อนันต์ อัศวโภคิน ประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด
(มหาชน) ได้สร้างให้สินค้าของเขาเป็นตัวเลือกตัวหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เมื่อถึงเวลา
หาซื้อบ้านของคนชั้นกลางในเมืองไทย
27 ปี ของการเข้ามาทำโครงการบ้านจัดสรร อนันต์ คือ มืออาชีพคนสำคัญที่
สร้างมิติใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นตลอดเวลาเช่นการ วางแผนในเรื่องจัดซื้อที่ดินเพื่อทำโครงการ
การวางแผนทางด้านการเงิน การตลาด และ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ จนชื่อ "หนึ่งในโครงการของแลนด์แอนด์เฮ้าส์"
เป็นที่ติด ปากคนทั่วไป
เมื่อเกิดความล่มสลายทางเศรษฐกิจในปี 2540 ธุรกิจจัดสรรได้รับผลกระทบอย่าง
รวดเร็วที่สุดหลายบริษัทหายไปจากวงการเป็นจำนวนมากแม้แต่บางรายที่เคยเป็นยักษ์
ใหญ่ในวงการ วิกฤติศรัทธาที่เกิดขึ้นครั้งนี้กลับสร้างโอกาสให้อนันต์นำทีมปรับตัวแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
เริ่มด้วยการปรับโครงสร้างองค์กรที่ขยายไปมากแล้วใหม่ หันมาให้ความสำคัญกับบ้านจัดสรรเป็นหลัก
และ Restructure Process ของธุรกิจใหม่หมด
ด้วยคอนเซ็ปต์ "บ้านสบายสร้างเสร็จ ก่อนขาย" ที่ถูกตอกย้ำให้เห็นชัดด้วยข้อความ
โฆษณาที่ว่า "บ้านไม่ได้เลือก ไม่ได้เห็น อย่าซื้อ"
และนั่นคือการเกิดโมเดลของอุตสาห-กรรมบ้านจัดสรรแบบ Mass-Tailor-Made ที่ได้เปิดฉากขึ้นครั้งแรกในเมืองไทย
ความคิดรวบยอดที่สรุปได้นี้มาจากการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานอย่างเป็นระบบ
ต่อ เนื่องยาวนานตลอด 27 ปีของการก้าวเข้ามาทำธุรกิจบ้านจัดสรรของเขา
อนันต์ อัศวโภคิน เป็นผู้บริหารคนหนึ่งที่มีเงินเดือน เดือนละเกือบ 5 แสนบาท
แต่ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ทานเหล้า ไม่เล่นกอล์ฟ แล้วพร้อมที่จะเล่าให้ใครฟังอย่างภูมิใจ
ว่า "เสื้อที่ผมใส่อยู่นี่ลดราคาเหลือเพียง ตัวละ 260 บาทเท่านั้นนะ"
สไตล์การแต่งตัวของเขาที่คุ้นตาพนักงานแลนด์แอนด์เฮ้าส์มาตลอดระยะเวลา
20 กว่าปีก็คือ เชิ้ตแขนสั้นขาวกับเนกไท 1 เส้น เขาเล่าให้ "ผู้จัดการ"
ฟังว่า หากเปิด ตู้เสื้อผ้ามาก็จะเห็นแต่กางเกงสีดำใส่วันทำงาน สีครีม ใส่วันเสาร์-อาทิตย์
ถุงเท้ามีสีดำสีเดียว ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่มีแค่นี้เพราะขี้เกียจเลือกเสียเวลา
เหตุผลหนึ่งที่เขาตัดสินใจล่มหัวจมท้ายทำธุรกิจกับพันธมิตรจากประเทศสิงคโปร์
ก็มาจากความเรียบง่าย ไม่มีฟอร์มของนักธุรกิจกลุ่มนั้นที่เหมือนตัวเขานั้นเอง
"เราไม่เคยต้องเสียเวลานัดเขาตามโรงแรมเลย คุยกันที่บริษัท เราคุยเสร็จสั่งข้าว
มาทานที่นี่ ไม่ต้องใส่สูทผูกไท ง่ายๆ สบายๆ เราไปหาที่ออฟฟิศเขา เขาก็แต่งตัวธรรมดา
อย่างกรรมการผู้จัดการของเขา ตอนที่ผมไป รับจากแอร์พอร์ตนี่ดูไม่ออกเลย เพราะเขาเป็น
very normal people เราเลยประทับใจ เพราะจริงๆ แล้วธุรกิจเรามันเป็น ประเภทหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน
อยู่กับคนงาน พอเราไปเจอคนง่ายๆ เราเลยประทับใจ"
ห้องทำงานบนชั้น 5 อาคารคิวเฮ้าส์ของอนันต์นั้นพนักงานจะรู้ว่าประตูไม่เคยปิดทุกคนที่เดินผ่าน
จะเห็นได้ว่า วันนี้ "เฮียตึ๋ง" อยู่หรือไม่อยู่แล้วอาจจะเดินเข้าไปพบได้ทันที
ภาย ในห้องมีเพียงโต๊ะทำงานตัวใหญ่ สีดำที่ปราศจากแฟ้มหรือกระดาษ อนันต์บอกว่าการทิ้งกระดาษไว้บนโต๊ะนั้น
แสดงให้เห็นว่า 1. คุณ มีงานแล้วคุณไม่กล้าตัดสินใจ 2. คุณมีระบบจัดเก็บข้อมูลที่ไม่ดี
คุณกลัวกระดาษแผ่นนั้นหาย ซึ่งเขาไม่ได้เป็นคนทั้ง 2 ประเภทนั้น
อนันต์เลือกเรียนวิศวฯ เพราะเกรงใจ พ่อ แต่เขาก็ค้นพบตัวเองว่า จริงๆ แล้ว
จะชอบเรื่องงานศิลปะมากกว่า
"ผมชอบที่จะมาดูเรื่องโฆษณาเอง ทำโฆษณาเอง ชอบคิดเรื่องพวกนี้ ซึ่งก็พบว่า
เรื่องงานโฆษณานั้นไม่ใช่เรื่องที่คุณเรียนจบเอ็มบีเอมาแล้วคุณจะทำได้ ผมว่าโฆษณาไม่ต้องจบอะไรมา
คุณก็ทำได้ถ้าคุณสนใจ และคุณมีหัวทางด้านนี้จริงๆ"
เมื่อนักเรียนนอกหนุ่มน้อยวัยเพียง 23-24 ปี กลับมาช่วยงานมารดาคือเพียงใจ
หาญพาณิชย์ ทำธุรกิจบ้านจัดสรรของครอบ ครัวในสมัยนั้นได้ก้าวล้ำหน้าบริษัทอื่นๆ
ในเรื่องการใช้เทคโนโลยี โดยนำเครื่องคอมพิว เตอร์มาช่วยในงานสต็อกคอนโทรล
เพื่อให้การบริหารสต็อกมีคุณภาพสูงสุด ในสมัยนั้น แต่เมื่อเทคโนโลยีมันพัฒนาไปมากๆ
เข้า และการงานรัดตัวทำให้เขาไม่มีเวลามาดูเรื่องคอมพิวเตอร์อีกเลย
จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมามีนักลงทุนจากต่างประเทศหลายคน แวะเวียนมาที่บริษัทแล้วถามขึ้นมาว่า
แลนด์ฯ มีคอม พิวเตอร์หรือยัง รายแรกถามเขาก็ยังเฉย และยังย้อนถามไปอีก ขายบ้านเรื่องนี้จำเป็น
ด้วยหรือ แต่เมื่อหลายคนถามเข้า แล้วบอกว่าที่ฮ่องกงเขาก็มีกันหมดแล้วนะ
คราวนี้ศึกษาใหม่อย่างจริงจังช่วงเวลากลางคืน 3-4 ทุ่ม เป็นช่วงที่เขาจะเริ่มท่องอินเทอร์เน็ต
จัดหาทีมงานเขียนโปรแกรม homedd.com ซึ่งได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน
โดยมีบุญคลี ปลั่งศิริ เพื่อนรักคนหนึ่งเป็นที่ปรึกษา
เมื่อเป็นคนไม่ทานเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบนัดคุยงานในเวลากลางคืน ไม่เล่นกอล์ฟ
ไลฟ์สไตล์ของเขาก็คือช่วงเช้าอาจจะ ออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานรอบๆ ศูนย์ประชุมสิริกิติ์
ตกเย็นก็อาจจะมีความสุขกับการนั่งหน้า จอคอมพิวเตอร์ คลิกเว็บไซต์ต่างๆ หาเรื่องราวเกี่ยวกับดวงดาว
และเรื่องดาราศาสตร์ที่ชอบมากเป็นพิเศษอ่าน รวมทั้งนั่งสมาธิหรือสนทนาเรื่องธรรมะกับบางคน
เป็นที่รู้กันว่าห้องประชุมที่สำนัก งานใหญ่ของแลนด์ฯ นั้นได้จัดให้ เป็นที่นั่งสมาธิของพนักงานและประชาชนทั่วไปทุกเย็นวันศุกร์มานานหลายปีแล้ว
ในเรื่องราวที่เป็นส่วนตัวลึกลงไปมากๆ นั้น อนันต์ไม่เคยเปิดเผยเต็มที่กับสื่อฉบับใด
แม้แต่ การขอถ่ายรูปขึ้นปก เขาก็ย้ำหลายครั้งว่า "อย่าเอารูปผมคนเดียวขึ้นปกนะ"
เขาบอกว่าตัวเองเป็นคน ขี้อายมากๆ และเป็นมาตั้งแต่เด็ก
แต่เขาได้พูดถึงลูกๆ ด้วยความภูมิใจ ช่วงหนึ่งของการนั่งคุยกันกับทีมงาน
"ผู้จัด การ" ลูกชายคนเล็กของเขาโทรศัพท์มาจากต่างประเทศ น้ำเสียงอันนุ่มนวลที่โต้ตอบกับ
ลูกชายนั้นแสดงถึงความผูกพันที่มีต่อกันอย่าง มาก อนันต์มีลูก 3 คน ชาย 2
หญิง 1 คนโต ทำงานอยู่ที่นิวยอร์ก จบวิศวฯ แล้วไปต่อ เอ็มบีเอ คนเล็กกำลังศึกษาต่อในเรื่องกฎหมาย
คนกลางเป็นผู้หญิง เขาบอกว่าคนนี้ ไปเรียนวิชาที่แปลกๆ มาคือ สอนวิชาภาษาอังกฤษให้แก่คนในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ต้องมาฝึกเรื่องการใช้ลิ้นกันใหม่
ในอนาคตเขาไม่ได้หวังจะให้ลูกเข้ามาช่วยงานในบริษัท แต่สำหรับตัวเขาและแลนด์แอนด์เฮ้าส์นั้นยังเป็นความหวังของคนซื้อบ้านในเมืองไทยไปอีกนาน