"ผมไม่สนหรอกว่าคุณทำธุรกิจอะไร ผมรู้แต่ว่า ความสำเร็จ ของคุณขึ้นอยู่กับสายสัมพันธ์ที่คุณได้สร้างเอาไว้กับคนรอบตัว"
เดฟ ลองอะเบอร์เกอร์ (Dave Longaberger) เจ้าของกิจการบริษัท J.W. Longaberger
Handwoven Basket ให้ข้อคิดอันลึกซึ้งไว้ใน หนังสืออัตชีวิตชื่อ Longaberger
ผู้เขียนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อราวสองปีก่อน แต่เขาได้ สร้างชื่อและสร้างพันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ภายในเวลา 25 ปี ซึ่งนับว่า น่าสนใจ และยิ่งน่าทึ่งขึ้นไปอีก ในเมื่อเขาไม่เคยเข้าชั้นเรียนวิชา
การทางด้านธุรกิจจากสถาบันใดมาก่อน ด้วยเหตุนี้ คำพูดเรียบง่าย ข้างต้นจึงไม่อาจอ่านเพียงผ่านๆ
สายตาโดยขาดการครุ่นคิด
ผู้เขียนได้บอกเล่าประสบการณ์ส่วนตัวในการทำธุรกิจที่มี ทั้งวันที่รุ่งโรจน์และจุดตกต่ำ
จนสามารถสรุปบทเรียนจาก ความผิดพลาด ความใฝ่ฝัน และความสำเร็จ
ทำอย่างไรให้พนักงานใส่ใจต่อองค์กร
เดฟ ลองอะเบอร์เกอร์บอกวิธีที่จะให้พนักงานมีความใส่ใจ กับองค์กรนั้นง่ายมาก
"ถ้าคุณแคร์เขา เขาก็จะแคร์บริษัทเหมือน กัน" นี่คือสาระสำคัญของการบริหารที่ดี
และเป็นเรื่องพฤติกรรม มนุษย์ขั้นพื้นฐานเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ลองอะเบอร์เกอร์บอก
ด้วยว่า "แต่คุณจะทำหลอกๆ ไม่ได้ ความใส่ใจต้องมาจากจิตใจ และจริงใจ พนักงานเขารู้ว่าคุณเป็นแบบไหน"
มรดกธุรกิจสานตะกร้า
หนังสือเล่มนี้นำเสนอเรื่องราวของบุคคลผู้หนึ่งซึ่งมีวิสัยทัศน์ ยาวไกล
เขาเริ่มต้นธุรกิจขนาดเล็กของตนเองขึ้นและมีความ พากเพียรอุตสาหะจนกิจการติดอันดับในรายชื่อกิจการเอกชนชั้นนำ
500 แห่งของสหรัฐฯ ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes
อันที่จริง กิจการ Longaberger เริ่มต้นมาตั้งแต่ปลาย ทศวรรษ 1800 โดยปู่ของเดฟ
ลองอะเบอร์เกอร์ ซึ่งก่อตั้งกิจการ Dresden Basket Company และได้ส่งผ่านทักษะการบริหารกิจการ
ต่อมายังรุ่นลูกคือ เจ ดับบลิว ลองอะเบอร์เกอร์ พ่อของเดฟ ต่อมา กิจการได้ปิดตัวลง
เจ ดับบลิว ลองอะเบอร์เกอร์ต้องเข้าทำงาน ในโรงงานกระดาษ แต่ยังคงสานตะกร้าเป็นงานพิเศษในยามค่ำคืน
และทำให้เดฟ ซึ่งเป็นลูกคนที่ 5 จากทั้งหมด 14 คน ได้ซึมซับ ความรักในงานฝีมือแขนงนี้
เดฟ ลองอะเบอร์เกอร์เล่าว่า เขาป่วยเป็นลมบ้าหมู พูด ติดอ่าง และต้องเรียนซ้ำชั้นประถมปีที่
5 ถึงสามครั้ง ประสบการณ์ เหล่านี้ทำให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับความอับอายขายหน้า
ความพาก เพียรพยายามและการดิ้นรนต่อสู้ เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ เดฟต้อง ทำงานในร้านขายของชำ
ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้จักการทำงานหนัก การบริหารจัดการ ความซื่อสัตย์ และการใส่ใจต่อลูกค้า
นอกจากนั้น เดฟยังชอบเล่นบาสเกตบอล เพราะกีฬาชนิดนี้สอนให้รู้จักการทำงานเป็นทีมและรู้จักอ่านใจคน
นอกจากนั้น เขายังเรียนรู้บทเรียนเกี่ยวกับการตลาดที่ทรงคุณค่า 3 ข้อ จาก
โครงการหาทุนของโรงเรียน "ข้อแรก เมื่อคุณจะแข่ง อย่างมัวมุ่งอยู่ แต่เรื่องการแข่งขัน
ให้สนใจเพียงเรื่องเดียวคือคุณจะทำให้ดีที่สุด ได้อย่างไร" เขาบอก "ข้อสอง
ไม่ว่าคุณกำลังขายอะไร คุณกำลัง ขายตัวเองคู่กันไปด้วย ส่วนข้อสามก็คือ อย่ายอมแพ้
ถ้าคนไม่ซื้อ ของคุณ ก็แปลว่า ไม่มีใครขายสินค้านั้นได้หมดเหมือนกัน"
ปี 1973 กิจการร้านอาหารและร้านค้าของชำของเดฟ ลองอะเบอร์เกอร์ที่เมืองเดรสเดน
รัฐโอไฮโอ ก็เริ่มจำหน่ายตะกร้า ที่สานโดยพ่อของเขา เดฟใช้เวลาห้าปีทำธุรกิจสามอย่างไปพร้อมๆ
กัน กิจการ Longaberger เริ่มต้นเมื่อปี 1973 และเติบโตขึ้นเรื่อยมา จนถึงปี
1978 เขาจึงทุ่มเทให้กับธุรกิจการสานตะกร้าอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ในปี
1986 บริษัทจำเป็นต้องปลดพนักงานถึง 900 คน เพื่อสางหนี้สิน 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และหลังจากนั้นกิจการเล็กๆ แห่งนี้ก็กระเตื้องขึ้นจนกลายเป็นอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ในที่สุด
เบื้องหลังความสำเร็จ
เดฟ ลองอะเบอร์เกอร์บอก เขาไม่เคยเข้าเรียนในมหาวิทยา ลัย ไม่ได้อ่านคู่มือการทำธุรกิจให้ร่ำรวย
หรือคู่มือการสร้างกิจการ ธุรกิจใดๆ "ผมเรียนรู้จากการฟังและหัดสังเกตผู้อื่น"
บทเรียนสำคัญที่สุดที่ลองอะเบอร์เกอร์คาดหวังว่าผู้อ่าน หนังสือเล่มนี้จะได้ไปก็คือ
การเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ถ้าหากเด็กใน เมืองธรรมดาๆ คนหนึ่งอย่างเขาทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้
ผู้อ่านก็ทำได้เช่นกัน "ใครก็ตามที่ยอมทำงานหนัก ควรจะได้มีชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีในบั้นปลาย"
เขายืนยัน "เรื่องส่วนใหญ่ในชีวิตเรา ไม่ได้ยากเย็นอะไรนัก คุณแค่ทำให้มันเรียบง่าย
และหากคุณมี ความแน่วแน่ คุณก็จะประสบความเร็จได้อย่างไม่มีขีดจำกัดเลย ทีเดียว"