เศษไม้ไผ่ที่วางกองเล็กกองน้อย กระจายไปทั่วโรงงานแห่งนั้น ดูราวกับว่าเป็นเศษไม้ที่ไร้ค่า
แต่..ศกานต์ นามวิชา บอกว่า นั่นล่ะ...กองเงินกองทองของผม
"จ๊อด...จอด...จ็อดๆๆ" ศกานต์ร้อง บอกคนรักเสียงดังให้จอดรถบนถนนริมทาง
ในอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อเห็นไม้ไผ่กองมหึมา วางขายอยู่ริมทาง
ในใจ ตอนนั้นเขามีความคิดเพียงว่า อยากเอาใจคนรักที่หลงใหลในเฟอร์นิเจอร์ไม้ไผ่
ด้วยการทำเก้าอี้ หรือโซฟา ไว้ให้นั่งพักผ่อนสัก ตัวสองตัวเท่านั้นเอง เมื่อถูกถามว่า
ทำได้แน่เหรอ เขาก็บอกว่าไม่น่าจะยาก แล้วในที่สุดไม้ไผ่กองนั้นส่วนหนึ่งก็ถูกตัดเป็นท่อนๆ
ยัดใส่ท้ายรถเก๋งฮุนได มากองสุมไว้ที่บ้านในกรุงเทพฯ
1 อาทิตย์ผ่านไปหลังจากที่เขาได้เพียรนั่งขูดผิวไผ่ออก แล้วลงน้ำมัน ให้ไม้ขึ้นเงาสวยงาม
ไม้กองนั้นก็กลายเป็นเก้าอี้ไม้ไผ่ที่สวยงามน่านั่ง 1 ตัว จากเก้าอี้ตัวแรกกลายเป็นเก้าอี้นอนตัวที่
2 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบ ของเพื่อนชาวต่างชาติที่มาพบเห็น การทำเฟอร์นิเจอร์ชุดแรก
เพื่อขายเพื่อนฝูงอย่างจริงจัง ก็เกิดขึ้นพร้อมการจัดตั้งบริษัทโฟกัสที่มีคนทำ
เพียง 2-3 คน เมื่อปี 2539
ศกานต์เป็นลูกชาวนาจากจังหวัดศรีสะเกษที่ส่งภาษาอีสานได้เร็วชนิดไฟแลบ
พอๆ กับการพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อ เขาเป็นเด็ก เรียนดีตั้งแต่เล็ก เคยได้ทุนจากผงซักฟอก
เปาปุ้นจิ้น เมื่อครั้งเรียนประถม 4 พอ ม.6 ก็ได้ทุนไปเรียนทางด้านการโรงแรม
ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำโรงแรมอยู่หลายแห่ง จนมาเปิดบริษัททัวร์นำเข้าจากรัสเซีย
ล่าสุดก็มาเรียนแต่งหน้ากับสถาบัน เอเอ็มจีไอ และเคยเป็นช่างแต่งหน้าให้หนังสือ
Elle ในช่วงหนึ่ง
แม้ประสบการณ์ในเรื่องไม้ไผ่และความรู้เรื่องงานดีไซน์นั้น ไม่มีเลย แต่ก็มีเต็มร้อยในเรื่อง
ของความตั้งใจจริง และเขาก็ได้เริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับกรรมวิธีต่างๆ
เพื่อทำให้สินค้ามีคุณภาพมานับแต่นั้น
"ตอนแรกๆ ทำก็ไม่มีเทคนิควิธีการอะไรเลย ไม่รู้ว่าจะกันมอดกันแมลงอย่างไร
ตำราก็ไม่มีให้ดู ไม่มีที่ให้เรียนรู้เลย ต่อมาคนแก่ๆ ก็บอกว่าให้ใช้วิธีลนไฟ
ซึ่งลำบากมากนะเรื่องเอาไม้ไผ่เป็นท่อนๆ มาลนไฟ บางคนก็บอกเอามาต้ม อบกำมะถัน
แสบกันไปหมด ลองมาหลายอย่าง มือลอกมือพองหมดเลยครับ ปัญหาเรื่องมอดกินไม้ไผ่เป็นเรื่องใหญ่
ซึ่งตอนนั้นก็ถามไปที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กระทรวงเกษตรฯ เขาก็แนะนำให้แช่น้ำ
ซึ่งมันยากเพราะ เราต้องใช้ไม้ไผ่เยอะมาก
ในช่วง 2 ปีให้หลัง ก็มีเพื่อนซึ่งเป็นลูกค้า เป็นคนอเมริกันที่ชอบเรื่องไม้ไผ่
และค่อนข้างมีความรู้ ก็เลยส่งเอกสาร เกี่ยวกับเรื่องนี้มาให้ ซึ่งในที่สุดก็สรุปว่าต้องอัดน้ำยากันมอดเข้าไป
ซึ่งน้ำยาตัวนี้ต้องสั่งเข้ามาจากอเมริกา โดยใช้เครื่องจักร โอ๊ย..กว่าจะรู้วิธีนั่งลนไฟกันมือพอง"
ศกานต์เล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟังตามสไตล์ของเขาที่มีเสียงเล็กเสียงน้อยพอฟังเพลินๆ
แหล่งไม้ไผ่ในเมืองไทยจะมาจากหลายภาค ไม้ไผ่ที่ทำ จะเป็นไผ่ตงดำ ไผ่ตงขาว
ไผ่บง ไผ่ 6 แหล่งหลักมาจากทางภาคอีสาน ส่วนไผ่เขียวมาจากญี่ปุ่น และไผ่ดำจากจีนนั้นต้องนำเข้าและราคาแพงมาก
ซึ่งสองประเภทหลังนี้ทางโฟกัส ไม่ได้นำมาใช้ อายุไม้ไผ่ที่นำมาใช้ต้องอายุประมาณ
5 ปีขึ้นไป ก่อนที่จะเอามาทำสินค้าจะต้องผ่านขั้นตอนอัดน้ำยาอย่างน้อย ประมาณ
3 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็อบให้แห้งเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค
เมื่อเอาไม้ไผ่มาดัดแปลงเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ในบ้านมันได้สะท้อนความอบอุ่น
อ่อนหวานของความเป็นตะวันออกได้อย่างนุ่มนวลทีเดียว
จากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ในช่วงแรกๆ ที่มีเศษไม้เหลือมากมาย ก็ถูกหยิบจับขึ้นมาประดิษฐ์เป็นโคมไฟ
เป็นถาดและสินค้าชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วแต่จะจินตนาการขึ้นมา โดยมีแนวคิดว่าจะต้องเป็นของที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
"สินค้าชิ้นไหน ที่เราคิดกันหัวแทบแตก ทำยากมากๆ อาจจะขายไม่ค่อยได้ แต่ชิ้นไหนที่คงความเป็นธรรมชาติไว้มากที่สุด
ใส่ดีไซน์นิดหน่อยเข้าไปกลับขายดี เช่น ถาดไม้ไผ่ โคมไฟ แก้วน้ำ และของชิ้นเล็ก
ที่ดัดแปลงมาจาก ไม้ไผ่"
ความได้เปรียบในเรื่องของภาษา อารมณ์ดี ขี้เล่น สนุกสนาน เป็น ส่วนช่วยอย่างมากในการทำตลาดจนทำให้ทุกวันนี้ที่โรงงานของเขา
จึงมีพี่น้องผองเพื่อนชาวอีสานบ้านเฮามาช่วยงานถึง 30 คน
ปัจจุบันสินค้าของโฟกัสเน้นการขายส่งออก ที่มีลูกค้าประจำเป็น ชาวยุโรป
อเมริกา ฮ่องกง รวมทั้งลูกค้าในประเทศที่มาสั่งของเพื่อเอาไป ใช้ในโรงแรม
ในรีสอร์ต หรือร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่