คริสโตเฟอร์ ไรอัน กลั่นประสบการณ์ 20 ปีในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารธุรกิจ
เทคโนโลยี และการตลาด เขียนหนังสือ High Performance Interactive Marketing
เพื่อให้คำแนะนำทางด้านการตลาดสมัยใหม่แก่ผู้สนใจ ประเด็นหลักที่นำเสนอในหนังสือนี้ก็คือ
การตลาดแบบอินเตอร์แอคทีฟหนึ่งต่อหนึ่ง หรือ one-to-one interactive marketing
นั่นเอง
การตลาดเพื่อให้อำนาจแก่ลูกค้า
ไรอันเสนอว่า "ผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทคโนโลยีก็คือการที่มันได้ให้อำนาจแก่ลูกค้ามากขึ้น"
โดยจะเห็นได้ว่าอินเทอร์เน็ตได้เข้ามาควบคุมการไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารจากมือของผู้ผลิตสินค้าไปยังมือของผู้ซื้อสินค้า
และนี่คือเหตุผลที่จะต้องมาประเมินเรื่องการตลาดกันใหม่ในยุคแห่งเทคโนโลยีที่ว่านี้
ไรอันเสนอแนวคิดหลักในเรื่องการตลาดแบบอินเตอร์แอคทีฟเป็น 5 เรื่อง ดังนี้
1. การนำร่องทิศทางการเปลี่ยนแปลงของตลาด ผู้เขียนชี้ถึงผลดีของการตลาดแบบอินเตอร์แอคทีฟ
โดยสำรวจถึงระดับของการมีปฏิสัมพันธ์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ทางเลือกต่างๆ และการสร้างจุดสนใจให้กับผู้บริโภคผ่านทางระบบอินเตอร์แอคทีฟ
และยังกล่าวถึงประเด็นการตัดคนกลางในการติดต่อธุรกิจ การรับมือกับเรื่องนี้
ตลอดจนผลกระทบที่จะมีต่อการขายและการตลาดด้วย นอกจากนั้น ยังมีรูปแบบหรือโมเดลทางธุรกิจที่จะช่วยนักการตลาดในเรื่องเหล่านี้
รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับอี-คอมเมิร์ซ และการรวมเอาความบันเทิงเข้ากับข้อมูลข่าวสาร
การชักจูงและการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อให้สอดคล้องกับการทำตลาด
2. ยุทธศาสตร์การตลาดแบบอินเตอร์แอคทีฟที่สามารถมั่นใจได้ว่าจะนำมาซึ่งความสำเร็จ
สื่อเป็นสิ่งที่มีบทบาทยิ่งในยุค
อินเตอร์แอคทีฟ นับวันการทำโฆษณาจะยิ่งมีทางเลือกใหม่ๆ มากขึ้น เช่น การโฆษณาผ่านเว็บ
หรือการสร้างเว็บเพื่อทำตลาดได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว หรือโทรทัศน์แบบอินเตอร์แอคทีฟก็นับเป็นทางเลือกหนึ่ง
ซึ่งนักการตลาดสามารถเลือกใช้เพื่อทำยอดขายและเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนด้วย
3. บทบาทของเทคโนโลยีในการตลาดแบบอินเตอร์แอคทีฟ ไรอันเสนอแนวทางการทำตลาดโดยใช้ฐานข้อมูลที่มีการไหลเวียนเข้าและออก
(database marketing system) โดยเสนอวิธีการ 10 วิธีที่จะใช้ระบบการตลาดแบบฐานข้อมูลนี้
เขายังกล่าวถึงการใช้ระบบอัตโนมัติในการสร้างหน่วยงานด้านการตลาดให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดียิ่งขึ้นด้วย
ประเด็นย่อยนอกจากนี้มี อาทิ
‘ ระบบการทำตลาดที่เรียนรู้จากความผิดพลาดและ
การลองผิดลองถูก
‘ การเอาชนะความยึดติดกับตัวบุคคล
‘ การทำตลาดด้วยระบบ virtual reality
‘ แนวโน้มทางด้านวัฒนธรรมและธุรกิจที่มีผลกระทบต่อ
การตลาดแบบอินเตอร์แอคทีฟ
4. อนาคตของการตลาดแบบอินเตอร์แอคทีฟ ไรอันให้ความสำคัญกับประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องแวดล้อมนักการตลาดรวมทั้งผู้คน
ที่ต้องรับจังค์เมล และอีเมลในแต่ละวัน เขาเสนอยุทธศาสตร์ 6 ประการ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวในระบบออนไลน์
แต่ขณะเดียวกันสามารถทำตลาดแบบอินเตอร์แอคทีฟอย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วย เขายังพูดถึงเรื่องการจัดเก็บภาษีในระบบอี-คอมเมิร์ซ
และความสะดวกสบายทางอินเทอร์เน็ตว่าจะทำให้ผู้คนขาดการติดต่อสื่อสารกันหรือไม่
5. การเล่นเกมการตลาดแบบอินเตอร์แอคทีฟให้เป็นผู้ชนะ ไรอันเสนอคุณลักษณะสำคัญ
8 ประการขององค์กรการตลาดที่ประสบความสำเร็จและวางกรอบรายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการทำตลาดในภาวะที่มีการแข่งขันกันสูงมาก
ได้แก่
‘ จ้างคนเก่ง
‘ นำสินค้าใหม่ออกวางตลาดให้เร็วขึ้น
‘ ลดการใช้ทรัพยากรทางด้านการประชุม การจัดการหรือ ทางด้านนโยบายที่สูญเปล่าลง
‘ เลิกขั้นตอนยุ่งยากแบบระบบราชการ
‘ คิดในเชิงตรงกันข้าม
‘ ปรับโฟกัสทางการตลาดให้ชัดเจน
‘ วางเครือข่ายการทำงานให้ดี
‘ พร้อมรับความไม่แน่นอน
ทั้งนี้ ยังอาจต้องอาศัยระบบ telecommuting การผลิตสินค้าตามคำสั่งลูกค้า
และการแตกแขนงทางด้านเทคโนโลยีเสริมด้วย
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
หากต้องการรู้ว่าจะทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร หนังสือเล่มนี้มีกฎ
6 ข้อให้คุณปฏิบัติ หากต้องการรู้ว่าจะใช้การจำหน่ายสินค้าผ่านโทรทัศน์โดยตรงให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร
มีข้อกำหนดพื้นฐาน 4 ข้อที่ทำให้คุณทำได้และ
มีข้อดีอีก 4 ข้อของการโฆษณาแบบให้ข้อมูลข่าวสาร (infomercial) นอกจากนั้น
หนังสือเล่มนี้ยังมีข้อแนะนำ 7 ข้อที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจหาทางที่จะไปสู่ความสำเร็จในการทำตลาดสินค้า
คำแนะนำเหล่านี้เขียนในสไตล์ที่อ่านเข้าใจง่าย นำไปปฏิบัติได้จริง เนื้อหาทั้ง
20 บทมีข้อมูลที่เสนอให้อย่างตรงไปตรงมา และปรับข้อมูลเข้ากับประสบการณ์ที่แสดงเป็นตารางต่างๆ
เหมาะกับนักการตลาดในยุคอินเตอร์แอคทีฟอย่างยิ่ง