี ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดผ้าไหมโลกภายใต้การ บริหารจัดการของวิลเลียม เอ็ม. บู๊ทซ์ กรรมการ ผู้จัดการบริษัทอุตสาหกรรมไหมไทย

วิลเลียมเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาในผืนแผ่นดินไทย ตั้งแต่ปี 2506 และได้มีโอกาสร่วมกันบุกเบิกกิจการผ้าไหมร่วมกับจิม ทอมป์สัน จนกระทั่งสามารถเอางานหัตถกรรมจากชุมชนเล็กๆ นี้ สร้างความโด่งดังไปทั่วโลกและกำลังเป็นเรื่องที่หลายบริษัทในเมืองไทยต้องการเลียน แบบและไต่เต้าตาม

หลังเกิดเหตุการณ์หายตัวไปอย่างลึกลับ ของจิม ทอมป์สัน ราชาผ้าไหมไทยเมื่อปี พ.ศ. 2510 ชาร์ล ยู เจฟฟิลด์ ได้เข้ามารักษาการแทน ชั่วคราวเพียง 3 ปีก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ต่อจากนั้นในปี พ.ศ.2516 บู๊ทซ์ก็ขึ้นนั่งเก้าอี้กรรม การผู้จัดการคนใหม่ จนถึงปัจจุบัน นับว่าเป็น "นาย" ของทุกคนมานานถึง 28 ปีแล้ว

ดังนั้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้นหลังสิ้นยุค จิม ทอมป์สัน นั้นต้องยอมรับว่าเป็นเพราะความ สามารถในการบริหารจัดการของเขา

เมื่อบู๊ทซ์พบกับนายห้างจิมครั้งแรก เขา อายุเพียง 26 ปี เป็นทหารผ่านศึกสงครามเกาหลีที่จบการศึกษาปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจจากอเมริกา และได้เข้ามาช่วยงานในเรื่อง การตลาดเคียงข้างจิมมาโดยตลอด การที่ได้มีโอกาสรู้จักลูกค้าหลายราย ได้กลายเป็นช่องทาง สำคัญของการขายสินค้าในเวลาต่อมา โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศในยุคแรกๆ นั้นเขาได้ให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษเช่นเดียวกันกับ จิม ทอมป์สัน

บู๊ทซ์ ยังได้มีการขยายกำลังการผลิตด้วย การขยายโรงงาน สั่งซื้อเครื่องจักรอันทันสมัย อย่างต่อเนื่องโดยมีฐานการผลิตอยู่ที่อำเภอปักธงชัย จ.นครราชสีมา และยอมลงทุนในเรื่อง การสร้างฟาร์มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อการพัฒนาสายพันธ์เอง ด้วยวิธีนี้ทำให้เขามั่นใจว่าสามารถควบคุมมาตรฐานการผลิตได้ตั้งแต่ต้น โดยไม่มีใครกล้าทำมาก่อนในเมืองไทย

โดยเฉพาะการกล้าตัดสินใจเพิ่มทุนครั้งใหญ่จาก 20 ล้าน เป็น 200 ล้านเพื่อการขยายตัวครั้งใหม่ในปี 2540

ในขณะเดียวกันก็เปิดฉากรบทุกวิถีทาง ได้ให้ความสำคัญกับการขายสินค้าในประเทศไทยมากขึ้น มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพิ่มขึ้น โดยให้อีริค บี บู๊ทซ์ ลูกชายคนเดียวก้าวมารับตำแหน่ง International Marketing Manager รับผิดชอบในเรื่องทำการตลาดแบบใหม่ เช่น ดึงเอาคนมีชื่อเสียงในแต่ละด้านเข้ามาร่วมเช่นจัดงานแฟชั่นโชว์ร่วมกับนคร สัมพันธารักษ์ การออกสินค้าตกแต่งบ้าน บ้านในคอลเลกชั่น" จิม ทอมป์สัน ไลฟ์สไตล์" โดยร่วมมือกับอู้ พหลโยธิน

ส่วนในต่างประเทศนั้นได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นจาก 14 สาขา เป็น 23 สาขา ล่าสุดได้เปิดสาขาที่สิงคโปร์ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 ในประเทศ นี้ รวมทั้งมีเอเย่นต์ดูแลเรื่องผ้าตกแต่งบ้านทั่วโลกกว่า 35 ประเทศ

เมื่อเป็นสินค้าส่งออก บู๊ทซ์ จึงโชคดีเมื่อเกิดวิกฤติของค่าเงินบาท แต่การทยอยสั่งเครื่องจักรอันทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามา ได้กลายเป็นปัญหาในเรื่องต้นทุนอย่างหนึ่งเหมือนกัน อย่างไรก็ตามยอดรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2543 นั้นเป็นรายได้ที่สูงกว่าทุกๆ ปี และแสดงให้เห็นว่าเส้นกราฟแสดง รายได้ของบริษัทนั้นไม่เคยตกลงเลย

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บู๊ทซ์พอใจที่จะอยู่เบื้องหลังความสำเร็จอย่างเงียบๆ และไม่ค่อยทำตัวให้เป็นที่รู้จักของใครในวงสังคมนัก เขาแต่งงาน 2 ครั้ง ครั้งแรกกับภรรยาเป็นคนไทย ชื่อ พัฒนศรี บุนนาค มีลูกชาย 1 คนคือ อีริค หรือภวพันธ์ ครั้งที่ 2 กับ ม.ร.ว.วิภานันท์ รังสิต และมีธิดา 1 คนคือ ปริศนา ดอรา รังสิต บู๊ทซ์

วันนี้ บู๊ทซ์ อายุ 63 ปีแล้ว กำลังปล่อยบทบาททางด้านการตลาดทั้งหมดให้กับอีริค เขาไปพบลูกค้าเองในต่างประเทศน้อยลงแต่ยังมาทำงานเป็นประจำทุกวัน ที่ออฟฟิศของบริษัทอุตสาหกรรมไหมไทย ริมถนนสุริวงศ์ และเดินทางไปดูงานเองที่โรงงานในอำเภอปักธงชัยเกือบ ทุกสัปดาห์

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us