Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2544
ตะลุยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ตอนที่ 3 (ตอนจบ)             
โดย อเนกระรัว
 

   
related stories

ตะลุยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ตอนที่ 1
ตะลุยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ตอนที่ 2




คนที่รู้จักบางคนที่คิดว่าผมเป็นพวกหัวนอก นิยมฝรั่ง เพราะเวลาผมวิจารณ์ใน เชิงเปรียบเทียบระหว่างบ้านเขาบ้านเรา ผมมักจะบ่นปนตำหนิถึงข้อด้อยต่างๆ ที่ผมนึกได้ ที่เป็นเช่นนี้มิใช่ผมไม่รักชาติหรือเป็นอย่างข้างต้น ในทางกลับกัน การรักชาติแบบตาบอดและหลงตัวเองเกินจริงก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ซ้ำยังเป็นการฉุดรั้งความเจริญและเป็นการปิดกั้นโอกาสการพัฒนา ผมคิดว่าการจะทำสิ่งใดให้ดีจะต้องเข้าใจความเป็นจริงของตัวเรา และมีการเรียนรู้ที่ถูกต้องเพื่อการพัฒนา และการได้เห็นตัวอย่างที่ดี (และไม่ดี) จากผู้อื่นก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีได้ ตะลุยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ฉบับส่งท้ายคราวนี้ผมขอเล่าถึงพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่ตำบลคลองห้า ขณะเดียวกัน ก็ขอวิจารณ์เชิงเปรียบเทียบกับที่ได้เคยพบเห็นมาในต่างแดน

เร็วๆ นี้เองพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ระดับมาตรฐานแห่งแรกของประเทศไทยได้เปิดดำเนินการ แม้จะยังไม่ครบทุกส่วนดังที่วางแผนไว้ พิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้อยู่ที่ตำบลคลองห้าจังหวัดปทุมธานี ภายใต้การดูแลขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ผมได้ไปเยี่ยมชมมาและเกิดแรงบันดาล ใจที่จะเขียนถึง ข้อสังเกตแรกคือสถานที่ตั้งออกจะห่างไกลใจกลางเมืองหรือเส้นทางหลัก การเดินทางค่อนข้างลำบากถ้าไม่ได้มาด้วยรถส่วนตัวหรือเหมารถบัสมาเป็นหมู่คณะ ข้อนี้แตกต่างกับในต่างประเทศที่มักจะให้พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (หรือพิพิธภัณฑ์สาขาใดๆ) ของเมืองใหญ่อยู่ใกล้เขตชุมชนหรืออยู่บนเส้นทางหลักที่สามารถเดินทางได้สะดวก เมื่อเข้าเขตตึกที่ทำการ ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่เคยเป็นที่นาเวิ้งว้าง จะเห็นตึกรูปทรงประหลาดอยู่แต่ไกล รูปทรงเหมือนลูกเต๋ายักษ์ 3 ลูกวางเอียงๆ ชิดกัน จัดเป็นสถาปัตยกรรมแลนด์มาร์คหนึ่งของประเทศเลย ทีเดียว ภายในอาคารทรงลูก เต๋ายักษ์มีเนื้อที่จัดแสดงและอื่นๆ รวม 6 ชั้น ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุม ทั้งพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ วิทยา-ศาสตร์เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง กับประเทศไทย วิทยาศาสตร์ประยุกต์และเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน และเทคโนโลยีภูมิปัญญาไทย ไฮไลต์ที่ได้รับความ นิยมที่สุดโดยเฉพาะเด็กๆ คือ ชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นเรื่องของวิทยา ศาสตร์ขั้นพื้นฐานและพลังงานบนชั้นนี้ประกอบด้วยการทดลองต่างๆ เกี่ยวกับความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เป็นจุดที่สามารถสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชม ซึ่งผมคิดว่าเป็นการจัดแสดงที่ดีที่สุด แต่ก็มีข้อวิจารณ์คือ ยังขาดการ แสดงเนื้อหาทางวิชาการที่เพียงพอ คือการแสดงแต่ละจุดมีคำอธิบายประกอบน้อยมากหรือบางการทดลองไม่มีคำอธิบาย ใดๆ ไม่สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ในแต่ละจุดต้องใช้ พนักงานมาอธิบายเนื้อหาความรู้ การแสดงบนชั้นนี้เปรียบเทียบได้กับ Exploratorium หรือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แนวทดลองที่นครซานฟรานซิสโก คือที่นั่นเน้นการเรียนรู้ด้วย ตัวเองจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โดยมีการจัดชุดทดลองจำนวนมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กนักเรียนแต่พื้นที่การจัดแสดงมีขนาดใหญ่กว่ามากคือ ใกล้เคียงกับตึกลูกเต๋าทั้งตึก (เป็นแนวการทดลองทั้งหมด) สิ่งที่แตกต่างอีกอย่างคือที่นั่นจะมีข้อมูลเนื้อหาทางวิชาการเพื่ออธิบายเหตุผล ของปรากฏการณ์ที่ได้จากการทดลอง ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ด้วยตัวเองในกรณีเด็กโตหน่อย หรือไม่ก็มีไว้ให้ผู้ปกครองอธิบายให้เด็กฟังอีกทอดกรณีเด็กเล็ก

ชั้นที่เหลือคือ ชั้นที่ 4, 5 และ 6 ส่วนใหญ่จะเป็นการแสดงแผ่นภาพคำบรรยาย โดยมีคอมพิวเตอร์อินเตอร์แอคทีฟ หรือเครื่องเล่นวิดีโอเสริม จากการเดินชมและทดลองเล่นจออินเตอร์เเอคทีฟ พบว่าเนื้อหาที่อธิบายทั้งแผ่นภาพและในจอสั้นมากทั้งๆ ที่สามารถบรรจุเนื้อหาได้มากกว่านี้ เนื้อหาเพื่อการเรียนรู้ไม่เป็นขั้นตอนและรวบรัดมาก ตัวอย่างเช่นเรื่องสภาวะอากาศ ซึ่งเป็นหัวข้อที่สำคัญมากสำหรับประเทศเกษตร กรรมอย่างเรา แทนที่จะมีการอธิบายกลไกของสภาวะอากาศ เพื่อให้ลูกหลานชาวไร่ชาวนาที่มีโอกาสมาเที่ยวชมได้เข้าใจ กลับเป็นเรื่องของการดูแผนที่อากาศและให้จำ Pattern ของแผนที่อากาศ เนื้อหาการแสดงเป็นเช่นนี้ในหลายสาขาวิชา คือ รวบรัดมากในส่วนที่เป็นเนื้อหาสำคัญซึ่งเป็นเรื่องของความเข้าใจ ขณะที่ไปโฟกัสในรายละเอียดอยู่บางเรื่อง

ในส่วนของวิทยา-ศาสตร์ประยุกต์และเทค โนโลยี จัดแสดงไว้ในชั้นที่ 4 และ 5 ก็ขาดข้อมูลอธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจในเชิงวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรม คำถามที่อยู่ในจออินเตอร์แอคทีฟก็เป็นเรื่องของความจำ ที่ชั้น 4 มีการแสดงการทดลองสร้างสะพานซึ่งจัดไว้สำหรับเด็กเล็ก ซึ่งเทคโนโลยีการสร้างสะพานชนิดนี้ น่าสนใจ แต่ก็อีก ไม่มีคำอธิบายในทางวิศวกรรม ผมมีความเห็นว่าการทดลองหรือการแสดงใดๆ ไม่ว่าจะง่ายหรือยากน่าจะมีข้อมูลในระดับความลึกที่ครอบคลุมตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่ เพราะเราคงไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะจัดพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง อีกอย่างการใช้คอมพิวเตอร์อินเตอร์ แอคทีฟน่าจะเป็นหนทางที่สามารถจัดเนื้อหาให้ มีความลึกหลายระดับได้ (ซึ่งอาจต้องเพิ่มจำนวนจออินเตอร์แอคทีฟเพื่อให้ผู้ชมใช้เวลากับจอได้มากขึ้น)

ชั้นที่ 6 ซึ่งเป็นเรื่องของภูมิปัญญาไทยก็เน้นที่ดิสเพลย์เช่นกัน แต่มีความตั้งใจด้านศิลปะในการจัดวางตกแต่ง เรื่องของศิลปะเป็นสิ่งที่ดีแต่เรื่องของเนื้อหายังบกพร่องอยู่ การแสดงไม่มีการอธิบายภูมิปัญญาในเชิงวิทยาศาสตร์ ที่มา เหตุผล หรือหลักการทำงานในเชิงช่าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นความรู้สำหรับทำความเข้าใจเพื่อนำไปคิดค้นพัฒนาต่อได้ สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อสงสัยคือ การจัดสรรงบประมาณเพื่อการจัดแสดง คือสงสัยว่าน้ำหนัก ไปอยู่ที่เนื้อหาหรือรูปแบบ สังเกตว่าหลายจุดมีการจัดแสดงที่เสียงบประมาณไปกับการประดิดประดอยเชิงศิลป์ หรือใช้อุปกรณ์ราคาแพงเช่น LCD Display ขนาดใหญ่ซึ่งมีราคาสูงมาก ผมมองว่าควรใช้งบประมาณในการพัฒนาเนื้อหาให้ดีก่อนเป็นสำคัญ ส่วนรูปแบบการจัดแสดงก็สามารถทำให้สวยงามมีศิลปโดยใช้งบประมาณ ที่ประหยัดได้ (รวมทั้งการเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะกับฐานะ)

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นข้อคิดเห็น ที่มีจุดประสงค์อยากให้พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เป็นแหล่งความรู้ทางวิทยา-ศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับประชาชน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความสามารถในการผลิต หรือการพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของประชากร แม้ข้อวิจารณ์ของผมจะออกไปทางลบแต่ก็อยากเชิญชวนท่านทั้งหลาย (หรือพาบุตรหลาน) ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่คลองห้า ซึ่งก็มีสิ่งดีๆ ให้ชมอยู่พอสมควร เป็นการสนับสนุนการดำเนินงาน และอาจแสดงข้อคิดเห็นเพื่อให้มีการปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us