กรณ์ จาติกวณิช ชายหนุ่มรูปร่างสูงเกือบสองเมตร ใส่รองเท้าเบอร์ 13 ที่เพื่อนๆ
พากันเรียกติดปากว่า ดอน ปัจจุบันเขาดำรง ตำแหน่งผู้จัดการอาวุโสประจำประเทศไทย
บล.เจ.เอฟ.ธนาคม (ในอนาคตจะเปลี่ยนเป็น เจ.พี.มอร์แกน)
กรณ์เป็นทายาทคนที่สองของครอบ ครัวไกรศรี จาติกวณิช อดีตอธิบดีกรม ศุลกากร
ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับภรรยาของ ปิ่น จักกะพาก อดีตกรรมการผู้จัดการ บง.
เอกธนกิจ
กรณ์เกิดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2507 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่เขาถือสัญชาติไทย
อายุได้ 4 ปี เขาถูกส่งตัวกลับมา เมืองไทย เพื่อเข้าเรียนระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนสมถวิล
ราชดำริ ในปี 2511
จากนั้นเข้าเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียน สาธิตปทุมวัน ในปี 2517 แต่เรียนได้เพียงปีเดียว
เขาก็ต้องเดินทางกลับไปอังกฤษ เพื่อเข้าเรียนต่อที่ The Old Malhouse Preparatory
และในปี 2521 กรณ์เข้าศึกษาที่ Winchester College แล้วต่อด้วยระดับปริญญาตรีสาขาปรัชญา
รัฐศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ ที่ St. John's College, Oxford University และจบการศึกษาในปี
2528
ว่ากันว่าในช่วงเวลานั้น อนาคตหนุ่ม คนนี้น่าจะเป็นทรัพยากรบุคคลสามารถสร้าง
ผลงานทางการเมืองได้ เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งพรรคประชา
ธิปัตย์ อย่างไรก็ดีเขากลับเลือกที่จะทำงานด้านการเงินที่ S.G. Warburg &
Co., Mer-chant Bank ในกรุงลอนดอนช่วงปี 2528-2531
หลังจากได้ประสบการณ์การทำงานในระดับหนึ่งจากสถาบันการเงินดังกล่าวแล้ว
กรณ์ได้เดินทางกลับประเทศไทยจากคำชวน ของปิ่น เพื่อเข้ามาร่วมงานที่บล.เจ.เอฟ.
ธนาคม ซึ่งเกิดจากการเข้าเทกโอเวอร์ บล. ไอเอสทีแอล โดยมีตระกูลจาติกวณิชและจักกะพากร่วมกันถือหุ้น
ในปีดังกล่าว กรณ์เพิ่งมีอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น แต่แม้ว่าเขาจะเป็นคนหนุ่มที่ผ่านประสบการณ์มาไม่มากนัก
เขาก็มีความ รู้ทางการบริหารเงินที่สูงคนหนึ่งในขณะนั้น
ที่สำคัญ ช่วงที่กรณ์กลับเมืองไทยใหม่ๆ ได้เรียนรู้และศึกษางานทางการเงินกับปิ่น
และได้รับการถ่ายทอดวิชาการทำธุรกิจไฟแนนซ์ โดยก่อนหน้านั้นสมัยที่ปิ่นทำงานอยู่ที่ธนาคารเชสแมนฮัตตัน
กรณ์จะเป็นผู้ประสานงานกับปิ่นเรื่องการทำงานทาง ด้านวาณิชธนกิจ
ตำแหน่งงานที่กรณ์ได้รับใน บล.เจ. เอฟ.ธนาคมตำแหน่งแรก คือ ประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง
และด้วยการมองการณ์ไกลของการทำธุรกิจทั้งตระกูลจาติกวณิช และจักกะพากได้เชิญสถาบันการเงินจาร์ดีน
เฟลมมิ่งแห่งฮ่องกงเข้ามาถือหุ้นด้วยและกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในเวลาต่อมา
ส่วนกรณ์ได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการขณะที่อายุ 28 ปี
ด้วยความเป็นผู้บริหารที่ต้องรับภาระ เมื่ออายุยังน้อย ลักษณะการทำงานของกรณ์
จึงค่อนข้าง aggressive และด้วยบุคลิกส่วนตัวที่คล่องแคล่วว่องไว ส่งผลให้ใช้เวลาเพียง
3 ปีก็สามารถนำองค์กรขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจได้
โดยการคว้างานที่ปรึกษามาไว้ในมืออย่างมากมาย ส่งผลให้บล.เจ.เอฟ.ธนาคมประสบความสำเร็จในธุรกิจวาณิชธนกิจอย่างสูง
อีกทั้งยังสร้างความฮือฮาให้กับวงการ กรณีที่เขาพ่ายแพ้การประมูลเก้าอี้โบรกเกอร์
กรณ์จึงได้ลงโฆษณาในหนังสือ พิมพ์เกทับผู้ชนะครั้งนั้นว่า "บริษัทของเรา
คือ ซูเปอร์โบรกเกอร์" พร้อมกับลงรูปซูเปอร์แมน ด้วย
นับตั้งแต่เขาทำงานให้กับองค์กรการเติบใหญ่มีอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วเชสแมตฮัตตันขอซื้อหุ้นบล.เจ.เอฟ.ธนาคมทั้งหมด
หลังจากเชส แมนฮัตตัน ธนาคารยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษตกลงจ่ายเงิน 4,880
ล้านปอนด์ หรือ 27.44 ปอนด์/หุ้น เพื่อเข้ามาเป็นเจ้าของสถาบันการเงินเก่าแก่แห่งหนึ่ง
ของฝั่งตะวันตกเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ในประเทศไทย บล.เจ.เอฟ.ธนาคม คือแขนขาของจาร์ดีน เฟลมมิ่ง โดย บล.เจ. เอฟ.ธนาคมเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างผู้ถือหุ้นต่างชาติ
คือ จาร์ดีน เฟลมมิ่ง 43% และผู้ถือหุ้นไทย คือ บง.เอกธนกิจ 31% ตระกูลจาติกวณิช
16% และผู้ถือหุ้นเดิมอีก 10% โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2531
โครงสร้างผู้ถือหุ้น บล.เจ.เอฟ.ธนาคม เปลี่ยนเป็น จาร์ดีน เฟลมมิ่ง โฮลดิ้ง
40.38% บริษัทพีจีดับเบิลยู 25% ตระกูลจาติกวณิช 24.60% ผู้ถือหุ้นอื่นๆ
อีก 10% และในปัจจุบัน โครงสร้างนี้ได้เปลี่ยนไปโดยตระกูลจาติกวณิช ลดสัดส่วนถือหุ้นลงเหลือประมาณ
15% โดยการขายหุ้นคืนให้กับจาร์ดีน เฟลมมิ่ง
จาร์ดีน เฟลมมิ่ง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นต่างชาตินั้นเป็น trading company
ก่อตั้งมาเป็น เวลาเกือบ 30 ปี โดยการร่วมทุนในส่วน 50:50 ระหว่างโรเบิร์ต
เฟลมมิ่ง ซึ่งเป็น investment banker ที่มีชื่อเสียงในอังกฤษและจาร์ดีน แมทเธอร์สันของฮ่องกง
ดังนั้นการร่วมทุนของจาร์ดีนกับผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยนับว่าเป็นผลดี ต่อการดำเนินการของ
บล.เจ.เอฟ.ธนาคมอย่างยิ่ง และผลของการร่วมทุนกับจาร์ดีน เฟลมมิ่งนี้เองช่วยสร้างจุดแข็งให้กับบริษัทในการสร้างฐานลูกค้าและเครือข่ายทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ซื้อหุ้นในจาร์ดีน เฟลมมิ่งแล้ว เชสฯ ในประเทศไทยก็อยากจะรวมกิจการกับบล.เจ.เอฟ.ธนาคมด้วยเช่นเดียวกัน
โดยจะเข้าถือหุ้น 100% ดังนั้นการเจรจาซื้อขายหุ้นระหว่างเชสฯ กับ ผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น
โดย เฉพาะกลุ่มตระกูลจาติกวณิชที่ถือว่าเป็น ผู้มีบทบาทในการบริหารงานใน
บล.เจ.เอฟ. ธนาคม
ปัจจุบัน แม้ว่ากรณ์จะไม่ใช่เถ้าแก่ ใน บล.เจ.เอฟ.ธนาคม อีกต่อไป แต่ถือว่าเขามีบทบาทมากพอสมควร
เกิดจากความสามารถที่สร้างบริษัทให้กลายเป็นโบรกเกอร์ ชั้นนำของประเทศ โดยตลอด
18 เดือนที่ผ่าน มา มีส่วนแบ่งทางการตลาดติดอันดับ 5
แม้ว่ากรณ์จะไม่แน่ใจตนเองว่าจะสามารถเป็นผู้นำด้านไฟแนนซ์ในศตวรรษนี้ได้หรือไม่
แต่เขาก็เป็นนักธุรกิจที่เกิดจากธุรกิจไฟแนนซ์