ครั้งหนึ่งในชีวิต ทศ จิราธิวัฒน์ เคยคิดอยากเป็นหมอ
"ตอนอยู่ไฮสกูลผมเรียนวิทยาศาสตร์ พวกเคมี ชีวะแล้วมันสนุก รู้สึกชอบวิชาพวกนี้
พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เรียนต่อ ซึ่งคนที่เรียนพวกนี้ในอเมริกาก็คือ เข้าโรงเรียนแพทย์
แล้วบังเอิญพี่สาวผมก็เป็นหมอ แล้วมีเพื่อนของอา ซึ่งเขาอยู่กับเราตั้งแต่เด็กเขาเป็นหมอที่จุฬาฯ
เขาปั่นหัวเราทั้งวัน เขาอยากให้เราเป็นหมอ เราก็เลยอยากเป็นหมอ แต่สุดท้ายพี่สาวกับพ่อบอกว่าอย่าเป็นหมอเลย
มาทำธุรกิจดีกว่า ก็เลยเปลี่ยน"
เขาเล่ากับ "ผู้จัดการ"
ทศ เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2507 เขาไม่แตกต่างจาก "จิราธิวัฒน์"
รุ่น 3 คนอื่นๆ ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ทุกครั้งเวลาโรงเรียนปิดเทอม เขาต้องถูกสัมฤทธิ์
จิราธิวัฒน์ ส่งไปฝึกงานขายของในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม โดยได้ค่าจ้างเป็นรายวันวันละ
20 บาท ซึ่งสิ่งนี้เขายอมรับว่าทำให้เรื่องของการขาย ซึมอยู่ในตัวเขามาตั้งแต่เด็ก
เขาเรียนหนังสือที่โรงเรียนอัสสัมชัญ แต่เรียนถึงแค่
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก็ถูกส่งไปเรียนต่อในสหรัฐอเมริกา ในปี 2521 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุเพียง
14 ปี ถือว่าเป็นจิราธิวัฒน์
รุ่น 3 ที่อายุน้อยที่สุดที่ไปเรียนต่อต่างประเทศในช่วงนั้น
"ผมขอไปเอง เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องไป ก็ไปเสียเลย
ดีกว่า ตอนนั้นผู้ใหญ่เขาก็สงสัยว่าทำไม เพราะอายุ 14 ตอนนั้นถือว่ายังเด็กมาก
พวกรุ่น 3 ที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศส่วนใหญ่ ต้องอายุ 16 ปีไปแล้วทั้งนั้น"
ช่วงที่เขาถูกส่งไปเมืองนอก เป็นช่วงที่พ่อของเขาเพิ่งตัดสินใจทำงานใหญ่ที่สุดในชีวิต
นั่นคือการสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่มีใครในวงการธุรกิจคาดคิด
เพราะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ในขณะที่สถานการณ์ทางการเมือง
และสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ไม่เกื้อหนุน
แต่ผลจากการตัดสินใจครั้งนี้ กลับเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่ทำให้เซ็นทรัล
สามารถแตกกิ่งก้านสาขาธุรกิจออกมาอีกหลายกลุ่มในเวลาต่อมา
ทศใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นอยู่ในต่างประเทศ เขาเรียนจบระดับไฮสกูล ที่ไมอามี
ก่อนที่จะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ ที่ Wesleyan University
ในช่วงปี 2526-2528 เขาได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของ Wesleyan University
ที่ถูกส่งไปเรียนที่ LSE (London School of Economics) ซึ่งได้รับการยอมรับของคนในหลายวงการว่าเป็นสถาบันการศึกษาของพวกหัวก้าวหน้า
เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี 2528 และเข้าทำงานอยู่ในห้างเมซี่ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในนิวยอร์ก
โดยได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องแต่งกายสตรี แต่เขาทำงานอยู่ในห้างแห่งนี้เพียงครึ่งปี
ก็ลาออกไปเรียนต่อระดับปริญญาโท MBA ทางด้านการเงิน
ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งถูกจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยระดับ
Top Ten ของสหรัฐอเมริกาในช่วงนั้น
ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์ทางการเงินครั้งแรก จากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
เพราะในปี 2530
ซึ่งเป็นช่วงที่เขาเรียนอยู่ปีสุดท้าย ได้เกิดเหตุการณ์ "แบล็คมันเดย์"
ขึ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลก
ต้องประสบกับความผันผวนอย่างรุนแรงตามมา รวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
เขาจบ MBA และกลับมาเมืองไทยในปี 2531 และเริ่ม
งานครั้งแรกในฝ่าย Investment Banking ที่ซิตี้แบงก์ สาขาประเทศไทย "ผมเป็นคนทำดีลนำหุ้นภูเก็ตยอร์ชคลับเข้าตลาดหลักทรัพย์"
แต่เขาอยู่ซิตี้แบงก์ได้เพียงปีเดียว ก็มีความรู้สึกว่างานแบงก์ไม่ใช่งานที่ท้าทายสำหรับเขา
ทศจึงตัดสินใจกลับเข้ามาทำงานให้กับครอบครัว
"ตอนอยู่แบงก์ ไม่รู้ว่าอาจเป็นเพราะตัวเราเองมี
ไอเดียมาก อยากทำนั่นทำนี่ ก็เลยคิดว่าถ้าอยู่แบงก์มันก็คงไปเรื่อยๆ ตามสายงาน
แต่ผมอยากจะทำหลายอย่าง ก็เลย
กลับมาอยู่กับพ่อ"