เทียนชัย ม่วงแก้ว เจ้าของธุรกิจให้บริการซีวอร์กเกอร์ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะล้านในชื่อบริษัท
ซีเวอร์ ยาร์ท จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจซีวอร์กเกอร์ และให้เช่าอุปกรณ์ดำน้ำ
กล่าวถึง การดำเนินธุรกิจของตนว่า จะเน้นหนักที่การเปิดบริการนำนักท่องเที่ยวเดินใต้ทะเลมากกว่าบริการดำน้ำ
เพราะบริษัทไม่มี ใบอนุญาตสอนดำน้ำจากสถาบันที่เกี่ยวกับการดำน้ำ ดังนั้นธุรกิจที่ทำในปัจจุบันจึงเป็นเพียงให้เช่าอุปกรณ์ดำน้ำ
สำหรับ ผู้มีใบรับรองการเรียนดำน้ำเท่านั้น
"การทำธุรกิจให้บริการดำน้ำในพัทยามี 2 รูปแบบ คือเปิดให้เช่าชุดและอุปกรณ์สำหรับดำน้ำเฉพาะนักดำน้ำที่มีบัตรรับรองว่าผ่านการเรียนดำน้ำมาแล้ว
ซึ่งจุดนี้ผู้ประกอบการจะเป็นคนไทย ส่วนที่เปิดให้มีการสอนดำน้ำควบคู่ไปด้วย
จะเป็น การให้บริการโดยชาวต่างชาติ เพราะมีข้อได้เปรียบทั้งด้านภาษา และการมีลูกค้าขาประจำซึ่งจะเดินทางมาทุกปี
ที่สำคัญชาวต่างชาติเหล่านี้จะเป็นครูสอนดำน้ำเองด้วย"
ซีฟารี ไดร์วิ่ง เซ็นเตอร์ ให้เช่าและขายอุปกรณ์
ตั้งอยู่บริเวณซอย 5 ถนนสายชายหาด โดยเจ้าหน้าที่ของร้านซีฟารี บอกถึงรูปแบบการบริหารงานของทางร้านว่า
แม้ทางร้านจะเปิดดำเนินการมาเกือบ 30 ปี ทำให้มีลูกค้าขาประจำซึ่งเป็นชาวต่างชาติจำนวนมาก
แต่เพราะค่าใช้จ่ายที่ต้องว่าจ้างครูสอนดำน้ำซึ่งจะต้องเป็นชาวต่างชาติ มีค่าใช้จ่ายสูง
ทำให้ทางร้านต้องหันมาเน้นที่ความสมบูรณ์แบบของการบริการในลักษณะร้านระดับไฟว์สตาร์
ที่ได้รับการรับรองจาก PADI แทน ซึ่งภายในร้านจะมีอุปกรณ์ทุกยี่ห้อจำหน่ายและให้เช่า
รวมถึงมีส่วนซ่อมถังอุปกรณ์ดำน้ำด้วย อย่างไรก็ตาม ยังคงมีห้องเรียนสำหรับเปิดสอนดำน้ำ
หากนักท่องเที่ยวสนใจ ซึ่งทางร้านจะว่าจ้างครูฝึกสอนให้เป็นกรณีพิเศษ แต่ลูกค้าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในอัตราที่สูงขึ้นอีกเล็กน้อย
"เราเคยจ้างครูสอนมาประจำตลอดทั้งปี ซึ่งสิ่งนั้นทำให้เราขาดทุน เราจึงต้องว่าจ้างเป็นกรณีไป
ซึ่งการว่าจ้างแต่ละครั้งเราจะต้องจ่ายให้ครูสอนอิสระประมาณ 35-40% ของค่าเรียน
ซึ่งในเบื้องต้นเราจะเก็บจากลูกค้าประมาณ 15,000 บาท ในด้านการทำตลาดต่างประเทศเราสู้
"พาราไดส์ สคูบา" ในแง่เปิดตลาดต่างประเทศไม่ได้ เพราะเราไม่เคยเดินทางไปเปิดบูธในต่างประเทศ
แต่เราก็ได้ลูกค้าจาก seafari@loxinfo.co.th ที่เราเปิดอยู่ไม่น้อยกว่าพันคนต่อปีเช่นกัน"
เมอร์เมท ไดว์ เซ็นเตอร์ เปิดรับลูกค้าจร
ตั้งอยู่บริเวณถนนสายชายหาด จุดขายหลักอยู่ที่ความพร้อมในการให้บริการเฉพาะด้านสำหรับการดำน้ำ
อาทิ การมีเรือของตนเอง ที่ทำให้ลูกค้ามีความเป็นส่วนตัว และไม่ต้องเช่าเรือร่วมกับผู้ให้บริการรายอื่น
ขณะที่บนเรือสามารถประกอบอาหารโดยแม่ครัวประจำร้านได้ทันที โดยลูกค้าของร้านส่วนใหญ่เป็นลูกค้าขาจร
ที่จะมีเฉลี่ยวันละ 10-20 คน ในแง่ของครูฝึกสอนดำน้ำ ร้านดังกล่าวมีครูฝึกประจำ
แต่จะไม่เน้นการออกบูธเปิดตลาดในต่างประเทศ เนื่องจากเป็นรายจ่ายที่เกินความจำเป็น
รูปแบบการให้บริการลูกค้าจะรับจองให้เฉพาะห้องพักในโรงแรม แต่จะไม่มีการเดินทางไปรับลูกค้าจากสนามบินดอนเมือง
โดยลูกค้าในต่างประเทศจะมาจาก www.diverite@ loxinfo.co.th สำหรับราคาขายต่อคอร์สดำน้ำ
1 คอร์ส จะเริ่มตั้งแต่ 12,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ
เนื่องจากในทุกเดือนผู้ประกอบการร้านดำน้ำในพัทยา จะมีการประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดราคาขาย
และรูปแบบกิจกรรมที่จะทำร่วมกัน
เดฟ ไดเวอร์ เดน เน้นบริการตัดชุดดำน้ำ
เดฟ ไดเวอร์ เดน เจ้าของร้านคือ Mr.David R.Doll ชาวอเมริกัน เปิดให้บริการบริเวณถนนพัทยากลาง
ติดกับฟู้ดแลนด์ ซูเปอร์มาร์เก็ต มานานเกือบ 10 ปี เดิมเปิดให้บริการสอนดำน้ำและจัดทริปดำน้ำให้กับลูกค้าด้วยตัวเอง
แต่ภายหลังเมื่อภาวะการแข่งขันรุนแรงขึ้น จำต้องปรับรูปแบบการให้บริการและหาจุดแข็งทางการตลาดใหม่
ในระยะ 5 ปีหลัง จึงเริ่มเปิดให้บริการตัดชุดดำน้ำ ซึ่งมีคำสั่งให้ตัดชุดทั้งจาก
นักดำน้ำต่างประเทศและชาวไทย จำนวนหลายร้อยชุดในแต่ละปี โดยค่าบริการตัดชุดดำน้ำจะอยู่ที่
6,000-7,000 บาทต่อชุด โดยคำสั่งตัดชุดจะมีทั้งผ่านอีเมลในชื่อ drd@loxinfo.co.th
นอกจากนั้นยังมีเว็บไซต์แนะนำกิจการของตนเองในชื่อ www.pattayadiving.com
"เดิมเราเปิดให้บริการทั้งจัดทริปดำน้ำ และเปิดสอน ดำน้ำ แต่ช่วงหลังเมื่อการแข่งขันรุนแรงขึ้น
ลูกค้าของทางร้านเริ่มน้อยลง เราจึงเลิกจ้างครูสอนดำน้ำซึ่งแต่ละเดือนต้องเสีย
ค่าใช้จ่ายแพงมาก และหันมาร่วมมือกับ "พาราไดส์ สคูบา" ซึ่งมีความพร้อมในทุกด้านมากกว่า
ด้วยการส่งลูกค้าให้ เราจะได้ค่าหัวคิว 20% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด" เจ้าหน้าที่
ของเดฟ ไดเวอร์ เดน กล่าว