ชื่อเสียงของเขาในฐานะมือปืนรับจ้าง ก็ดี หรือมืออาชีพทางการเงิน ก็ดี
ย่อมมิได้เกิดขึ้นเพียงเพราะโชคช่วย หากย่อมเป็นผลมาจากศักยภาพและฝีมือในการบริหารจัดการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์กรและบริบทสังคมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
ความสามารถในการประสานประโยชน์ของจุลกร สิงหโกวินท์ เป็นเรื่องราวที่ประจักษ์ชัดมาเนิ่นนานนับตั้งแต่เขา
ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารเอเชีย ในช่วงปลายของปี 2535
แม้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จะมีปัญหาขัดแย้งอย่างมาก ก็ตาม และยังนำพาให้เกิดการเจรจากับ
ABN AMRO เพื่อให้สถาบันการเงินจากต่างประเทศรายนี้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารเอเชีย
ในเวลาต่อมา
ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจและช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของธนาคารเอเชียที่กำลังเจรจาให้ธนาคารเอบีเอ็น
แอมโรเข้าถือหุ้นใหญ่นั้น ชื่อของจุลกร สิงหโกวินท์ ในฐานะกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ธนาคารเอเชียย่อมเป็นจุดโฟกัส
ที่ปรากฏอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทีวีแทบทุกวัน
แต่ทุกวันนี้จุลกรแทบจะไม่ปรากฏต่อ หน้าสื่อมวลชน เนื่องมาจากมีภารกิจงาน
"หลวง" มากกว่างานในธนาคารต้นสังกัด
ภาพดังกล่าวเกิดขึ้นชัดเจนหลังจากเขาตัดสินใจรับตำแหน่งประธานสมาคมธนาคารไทย
ที่มีหน้าที่คอยประสานงานระหว่างธนาคารพาณิชย์ไทยและรัฐบาล เพราะเขาอยู่ในฐานะ
"แม่บ้านแบงก์สัญชาติ ไทย"
และยิ่งจุลกรได้เข้าไปเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย หรือ
TAMC ดูเหมือนว่าเวลาแต่ละวันของเขาหมดไปกับงานราชการ อย่างไรก็ตามเขายังพอมีเวลาเข้าไปในตึกหุ่นยนต์อยู่ดี
จุลกรไม่รู้สึกลำบากใจต่อกระบวน การทำงานภายในธนาคารเอเชีย เนื่องจากการดำเนินธุรกิจได้เข้าที่เข้าทางไปนานแล้ว
สอดรับกับจุลกรที่มีผู้ช่วยในแต่ละสายงานคอยดูแลจนเขาแทบไม่ต้องลงมือทำด้วยตนเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารความสัมพันธ์ระหว่างจุลกร
และทีมงานของเขา เป็นอย่างดีในอีกมิติหนึ่ง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา จุลกรก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่สามารถสร้างความกลมกลืนและ
"ความเป็นเพื่อน" ให้เกิดขึ้นในองค์กร โดยไม่ยึดติดกับระบบการบริหารแบบขุนนางมากนัก
ภายใต้แนวความคิดว่าด้วย "Knowledge Management" ซึ่งส่งเสริมให้จุลกรมีเวลามากพอที่จะสรุปและตกผลึกความคิด
เพื่อการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น
บทบาทใหม่ๆ ที่จุลกรได้รับทั้งในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการในบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
จึงอาจจะเป็นเวทีที่เปิดให้จุลกรมีโอกาสได้แสดงความสามารถอย่างกว้างขวางอีกครั้ง
หลังจากที่กระบวนการจัดทัพในธนาคารเอเชียดูจะเสร็จสิ้นไปแล้ว
จุลกรจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จาก London School of Economics และปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก
Wharton School of Finance
เขาทำงานที่ธนาคารกรุงเทพเป็นเวลา 11 ปี และเข้าร่วมงานกับธนาคารเอเชียใน
ปี 2518 และได้รับการโปรโมตเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ในปี 2535