ถึงแม้ว่าในช่วงหลายปีมานี้ เนชั่นจะขยายบทบาท เข้าไปยังสื่อทีวี แต่ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
เนชั่นก็ต้องหันมาเพิ่มบทบาทธุรกิจสิ่งพิมพ์
หลายปีมานี้ กลุ่มเนชั่นเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่พยายามขยาย บทบาทเข้าไปในสื่อต่างๆ
แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นสื่อวิทยุ ทีวี และสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างอินเทอร์เน็ต
เพื่อสร้าง content ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดูเหมือนว่าในบรรดาสื่อทั้งหมดนี้ "สื่อทีวี" จะเป็นสื่อ ที่สร้างพลังให้กับเนชั่นมากที่สุด
ทำให้ชื่อของเนชั่นติดหูติดตา คนดูได้เป็นอย่างดีในช่วงหลายปีมานี้
เมื่อต้องหลุดออกมาจากไอทีวี เนชั่นจึงต้องแก้สถาน การณ์โดยการหันมาผูกมิตรกับกลุ่มซีพี
เพื่อนำสื่อเคเบิลทีวีมาใช้ทดแทนสื่อทีวี ด้วยการผลิตรายการเนชั่นชาแนลช่อง
8 แต่เคเบิลทีวีนั้นไม่เหมือนกับฟรีทีวี เคเบิลทีวีมีข้อจำกัดหลาย ด้านทั้งในเรื่องของจำนวนคนดูที่ต้องสมัครเป็นสมาชิกและไม่สามารถโฆษณาได้
ถึงแม้ว่าในช่วงเริ่มต้นเนชั่นชาแนล 8 จะสามารถสร้าง กระแสตอบรับจากผู้ชมในตลาดได้เป็นอย่างดี
แต่เนชั่นก็ยัง ต้องเจออุปสรรคในหลายๆ ด้าน ทั้งในแง่ของรายได้ ยิ่งในช่วง
หลังด้วยแล้ว เนชั่นชาแนลลดความเข้มข้นของรายการลงไป มาก เนื่องจากการผลิตรายการข่าว
24 ชั่วโมงมีต้นทุนสูง
นอกจากนี้ นโยบายของผู้บริหารของยูบีซีเอง ที่ต้องการให้เนชั่นลดความร้อนแรงในการนำเสนอข่าวที่มีผลในด้าน
ลบต่อรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ดังเช่นล่าสุด ก็ได้สั่งให้มีการถอดรายการ "ก๊วน
กวน ข่าว" ออก ซึ่งเป็นรายการที่ล้อเลียน เกี่ยวกับประเด็นข่าวต่างๆ ทั้งที่รายการนี้เป็นที่นิยมของคนดู
ไม่น้อย แต่เนื่องจากยูบีซีไม่ต้องการให้มีการนำเสนอข่าวที่กระทบต่อรัฐบาล
จึงถอดรายการนี้ออก
ถึงแม้เนชั่นจะถูกกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงการผลิต รายการมาตลอด แต่ก็จำเป็นต้องทำตามที่ยูบีซีต้องการ
เพราะเนชั่นเองก็กลัวถูกบอกเลิกสัญญา ถึงแม้ว่าสัญญาที่เนชั่นทำไว้กับยูบีซีในการผลิตรายการชาแนล
8 จะมีระยะเวลา 10 ปีก็ตาม แต่ยูบีซีก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ยูบีซีวางไว้
และเร็วๆ นี้ยูบีซีก็มีแผนที่ จะปรับผังรายการใหม่ และมีแนวโน้มต้องการถอดรายการเนชั่นชาแนล
8 ออก เนชั่นจึงจำเป็นต้องดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะรักษาชาแนล 8 เอาไว้
สถานการณ์ที่ล่อแหลมและไม่เป็นใจที่เกิดกับสื่อทีวี ในอีกด้านหนึ่งเนชั่นก็ได้ออกมาเคลื่อนไหว
ด้วยการหยิบเอา โครงการออกหนังสือพิมพ์รายวันหัวสี ที่เนชั่น เคยคิดเอาไว้ตั้งแต่
4-5 ปีมาแล้วออกมาปัดฝุ่น กันใหม่
หนังสือพิมพ์รายวันที่ว่านี้ นอกจากจะนำเสนอข่าวทั่วไปที่เหมือนกับหนังสือพิมพ์
หัวสีทั่วไปแล้ว เนื้อหาข่าวจะมุ่งเน้นข่าวทาง ด้านอาชญากรรม ข่าวเชิงสืบสวน
สอบสวน และเนชั่นได้ให้ชื่อหัวหนังสือว่า "เนชั่น คมชัดลึก"
การออกหนังสือพิมพ์รายวันในสภาวะ เศรษฐกิจเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา
เพราะ บรรดาหนังสือพิมพ์ที่วางแผงอยู่ในเวลานี้ ก็ยังอยู่ในภาวะที่ล่อแหลม
หลายฉบับที่ผ่านความบอบช้ำและอยู่รอดมาได้ก็ต้องรัดเข็มขัด ในขณะที่หลายธุรกิจก็ระมัดระวังค่าใช้จ่าย
เทพชัย หย่อง บรรณาธิการอาวุโสเครือเนชั่น ให้คำตอบในเรื่องนี้ว่า เป็นโครง
การดั้งเดิมที่เนชั่นคิดขึ้นมาตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจยังดี
จนเมื่อ 6 เดือน ที่แล้วได้มีการนำเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณา แต่ก็ต้องระงับไปเนื่องจากตลาดยังไม่พร้อม
และ ล่าสุดได้มีการเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง
สำหรับเทพชัยแล้ว ในแง่ของคนทำข่าว การออกหนังสือพิมพ์ในช่วงเวลานี้ถือว่า
เป็นบรรยากาศที่ดีสำหรับการทำข่าว เพราะ เป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ก็จะต้องมองพื้นฐาน ของธุรกิจ ดูผลได้ผลเสียของการลงทุน
แม้ว่าเทพชัยจะแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องนี้ และบอกว่า "เวลานี้เรายังไปไม่ถึงขั้นนั้น"
ก็ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรม การบริษัทอย่างเป็นทางการ
เพราะยังไม่มั่นใจ กับสถานการณ์ ทำให้สุทธิชัยและเทพชัย ยื่น ข้อเสนอในการทำว่า
จะประหยัดการลงทุนมากที่สุด ด้วยการใช้ทีมงานที่มีอยู่เดิมทั้งหมด ไม่ต้องรับใหม่
ภายในของเครือเนชั่นเวลานี้ก็ได้มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ด้วยการโยกย้ายทีม
งานบางส่วนของแต่ละโต๊ะข่าวของหนังสือ พิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และเนชั่น ไปทำงานในหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่
และบางส่วนก็จะมีการรับนักข่าวใหม่เข้ามาเสริมทีมด้วย
นอกจากนี้ จะใช้ประโยชน์จากทีมข่าว ส่วนกลาง หรือ news center ที่เนชั่นใช้ชื่อว่า
super desk ผลิตข่าวป้อนให้กับทุกสื่อของเนชั่นมัลติมีเดีย ป้อนข่าวทั่วไปให้กับเนชั่นคมชัดลึก
นอกจากเทพชัย หย่อง ที่จะมาดูแลหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่นี้แล้ว ก็ยังมีก่อเขตต์
จันทเลิศลักษณ์ ลูกหม้อเก่าของเนชั่น ที่ได้ยื่นใบลาออกจากไอทีวีเงียบๆ มา
นั่งเป็นบรรณาธิการบริหาร ของหนังสือพิมพ์ เนชั่นคมชัดลึก
สำหรับก่อเขตต์นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ เป็น 1 ใน 23 พนักงานไอทีวี ที่ถูกยื่นซองขาว
ให้ออก แต่เขาเป็นลูกหม้อเก่าของเนชั่น และ เป็น 1 ในผู้ที่ไม่เห็นด้วยในการเข้ามาของกลุ่ม
ชินคอร์ป แม้ว่าจะไม่ได้ออกมาต่อต้านอย่างโจ่งแจ้งก็ตาม
ในด้านของกำลังการผลิต เร็วๆ นี้ แท่นพิมพ์ของโรงพิมพ์แห่งใหม่ของเนชั่นริมถนนบางนา-บางพลี
จะเริ่มเดินเครื่องการผลิต ซึ่งทำให้เนชั่นมีกำลังการผลิตที่มากพอสำหรับหนังสือพิมพ์ฉบับใหม่
ขณะเดียวกัน ในทางธุรกิจและในแง่ ของการลงทุนแล้ว ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา
เนชั่น ก็ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์หัวสี การเข้าไปในตลาดนี้
จะทำให้เนชั่นมีสินค้าที่ครบถ้วนในทุกกลุ่มของผู้อ่าน
การออกหนังสือพิมพ์หัวสีของเนชั่น และใช้ชื่อว่า เนชั่นคมชัดลึก จึงไม่ใช่เรื่องความบังเอิญ
แต่เป็นความตั้งใจที่เนชั่นต้อง การใช้เป็นการสร้าง "สื่อเสริม" ให้กับรายการ
"คมชัดลึก" ที่นับเป็นรายการที่เป็นไฮไลต์ของชาแนล 8 ให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งการใช้ประโยชน์จาก content ระหว่าง สื่อทั้งสองร่วมกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เนชั่นพยายามทำมาตลอด
เนชั่นคมชัดลึก จะประสบความสำเร็จ เหมือนอย่างที่คาดหมายไว้หรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องรอคำตอบ
ความหมายของการเป็น content provider ของเนชั่น ในบางครั้งก็ไม่ง่ายนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อทีวี ที่ผู้ผลิตรายการต้องพึ่งพิงเจ้าสถานี ไม่ว่าจะเป็นฟรีทีวี
หรือ เคเบิลทีวีก็ไม่แตกต่างกัน ไม่เหมือนกับสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ใครก็สามารถเป็นเจ้าของสื่อได้
แต่เงื่อนไขของธุรกิจก็แตกต่างกัน
เป็นเรื่องจำเป็นที่เนชั่นจะต้องประสานทั้งสองส่วนนี้ให้ลงตัว
