เคิร์ท ว๊าชไฟท์ (Kurt Wachtveitl) คือ ชาวเยอรมันที่เข้ามาร่วมเป็นผู้สร้างตำนานให้
กับโรงแรมโอเรียนเต็ลกลายเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของโลก
เรื่องราวของเคิร์ท เหมือนนิยายจากชีวิตของเด็กหนุ่มคนหนึ่งจากครอบครัว
ข้าราชการตำรวจธรรมดาๆ ของประเทศเยอรมนี ที่ได้ไปศึกษาต่อทางด้านวิชาการโรงแรมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซึ่งที่นั่นเขา ได้พบรักกับสุภาพสตรีที่ร่ำรวยและสูงศักดิ์คนหนึ่งของเมืองไทยที่ชื่อ
เพ็นนี บุนนาค ซึ่งเป็นคนสำคัญที่ทำให้เขาได้เดินทางมาสู่ดินแดนแห่งโลกตะวันออกในเวลาต่อมา
ปี พ.ศ.2508 เคิร์ทมีโอกาสเข้ามาทำงานกับหมอชัยยุทธ กรรณสูต และแบร์ลิง
เจียรี สองหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมโอเรียนเต็ล ในเวลานั้น และหลังจากแบร์ลิงเจียรีเสียชีวิต
เมื่อปี 2524 เขาก็ได้รับสิทธิ์ขาดในการบริหาร โรงแรมจากหมอชัยยุทธ ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่
และเป็นตำแหน่งที่เขาครองมาคนเดียวตลอดระยะเวลา 34 ปีเต็ม
ความมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 125 ปี การตกแต่งห้องพักใหม่ให้ทันสมัยล้ำยุค
หรือการมีห้องพักที่สวยงามคลาสสิกย้อนยุค เคิร์ทบอกว่าไม่ใช่เป็นตัวชี้ขาด
แห่งการประสบความสำเร็จของโรงแรมแห่งนี้
"การสร้างคน" และ "การปลูกฝังวัฒนธรรมของคนโอเรียนเต็ล" คืองานใหญ่ที่สุดของเขาที่ตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลาระยะเวลา
34 ปีว่า ทำ อย่างไรจึงจะทำให้พนักงานทุกคนเป็นพนักงานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ
มีจิตวิญญาณ แห่งการบริการ อันน่าประทับใจ
การมีสถาบันสร้างคน "OHAP" หรือโรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียน
เต็ล จึงได้เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อ "ปั้นคน" ให้ได้อย่างที่โรงแรมต้องการ
รวมทั้งการสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกันด้วยการกำหนดค่าเซอร์วิสชาร์จ
ที่เขาบอกว่า สูงกว่าโรงแรมอื่นๆ ในเมืองไทยเพื่อเอามาเป็นส่วนแบ่ง สร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานทั้งหมด
รวมทั้งการให้สวัสดิการดีๆ อื่นๆ แก่ พนักงานด้วย
การเข้ามาร่วมทุนของกลุ่มแมนดาริน จากฮ่องกง ในเรื่องการถ่ายทอดวิชาการและเทคนิคต่างๆ
ที่ทันสมัยของการบริหารโรงแรม เพื่อร่วมกันสานต่อความมุ่งมั่นในการคงความเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งของโลกอย่างต่อเนื่อง
ก็เป็นข้อต่อที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน
เช่นเดียวกับวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลในเรื่องต่างๆ ของเคิร์ท เช่น การตัดสินใจเป็นโรงแรมแรกของเมืองไทยที่เสนอราคาห้องพักเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจเมื่อปี 2540 การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของห้องพักส่วนหนึ่งที่เคยขายความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมแบบไทยๆ
มาเป็นห้องพักที่หรูหรา และทันสมัย เพื่อรองรับความเปลี่ยนของตลาดกลุ่มลูกค้า
และการพยายามคิดค้นงานสร้างราย ได้อื่นๆ ที่เป็นแบรนด์ของโอเรียนเต็ล นอกเหนือจากการขายห้องพัก
เช่น การมีห้องอาหารไทย มีโอเรียนเต็ลสปา และเปิดร้านขายสินค้าอาหารที่ขึ้นชื่อของโรงแรมตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ
รวมทั้งวางแผนที่จะสร้างเดย์แคร์ในโรงแรม
เคิร์ทย้ำเสมอว่าทุกโปรดักส์ที่ต่อเนื่อง มานั้นต้องคงความหรูหรา มีคุณภาพ
เช่นเดียวกับรถโรลสรอยซ์ และนาฬิกาโรเล็กซ์ที่โอเรียนเต็ลมีมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่กับภรรยาบนห้องพักชั้นบนของโอเรียนเต็ล
สปา ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านฝั่งธนบุรีในขณะที่ลูกสาวลูกชาย 3 คนนั้นทำงานในต่างประเทศ
ทุกเช้าจะลงเรือข้ามฟากมาทำงาน จนกระทั่งดึกดื่นนั่งเรือกลับโดยไม่ได้วางแผน
อย่างชัดเจนในการรีไทร์ตัวเอง เพราะงานทุกสิ่งที่กำลังทำ ล้วนแล้วแต่สร้างกำลังใจและพลังชีวิตให้เขาได้มีความสุขอยู่ตลอดเวลา