นับตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา นักลงทุนหลั่งไหลเข้ามาในไทยอย่างกระตือรือร้น
พวกเขามาในนามนักลงทุนข้ามชาติ และกองทุนพร้อมกับเงินสดแล้วค้นหากิจการที่มีอนาคตรวมไปถึงรัฐวิสาหกิจ
นักลงทุนเหล่านี้มีเหตุผลที่ดีต่อความหวังในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หลังจากที่รัฐบาลไม่ต้องการมีภาระทาง
การเงินอีกต่อไป และดูเหมือนว่ารัฐวิสาห- กิจบางแห่งต้องการเงินสดอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ หลังจากไทยเจอวิกฤติ รัฐวิสาหกิจต้องเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างหนัก
ซึ่งจำเป็น อย่างยิ่งที่มีความต้องการทางเทคโนโลยี และประสบการณ์จากต่างประเทศในการ
เพิ่มผลผลิตอย่างยิ่ง โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจกลุ่มพลังงาน โทรคมนาคม และขนส่ง
มีหลายคนรู้สึกยินดีกับนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันเกี่ยวกับการแปรรูป รัฐวิสาหกิจ
โดยเฉพาะการจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติซึ่งเป็นหลักการที่ดีในเชิง
กลยุทธ์
"รัฐบาลชุดนี้เน้นการแปรรูปรัฐ วิสาหกิจ การปรับโครงสร้างของภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลชุดก่อนก็มีความคิดเช่นเดียวกันแต่ความคืบหน้าทางรูปธรรมยังเห็นได้ไม่ชัดนัก"
ไซมอน เลียรี่ กรรมการสายงานที่ปรึกษาด้าน การปรับโครงสร้างภาครัฐและการจัดหาเงินทุน
สำหรับโครงการ ประจำประเทศไทยและ อินโดจีน ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์สกล่าว
ความหมายของคำว่าการแปรรูปโดยทั่วไปอาจจะทำให้นึกถึงว่าเป็นการขายทรัพย์
สิน แต่ประสบการณ์ของทั่วโลกรวมถึงการปรับโครงสร้างภาครัฐและรัฐวิสาหกิจด้วย
"การแปรรูปกิจการเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในการปรับโครงสร้าง" เลียรี่ชี้ "รวมไปถึงการทำให้หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจดำเนินการเป็นเชิงพาณิชย์
ที่สามารถแข่งขันกับเอกชนได้มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการเปิดเสรีในกิจการที่ผูกขาด
หรือปรับโครงสร้างองค์กรโดยรวม"
หากพิจารณาถึงสภาพโดยรวมในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีแผนแม่บทแปรรูป
รัฐวิสาหกิจรายสาขาแล้ว ซึ่งความจริงยังไม่มี การขายทรัพย์สิน แต่ไม่ได้หมายความว่า
การ ดำเนินการไม่มีความคืบหน้า เพราะรัฐวิสาห-กิจหลายแห่งได้มีการปรับโครงสร้างไปแล้ว
ดังนั้น 3 ปีที่ผ่านมาจึงเป็นเพียงการสร้างรากฐานไว้สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นั่นคือ การขายทรัพย์สิน บางอย่าง ไม่จำเป็นต้องขายแต่บางอย่างอาจต้องขาย
เลียรี่อธิบายถึงประเด็นสำคัญที่ควรต้องคำนึงถึง คือ นักลงทุนที่เข้ามาจะให้อะไรกับประเทศไทยนอกจากให้เงินมา
เพราะ การแปรรูปไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินสิ่งสำคัญคือการปรับโครงสร้างและวัฒนธรรมด้านการบริหาร
เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กร หรือเกิดแรงจูงใจในพนักงาน เพื่อจะทำให้ฐานะการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้น
"ที่ผ่านมาไม่มีการพูดถึงในรายละเอียดของเรื่องนี้กันมากนัก และก็ยังไม่เห็น
ว่าจะมีใครที่พูดถึงเลย"
อย่างไรก็ตาม การแปรรูปรัฐวิสาหกิจไม่จำเป็นเสมอไปว่าผู้ร่วมทุนต้องเป็นต่างชาติ
หรือรายย่อยต้องเป็นคนไทยเท่านั้น เนื่องจาก ปัจจุบันมีบริษัทไทยหลายแห่งที่มีความมั่นคง
และเป็นบริษัทข้ามชาติซึ่งทำให้เริ่มมีบทบาทในต่างประเทศมากขึ้น ฉะนั้น จึงไม่ได้หมาย
ความว่าต้องเป็นต่างชาติเท่านั้นที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อการแปรรูปกิจการ
แต่ว่าในขณะเดียวกันก็ยังมีบางสาขาที่บริษัทไทยอาจจะยังไม่มีความรู้หรือเทคโนโลยีที่สูงพอ
ธุรกิจ การบิน โทรคมนาคม ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้อง มีสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาสูงบ้าง
ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการขายหุ้นในประเทศเท่านั้น ซึ่งเป็น National Solution
ของ รัฐบาลชุดนี้ อาจจะเป็นเหตุผลทางการเมือง เพราะเท่าที่ผ่านมาปัญหาอย่างกรณีรัฐบาลที่แล้วก็มีการต่อต้านนักลงทุนต่างชาติ
แต่ไม่ใช่ เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่จะทำให้เกิดการปิดตลาดไม่ให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามา
เท่ากับว่าไทยปิดทางไม่ให้เกิดการเคลื่อนย้ายเทคโนโลยี วิธีบริหารหรือความคิด
สร้างสรรค์ริเริ่มแปลกใหม่ ผลประโยชน์เหล่านี้จะไม่มีถ้าจะขายในประเทศเพียงอย่างเดียว
อย่างกรณีการแปรรูปในเชคโกสโลวะเกียที่รัฐบาลเลือกขายหุ้นให้คนในประเทศ
ด้วยเหตุผลทางการเมือง ส่งผลให้ไม่ก่อให้เกิดการถ่ายทอดทางเทคโนโลยี และไม่มีเงินเข้ามา
จนบริษัทต้องขาดทุนหรือล้มละลายหลังการแปรรูป 3-4 ปี
ขณะที่โปแลนด์รัฐบาลเลือกวิธีขายหุ้น ให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยกำหนด
สัดส่วนที่เหมาะสมขึ้นมา ทำให้เกิดผลตรงกันข้ามกับเชคโกฯ และหลังดำเนินการ
6-7 กิจการขยายตัวได้ดี ที่สำคัญโปแลนด์สามารถ เป็นส่วนหนึ่งของโลกที่เปิดเสรีได้
"เราไม่ควรกำหนดตัวเลขการถือหุ้นต่างชาติว่า เพราะตัวเลขไม่ใช่สิ่งที่สำคัญมาก
ไปกว่าความโปร่งใสที่ต้องแสดงให้นักลงทุนเห็น ตัวเลขหรือสัดส่วนที่เหมาะสมน่าจะเป็นตัวเลขที่ทำให้นักลงทุนมีอำนาจในการบริหาร
งานมากกว่า" เลียรี่ชี้
กระนั้นก็ดี การดำเนินการแปรรูปยังมีความเสี่ยงอยู่หลังจากมีการต่อต้านในเรื่องความรักชาติ
ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ดูเหมือนว่าจะเห็น ด้วยว่าหากเป็นไปได้ควรขายให้กับนักลงทุนท้องถิ่นก่อน
หากนายกรัฐมนตรีดำเนินงานตามที่สัญญาเอาไว้ รัฐวิสาหกิจจะต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ซึ่งจะก่อให้เกิดความโปร่งใสและสภาพคล่องของตลาดอีกด้วย
แต่หลายคนยังมีความกังวลต่อตัวนายกรัฐมนตรีถึงการทำงาน เนื่องจากภาพของความเป็นนักธุรกิจและนักการเมือง