คนทั่วไปอาจรู้จักธวัชชัย วิไลลักษณ์ รองประธานบริหาร บริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น
จำกัด (มหาชน) ในฐานะของเจ้าของกิจการในกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม ที่มีอยู่ไม่มากรายนักในธุรกิจนี้
ใครจะรู้ว่าในอีกด้านหนึ่ง ธวัชชัยเป็นผู้มีส่วนในการจัดแข่งขัน นำทีมฟุตบอลระดับโลกเข้ามาฟาดแข้งให้ผู้ชมในไทยแล้วถึง
2 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นอาร์เซนอล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือแมนยู ยังรวมไปถึงฟุตบอลจีเอสเอ็มไทยแลนด์ลีก
ธวัชชัยเล่าว่า เขารู้จักกับสยามสปอร์ตมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจผู้ป้อน
content ข่าวสารกีฬา ให้กับบริการออดิโอเท็กซ์ 1900 ซึ่งเป็นสัมปทานที่กลุ่มสามารถได้ใบอนุญาตมาจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
(ทศท.)
สายสัมพันธ์ในครั้งนั้น ได้นำไปสู่การร่วมมือกันในการนำทีมฟุตบอล อาร์เซนอล
เข้ามาจัดแข่งขันในไทย โดยที่ต่างฝ่ายต่างนำจุดแข็งที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ในขณะที่สยามสปอร์ต จะใช้ประสบการณ์ในแวดวงกีฬา และใช้ประโยชน์จากการมีสื่อในมือมาใช้ในการโปรโมตการจัดการแข่งขัน
กลุ่มสามารถเองจะใช้ประสบการณ์ความกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ รับหน้าที่เป็นผู้ติดต่อหาสปอนเซอร์
การเข้ามามีส่วนร่วมของสมาคมศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ ก็มาจากสายสัมพันธ์ของธวัชชัย
จากการที่เขาเป็นหนึ่งในกรรมการของสมาคมฯ ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของสมาคมฯ
มาตลอด และยังรวมไปถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ โนเกีย
ธวัชชัยมองว่า นอกจากสมาคมศิษย์เก่าธรรมศาสตร์จะได้ประโยชน์ในเรื่องของชื่อเสียง
และรายได้จากการจัดการแข่งขันแล้ว ในทางกลับกัน การมีชื่อของสมาคมธรรมศาสตร์
ก็นับเป็นใบเบิกทางอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การหาสปอนเซอร์ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น
สำหรับในด้านของธุรกิจแล้ว ธวัชชัยเชื่อว่าความนิยมของคนไทยที่มีต่อเกมการแข่งขันฟุตบอลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้การจัดแข่งฟุตบอลกลายเป็นกลยุทธ์การตลาด "มันขึ้นอยู่กับ มุมมองของแต่ละคน"
ธวัชชัยบอก "แต่อย่างน้อยจะต้องเป็น ผู้ที่ชื่นชอบกีฬา"
สำหรับธวัชชัย เขาเป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบกีฬาเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะฟุตบอล
แต่สิ่งที่เขาทำมากไปกว่านั้น ก็คือการแปรความชอบให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ เขาเชื่อว่า
การเป็นสปอนเซอร์ในการแข่งขันฟุตบอล
จะสร้างชื่อสินค้าและบริการให้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มคนทั่วไปอย่างได้ผล
และมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ "สื่อ" ปกติด้วยเม็ด เงินที่ใช้จ่ายเท่าๆ
กัน
"โฆษณาผ่านสื่อทีวี 20 ล้านบาท ไม่เท่าไรก็หมดแล้ว แต่วิธีนี้ใช้ได้นานกว่ากัน
อย่างแมนยู ผมโปรโมตมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว 6 เดือนเต็มๆ ที่สปอนเซอร์จะได้รับประโยชน์
หรืออย่างไทยลีก ที่จะใช้เวลาตลอดทั้งปี เงินแค่นี้กับผลที่ได้ระยะยาวแล้ว
ต้องบอกว่าคุ้ม"
และนี่ก็คือที่มาของการใช้ชื่อ "ฮัลโหล โพสต์เทล อาร์เซนอล อินไทยแลนด์"
ซึ่งธวัชชัยบอกว่า ประสบความสำเร็จ ในการทำให้ชื่อของฮัลโหลเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นอีกมาก
ผลจากความสำเร็จในการทำงานร่วมกันจาก "อาร์เซ นอล" ทั้งในแง่ของธุรกิจ
และการสร้างชื่อในครั้งนั้นทำให้กลุ่มสามารถ และสยามสปอร์ต ตัดสินใจร่วมเป็นผู้จัดการแข่งขันฟุตบอล
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และฟุตบอลไทยลีก โดยที่ต่างฝ่ายต่างรับหน้าที่เหมือนเดิม
ในลักษณะน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า
ทั้งธวัชชัยและสยามสปอร์ตต่างก็รู้ดีว่า การจัดแข่งฟุตบอลนั้น นอกเหนือจากความเข้มข้นของเกมกีฬาที่ต้องดึงดูดความสนใจของผู้ชม
การใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ความรู้และ มุมมองในเรื่องของธุรกิจเป็นเรื่องที่จำเป็นไม่แพ้กัน
ธวัชชัยเชื่อว่า จุดสำคัญของธุรกิจการจัดแข่งขันฟุตบอลอยู่ที่ 3 ปัจจัยหลัก
คือ เงินทุน ตัวสินค้า และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ไอเดียทางธุรกิจ
ถึงแม้ว่าธวัชชัยยังคงร่วมมือกับสยามสปอร์ต และเป็น ผู้ลงทุนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
ในการนำแมนยูเข้ามาแข่งขัน และงานนี้กลุ่มสามารถเป็นสปอนเซอร์หลักเหมือนเมื่อครั้งนำอาร์เซนอล
แต่เป็นผู้ประสานเพียงอย่างเดียว
จากประสบการณ์ของธวัชชัย เขาเชื่อว่าธุรกิจที่ยังคงสร้างรายได้ในสภาวะที่เศรษฐกิจทั่วไปยังคงตกต่ำ
และเป็นธุรกิจที่มีความเป็น mass ที่สุดในเวลานี้ ก็คือ ธุรกิจโทรคมนาคม
"มันต้องมองตลาดให้ออก"
การดึงเอาเอไอเอส มาเป็นสปอนเซอร์ในการจัดแข่งขันทั้ง 2 นัด คือ ไทยลีก
และตามมาด้วยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นก็ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เขาเชื่อว่าทั้งเอไอเอส
และซีเมนส์ จะได้ประโยชน์จากเกมกีฬาฟุตบอล เหมือนดังเช่นที่กลุ่มสามารถใช้ได้ผลมาแล้วกับ
"ฮัลโหล โพสต์เทล อาร์เซนอล" ในการสร้างชื่อในกลุ่มผู้นิยมกีฬาฟุตบอล
ธวัชชัยยกตัวอย่าง แคมเปญในการขายโทรศัพท์มือถือแถมตั๋วดูแมนยู ที่หมดไปแล้ว
3,000 เครื่อง เท่ากับเป็นการขยายฐานลูกค้า ที่เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล
ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก
ไอเดียทางธุรกิจจากการเป็นสปอนเซอร์จากประสบการณ์ในอดีตของกลุ่มสามารถ
จะถูกส่งผ่านไปยังเอไอเอสได้ไม่ยากเย็นนัก และนี่คือที่มาของการใช้ชื่อ "จีเอสเอ็ม
ไทยแลนด์ลีก" เป็นชื่อจั่วหัวของงาน
แม้ธวัชชัยจะยอมรับว่า ในช่วงเริ่มต้นฟุตบอลไทยลีกอาจไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับฟุตบอลอังกฤษ
แต่การปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ โดยเฉพาะการอาศัย "สื่อ" ในการโปรโมตอย่างต่อเนื่อง
ก็มีโอกาสที่จะได้รับความนิยมจากคนดูเพิ่มมากขึ้น
เงื่อนไขที่ทำกับสปอนเซอร์จะลดหลั่นไปตามระยะเวลาของการจัดการแข่งขัน "หากคุณเป็นสปอนเซอร์ในปีที่
2 หรือ 3 อาจจะมีราคาแพงกว่าปีแรก" เหตุผลของธวัชชัย ที่อธิบายถึงการเหมาเป็นสปอนเซอร์ถึง
3 ปีของเอไอเอส
เขาเชื่อว่า ในเวลา 3 ปี จะทำให้ชื่อของ "จีเอสเอ็ม" ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมๆ
กับชื่อของฟุตบอลไทยลีก
สำหรับกลุ่มสามารถเอง การได้เอไอเอสและซีเมนส์มาเป็นสปอนเซอร์หลัก ในการแข่งฟุตบอลทั้ง
2 รายการ เป็นการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะทั้งเอไอเอส และ ซีเมนส์ ก็ล้วนแต่เป็นพันธมิตรธุรกิจของกลุ่มสามารถทั้งสิ้น
บริษัทสามารถอีซีเปย์ เป็นผู้ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ
ในเครือของกลุ่มสามารถและเป็นหนึ่งในรายใหญ่ของตลาด ที่นำเข้าและจัดจำหน่ายลูกข่ายโทรศัพท์มือถือ
ระบบจีเอสเอ็มของเอไอเอส และดิจิตอลโฟน 1800 ของดีพีซี ซึ่งล้วนแต่เป็นสัมปทานในค่ายของชินคอร์ป
และเวลานี้กลุ่มสามารถก็ถือหุ้นในชินคอร์ปอยู่ 10.5 ล้านหุ้น และเป็นตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือให้กับซีเมนส์
หากเอไอเอส และซีเมนส์สามารถประสบความสำเร็จย่อมส่งผลดีต่อธุรกิจของกลุ่มสามารถด้วยเช่นกัน
ผลประโยชน์ทางตรงที่มีต่อกลุ่มสามารถเอง ก็คือ content ที่มาป้อนให้กับธุรกิจบริการออดิโอเท็กซ์
หรือบริการข้อความทางโทรศัพท์ ซึ่ง content ด้านกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลโลกเป็นหนึ่งใน
content ที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากหมอดู และหาเพื่อน
ไม่ว่าจะเป็นการฟังผลฟุตบอล ทายผลฟุตบอล
การสิ้นสุดฤดูการแข่งขันของฟุตบอลอังกฤษ ที่ว่างเว้นลง 2 เดือนเต็ม จึงส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริการออดิโอเท็กซ์ของกลุ่มสามารถโดยตรง
ธวัชชัยบอกว่า เป็นรายได้ที่ลดลง 50% ของยอดรายได้ปกติ
เขาอธิบายว่า ตามปกติในช่วงฤดูการแข่งขันของฟุตบอลอังกฤษ จะมีลูกค้าโทรเข้ามาใช้บริการออดิโอเท็กซ์
มีตั้งแต่ทายผลฟุตบอล ฟังผลวันละ 40,000-50,000 call มีรายได้ประมาณ 1 แสนบาทต่อวัน
แต่หลังจากสิ้นสุดฤดูการแข่งขัน รายได้ลดลงไปครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 20,000-30,000
call ต่อวัน
การนำเอาทีมฟุตบอลแมนยู และการจัดฟุตบอลไทยลีก ก็เพื่อ "อุด" ช่องว่างในช่วง
2 เดือนที่ว่างเว้นไปให้กลับมีรายได้เข้ามา สำหรับธวัชชัยแล้วนี่คือ "ช่วงเวลาที่ถูกต้อง"
ในความหมายของธวัชชัย
ในเกมกีฬาฟุตบอลสำหรับธวัชชัยต้องนับเป็นเรื่อง "ที่คุ้มค่า" แล้วสำหรับเขา