Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2544
It Takes a Prophet to Make a Profit             
 





เป็นหนังสือที่ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มสำคัญ 15 ประการที่มีผล กระทบต่ออนาคตของธุรกิจ แนวโน้มบางประการมีความเกี่ยวเนื่อง ถึงกัน แต่รวมแล้วก็นับเป็นแผนที่ธุรกิจฉบับบังคับอ่านที่ผู้จัดการ และผู้ประกอบการธุรกิจควรใช้เป็นยุทธศาสตร์ในการกำหนดแผน และเตรียมการทางการตลาดในปีหน้าและต่อๆ ไป อีกทั้งหนังสือ เล่มนี้เต็มไปด้วยข้อมูลที่มีประโยชน์ จึงอาจเป็นคู่มือตรวจสอบ ทิศทางธุรกิจที่เพิ่งผ่านไปและปูทางสู่อนาคต

แนวโน้ม 15 ประการ

1. ชาวอเมริกันมีเวลาเป็นของตัวเองน้อยลงทุกที พวกเขา คิดกันว่างานที่หนักขึ้นทำให้มีเวลาน้อยลงสำหรับครอบครัว การพักผ่อน การกีฬา อ่านหนังสือ ดูทีวี เดินซื้อของ และแม้แต่ การนอน ผู้บริโภคจึงต้องการสินค้าและบริการที่ช่วยประหยัดเวลา มากที่สุด

2. ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนถ่างกว้างขึ้นทุกขณะ สัดส่วนระหว่างคนรวยกับคนจนในอเมริกานั้นเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าตัว นับตั้งแต่ปี 1977 ธุรกิจบริการให้กับพวกที่มั่งคั่งร่ำรวยจึงยังเป็นที่ ต้องการอีกมาก

3. การเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะมีส่วนสร้าง ชื่อเสียงให้กับองค์กร การสนับสนุนกิจกรรมสำหรับเด็ก และการให้ ทุนการศึกษาเป็นการสร้างความเชื่อถือต่อสาธารณะ "เมื่อใด ที่ลูกค้าเชื่อว่าคุณแคร์ผู้อื่น พวกเขาก็จะแคร์คุณเหมือนกัน"

4. อินเทอร์เน็ตจะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ต่อไปคนที่ ไม่รู้จักใช้อินเทอร์เน็ตอาจถูกเรียกว่าเป็นพวกไม่รู้หนังสือ เพราะอินเทอร์เน็ตจะเข้ามามีส่วนในการให้บริการการสั่งซื้อสินค้าแบบ เป็นส่วนตัวมากขึ้น วิดีโอแนะนำสินค้าแบบออนไลน์จะมีผลกระทบ อย่างมากต่อการจำหน่ายสินค้าและบริการ

5. บริษัทอเมริกันไม่อาจเรียกร้องความภักดีต่อองค์กรจาก พนักงานได้อีก วิธีที่จะได้มาคือซื้อเอา หลังจากที่มีการลดขนาด กิจการธุรกิจอย่างขนานใหญ่ ทำให้ความมั่นคงในอาชีพการงาน สั่นคลอน พนักงานจึงไม่อาจคาดหวังที่จะประกอบอาชีพการงานใน บริษัทแห่งใดแห่งหนึ่งไปชั่วชีวิต การที่องค์กรใดต้องการให้พนักงาน มีความภักดีต่อองค์กรจึงต้องใช้วิธีการเพิ่มค่าตอบแทน ให้การสนับ สนุนความก้าวหน้าในอาชีพ และให้การยอมรับเป็นพิเศษ รวมทั้ง ต้องรู้จักแสดงความขอบคุณต่อพนักงานด้วย

6. ผู้บริโภคมักลังเลที่จะซื้อหาสินค้าในราคาเต็ม หลายคน เฝ้ารอช่วงลดราคาสินค้า ห้างประเภทที่เน้นการลดราคาจึงได้รับ ความนิยมอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม การใช้กลยุทธ์การขายที่มี ประสิทธิภาพและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าจะช่วยให้ผู้ค้าปลีกชนะใจ ลูกค้าได้มากกว่าห้างที่เน้นการลดราคา

7. ชาวอเมริกันมีแนวโน้มใส่ใจกับพ่อแม่ผู้สูงวัย คนอายุเกิน ร้อยปีจะมีจำนวนราว 101,000 คน ในปี 2005 ผู้บริโภคจึงมีแนวโน้ม ที่จะใส่ใจกับพ่อแม่ของตนมากขึ้น หลายคนต้องประหยัดเงินที่มีอยู่ ตอนนี้เพื่อใช้จ่ายในภายหลัง

8. พวกเศรษฐี "กระดาษ" จะมีมากเป็นดอกเห็ด บรรดานัก ลงทุนในตลาดหุ้นครึ่งหนึ่งจะเป็นพวกเก็งกำไรและใช้จ่ายเงิน แต่อีกครึ่งหนึ่งจะนำเงินไปลงทุนหมุนเวียนต่อ พวกใช้เงินจะนิยม รถหรูคันโต ชอบการท่องเที่ยว และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ภายในบ้าน บริษัทที่ขายสินค้าฟุ่มเฟือยควรเล็งช่องทางการทำ โฆษณาในสื่อประเภทการเงินให้มาก

9. ครอบครัวที่หาเงินทั้งสามีและภรรยาจะน้อยลง และครอบครัวที่มีคนหารายได้เพียงคนเดียวจะมีมากขึ้น ทั้งนี้เพราะพ่อแม่รุ่นใหม่ที่มีรายได้มากพอจะให้ใครสักคนลาออกจากงานมา ดูแลครอบครัว กระแสความห่วงใยครอบครัวกำลังมาแรง

10. แบบแผนการซื้อสินค้าซ้ำๆ เพื่อสะสมคะแนนชิงรางวัล จะเป็นที่นิยมมากขึ้น 63% ของครัวเรือนอเมริกันเข้าร่วมในการ ส่งเสริมการขายประเภทสะสมคะแนนและชิงรางวัล การส่งเสริม การขายประเภทนี้มีต้นทุนเพียงแค่ราว 1% ของรายได้ของบริษัท เท่านั้น หากทำได้ควรจัดทำแผนประเภทนี้บ้าง

11. ผู้บริโภคยุคใหม่นิยมสินค้าแบรนด์เนมมากขึ้น เพราะสินค้ากลุ่มนี้มีคุณภาพเชื่อถือได้ ผู้บริโภคที่มีสตางค์จึงรู้สึกอุ่นใจกว่า เมื่อซื้อหาสินค้าไว้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาในการเลือกซื้อด้วย

12. การเสี่ยงโชค เกมพนัน ลอตเตอรี่เป็นสิ่งที่คนอเมริกัน ส่วนใหญ่คลั่งไคล้ ปี 1998 มีผลสำรวจระบุว่าชาวอเมริกันใช้เงินใน การเสี่ยงโชคทำนองนี้มากกว่าการใช้จ่ายเพื่อดูหนัง ซื้อหนังสือและซื้อสินค้าของชำเข้าบ้านรวมกัน บริษัทที่คิดเกมเด็ดๆ ได้ย่อมมี โอกาสช่วงชิงตลาดได้

13. คนยุคนี้มักรู้สึกว่าไม่มีใครใส่ใจ ผู้คนกำลังเคร่งเครียด กับการทำงานหนักจนไม่มีเวลาเหลือแต่เงินรายได้กลับน้อยลง ธุรกิจประเภทบริการ จะได้ประโยชน์จากจุดนี้เพราะสามารถทำให้ ลูกค้ารู้สึกว่าตนมีความสำคัญและมีคนใส่ใจ

14. การทำงานอยู่กับบ้านจะแพร่หลายมากขึ้นในอเมริกา การทำงานอยู่กับบ้านมีแนวโน้มเกิดมากขึ้น เพราะบริษัทได้ ประโยชน์จากการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน ส่วนพนักงาน ก็มีเวลามากขึ้น ไม่ต้องไปจ้างคนเลี้ยงเด็ก และไม่ต้องสิ้นเปลือง ค่าเดินทาง

15. การทำตลาดในยุคนี้ยังไล่ไม่ทันกับความต้องการที่ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดของผู้บริโภค ยุทธศาสตร์การตลาดแบบเดิม มักจำกัดอยู่ที่การสร้างความสำเร็จและมีการลอกเลียนแบบกันและกัน แต่ในยุคที่ผู้บริโภคเปลี่ยนความต้องการอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์ การตลาดต้องปรับให้ทันสมัยสอดคล้องกันด้วย ผลงานของบีเมอร์เล่มนี้เป็นงานศึกษาแบบแผนผู้บริโภคและธุรกิจยาวนานถึง 20 ปี มีการสอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคและ ผู้ประกอบธุรกิจถึงราว 4 ล้านราย จึงเหมาะกับผู้บริหารองค์กร ทุกแขนงและทุกขนาด

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us