การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร ประเภท 14 วัน จากระดับ 1.5%
เป็น 2.5% ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินอย่างเป็นรูปธรรมครั้งแรก ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) คนที่ 20 ของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
การประกาศครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันที่ 8 มิถุนายน หลังมีพระบรม ราชโองการ
แต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ ธปท.ไม่ถึงสัปดาห์ โดยให้มีผลทันที ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ในระบบมีการขยับเพิ่มสูงขึ้นตาม
"ตอนนี้เมืองไทยเป็นเมืองที่ผิดมนุษย์มนาประหลาดมาก โดย ทั่วไปอินเตอร์แบงก์จะอยู่ระหว่างเงินกู้และเงินฝาก
ผมเคยทำงานแบงก์มา 20 ปี ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่อินเตอร์แบงก์ต่ำกว่าเงินฝาก
โครง สร้างอินเตอร์แบงก์ที่เหมาะสมจะอยู่ระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก
จะไม่มีความเครียดในการให้กู้ของธนาคารพาณิชย์ ไม่มีความเครียด ในการจัดการเงินของเรา
แปลกแต่จริงเราปล่อยให้อินเตอร์แบงก์ต่ำกว่าเงินฝากมากว่า 2 ปีแล้ว" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
กล่าวในการแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง
ดูเหมือนประเด็นอัตราดอกเบี้ย จะเป็นประเด็นที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร มีความวิตกกังวลค่อนข้างมากในช่วงแรกของการเข้ารับตำแหน่ง
เพราะการที่อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราดอก เบี้ยเงินฝากนั้นส่งผลหลายประการ
ประการแรก ธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะจากต่างชาติสามารถ เข้ามากู้เงินจากตลาดอินเตอร์แบงก์
เพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่ามาก ส่งผลให้ธนาคารเหล่านี้ปฏิเสธที่จะรับเงินฝากจากประชาชนทั่วไป
ที่มีต้นทุนสูงกว่า
ประการต่อมา มีการนำเงินกู้จากตลาดอินเตอร์แบงก์ไปเก็งกำไรค่าเงินบาทในตลาดต่างประเทศ
ส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุน และมีผลต่อเนื่องถึงดุลชำระเงินที่เริ่มจะเกินดุลลดลง
และจะ มีผลถึงฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในอนาคต
ฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ คือ สิ่งที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร มีความเป็นห่วงมากที่สุด
เขาถึงกับประกาศเป็นเป้าหมายหลักในการ เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน หลังจากเข้ารับตำแหน่ง
"จะมีการเปลี่ยนแนวนโยบายการเงิน ถ้าถามว่าทำไมจะต้องมีการเปลี่ยน ต้องขอปูพื้นก่อน
สำหรับนโยบายทางการเงินเวลาใช้มีเป้าหมายสุดท้าย 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1. เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ
และ 2. เพื่อรักษาความมั่นคงของเศรษฐกิจ หรืออีกนัยคือรักษาทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ
ถ้าทุนสำรองแข็งแรง ค่าเงิน บาทก็จะมีเสถียรภาพ"
ปัจจุบันฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเริ่มสั่นคลอน หลังจากมั่นคงต่อเนื่องกันมาถึง
2 ปี ด้วยเหตุผลสำคัญคือ ยอดการ เกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขยายตัวในอัตราที่ลดลง
ในปี 2541-2542 ประเทศไทยมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 1.3-1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนที่ลดลงเหลือ 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2543 และในปีนี้ ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่ายอด
เกินดุลบัญชีเดินสะพัดจะลดลงเหลือเพียง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
สาเหตุสำคัญก็เนื่องมาจากภาวะการส่งออกที่ลดลง จนกระทั่ง ในบางเดือนไทยต้องประสบกับปัญหาการขาดดุลการค้า
เพราะประเทศคู่ค้าสำคัญคือสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นมีปัญหาทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ก็กระตุ้นให้มีการเร่งซื้อเงิน ดอลลาร์เพื่อนำไปชำระหนี้ต่างประเทศ
เป็นสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่อการเกิดวิกฤติทางการเงินรอบใหม่ หากผู้กำหนดนโยบายไม่รีบเข้าไปจัดการกับปัญหา
แต่ดูเหมือนหลังจากการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร เสียงสะท้อนที่ออกมาจากหลายๆ
ฝ่าย โดยเฉพาะจากสถาบันการเงินต่างชาติมีทิศทางที่ไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่าเป็นการดำเนินนโยบายที่สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่แนวโน้ม
ของอัตราดอกเบี้ยกำลังลดลง และการใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ
"สายนโยบายการเงินคงไม่เห็นด้วยกับผม แต่ผมเป็นคนตั้งใจ ทำ แล้วสักพักค่อยมาดูกัน
ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มีตั้ง 108 วิธี ลองเดิน กับผมไปสักพักหนึ่ง ผมยังเชื่อว่าถูก
ใน 2-3 อาทิตย์ก็เชื่อว่าถูก และผมจะพยายามติดตามตัวเอง และติดตามเครื่องชี้ต่างๆ
ถ้าไม่ได้ผลก็ ต้องเปลี่ยนแปลง ขอทดลองให้ดูก่อนอีกสัก 2 เดือน "ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
กล่าวในตอนหนึ่งของการพบปะพนักงาน ธปท.เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน
อีกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น ในการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาด ซื้อคืนพันธบัตร
คือได้เกิดความผันผวนขึ้นในตลาดการเงินค่อนข้าง มาก
ถึงขนาดที่คนในตลาดมีการคาดการณ์ต่อว่า ธปท.จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินขนานใหญ่ตามออกมา
เช่น การเข้าควบคุมการไหลออกของเงินทุน ตลอดจนการลดอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐานบีไอเอส
ดร.อัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ จากทีดีอาร์ไอ ถึงกับกล้าฟันธงลงไปเลยว่าการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อ
คืนพันธบัตร คือ การปูทางไปสู่การเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยนกลับมาใช้แบบคงที่เหมือนเมื่อก่อนปี
2540
แต่การคาดการณ์ทั้งหมด ได้ถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ทั้งจากตัว ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเอง
รวมทั้ง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลัง ไปจนถึง
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ขณะนี้ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ผ่านพ้นมาเป็นเวลากว่า 1 เดือน ฝุ่นควันในตลาดการเงินเริ่มสงบลงบ้างแล้ว
และเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนหลังจากนี้ ก็จะรู้แล้วว่านโยบายการ เงินที่ผู้ว่า
ธปท.ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ครั้งนี้ จะได้ผลเพียงใด
ตลาดเงิน 1 เดือน หลังมีผู้ว่า ธปท.คนใหม่
29 พฤษภาคม - คณะรัฐมนตรี มีมติปลด ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ออกจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) และแต่งตั้ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ดำรงตำแหน่งแทน
30 พฤษภาคม - ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ว่าที่ผู้ว่าการ ธปท. ให้สัมภาษณ์ว่า
หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับตำแหน่งแล้ว จะเรียกประชุมเจ้าหน้าที่
ธปท.และที่ปรึกษา เพื่อกำหนดนโยบายการเงินใหม่ โดยเฉพาะนโยบายดอกเบี้ยต่ำ
ซึ่งใช้มานานเกินไปแล้ว ทำให้มีเงินทุนไหลออก และเงินทุนไม่ไหลเข้า ซึ่งต้องทบทวน
31 พฤษภาคม - ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ตั้งแต่วันที่ 28-30
พ.ค. เริ่มมีอาการผันผวน โดยผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตร อายุ 5 ปี สูงถึง
1.5% และพันธบัตรอายุ 1 ปี สูงขึ้น 1% สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติขึ้นในปี
2540 ขณะเดียวกันนักลงทุนเริ่มชะลอการ ลงทุน เพื่อรอดูนโยบายการเงินของผู้ว่า
ธปท.คนใหม่ ในตลาดเงิน เกิดอาการขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้ ธปท.ต้องอัดฉีดเงินเข้าไปประมาณ
2 หมื่นล้านบาท ผ่านตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ประเภท 1 วัน, 7 วัน และ
14 วัน เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ไม่ตึงตัว - บริษัทสแตนดาร์ด แอนด์
พัวร์ส (เอสแอนด์พี) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชื่อดังของสหรัฐฯ ได้ออกมาวิจารณ์นโยบายขึ้น
อัตราดอกเบี้ยว่า จะทำให้การฟื้นตัวที่เริ่มเกิดขึ้นของภาคธุรกิจไทย ต้องล่าช้าออกไปและเป็นผลร้ายต่อพอร์ตสินเชื่อของสถาบันการเงิน
- ดร.เทียนฉาย กีระนันทน์ อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.ฉลองภพ สุสังกรกาญจน์
ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการ พัฒนาประเทศไทย และดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ในฐานะกรรมการ นโยบายการเงิน
ชุดที่แต่งตั้งโดย ม.ร.ว.จัตุมงคล ได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง
1 มิถุนายน - ธนาคารดีบีเอส ไทยทนุ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ
12 เดือนจาก 3% เป็น 3.5% และเงินฝากประจำ 24 เดือน เพิ่มจาก 3.5% เป็น 4%
โดยให้เหตุผลว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยกำลังเพิ่มสูงขึ้น
4 มิถุนายน - ม.ร.ว.ปรีดิยาธร แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่า ธปท. โดยยืนยัน จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายการคลัง
โดยมีเป้าหมายเพื่อการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และเพื่อรักษาความมั่นคงของเศรษฐกิจ
หรืออีกนัยคือรักษาความมั่นคงของทุนสำรองระหว่างประเทศ เนื่องจากเห็นว่าโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมามีความผิดปกติ
เพราะอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
ซึ่งส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุน และมีผลต่อเนื่องถึง ฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศ
5 มิถุนายน - ธนาคารในต่างประเทศขายเงินดอลลาร์ เนื่องจากเกิดความวิตกกังวลว่า
ธปท.จะใช้นโยบายควบคุมเงินทุนไหลออก ส่งผลให้ค่าเงินบาท แข็งขึ้นสูงสุดในรอบ
2 เดือน
6 มิถุนายน - ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ในฐานะผู้ว่า ธปท. ได้เข้าหารือกับ ดร.สมคิด
จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอย่างเป็นทางการเป็น ครั้งแรก
โดยยืนยันจะยึดหลักการใช้นโยบายการคลังเป็นตัวเร่งการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ
ส่วนนโยบายการเงินจะส่งเสริมให้กำลังใจ สถาบันการเงิน ให้มีการปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบ
ขณะเดียวกัน ทางคณะกรรมการธนาคารเอเชีย ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาทิศทางอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก
8 มิถุนายน - ธปท.ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี)
ประเภท 14 วัน จากระดับ 1.5% ต่อปี เป็น 2.5% ต่อปี โดยให้มี ผลทันที
11 มิถุนายน - ภาวะตลาดตราสารหนี้เริ่มผันผวน เพราะนักลงทุนต้องการรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจน
ส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ต้องการระดมทุน ผ่านตลาดหุ้นกู้ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะบริษัทที่เตรียมออกหุ้นกู้
3 แห่ง คือ บริษัทโรงผลิตกระแสไฟฟ้าขนอม บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา และบริษัท แคลคอมพ์
ต้องชะลอออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปก่อน
13 มิถุนายน - มีการหารือร่วมกันระหว่างผู้ว่า ธปท.และสมาคมธนาคารไทย โดยประเด็นที่มีการพูดคุยกันคือเรื่องกับนโยบายการเงิน
อัตราดอกเบี้ย และการขยายสินเชื่อ
14 มิถุนายน - กรรมาธิการการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน และคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจพาณิชย์และอุตสาหกรรม
ของวุฒิสภาได้มี การประชุมร่วมกันและได้เชิญ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาให้ข้อมูล
โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปว่ารัฐบาล จะต้องแก้ไขกฎเรื่องการดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐานบีไอเอส
เพราะเป็นต้นเหตุของปัญหาที่ทำลายเศรษฐกิจไทย
18 มิถุนายน - ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้พบปะกับพนักงาน ธปท.พร้อมขอเวลา 2 เดือน
เพื่อพิสูจน์นโยบายดอกเบี้ย ที่เพิ่งปรับอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร ขึ้น
1% เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท และทุนสำรองระหว่างประเทศ ว่าหากไม่ได้ผลพร้อมเปลี่ยนแปลงทันที
21 มิถุนายน - ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้เข้าชี้แจงภาวะเศรษฐกิจต่อคณะกรรมาธิการการคลัง
การธนาคาร และสถาบันการเมืองวุฒิสภา, คณะกรรมาธิการ การเงิน การคลัง การธนาคาร
และสถาบันการเงิน และคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมวุฒิสภา โดยกล่าวว่า
ธปท.ได้ เตรียมขอ "เครดิตไลน์" กับประเทศเพื่อนบ้านให้ได้จำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อให้สอดคล้องกับเม็ดเงินที่คาดว่าจะไหลออก สุทธิ (Net Capital Flows)
ในปี 2544 จำนวน 9.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมปฏิเสธว่าจะไม่มีการปรับลดมาตรฐานบีไอเอสในการดูแล
สถาบันการเงิน