นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา การก้าวล่วงเข้าสู่ธุรกิจอินเทอร์เน็ตของ ซีพีกรุ๊ป
ที่นำโดยบริษัทเทเลคอมเอเซีย คอร์ปอเรชั่น (ทีเอ) จะเป็นรูปเป็นร่าง และทวีความเข้มข้นมากขึ้นทุกที
เริ่มตั้งแต่การจัดตั้งบริษัทเอเซียฟรีวิลล์ ซึ่งเวลานี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น
ฟรีวิวโซลูชั่น เป็น เรื่องของการจัดทำระบบการสั่งซื้อทางอิน เทอร์เน็ต หรือ
e-procurement ในลักษณะของการสร้างเป็นตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-marketplace
เอาไว้สำหรับซื้อขายอุปกรณ์สำนักงานทั่วไป หรือ indirect goods
ความโดดเด่นของโครงการนี้อยู่ที่การ ได้กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของไทย อย่างเครือ
ซิเมนต์ไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารไทยพาณิชย์ กลุ่มยูคอม เข้ามาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ
ล่าสุดยังได้รับพระราชทานชื่อโครง การว่า "พันธวาณิช" เท่ากับเป็นการการันตี
ความเป็นไปได้ของโครงการนี้ได้ระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าธุรกิจ e-marketplace
จะอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นก็ตาม
ผลตอบรับในเบื้องต้นที่จะได้จากการ ลงทุน นอกจากกลุ่มกลุ่มซีพีและพันธมิตรทั้งหมด
ก็คือ การที่บริษัทเหล่านี้จะสามารถประหยัดต้นทุนในการสั่งซื้ออุปกรณ์สำนักงาน
โต๊ะ เก้าอี้ กระดาษ คอมพิวเตอร์ ซึ่งมูลค่าของการสั่งซื้อสินค้าประเภทนี้
indirect goods นั้นประเมินกันว่า ในแต่ละปีนั้นเมืองไทยต้อง ใช้เงินราวๆ
1 แสนล้านบาท หากประหยัดได้ เพียงแค่ 2-3% ก็เท่ากับว่า ธุรกิจจะมีกำไรเพิ่มขึ้นทันทีหลายร้อยล้านบาท
ธุรกิจนี้ยังมีโครงการนำร่องของการ นำอีคอมเมิร์ซมาใช้ประโยชน์กับธุรกิจอื่นๆ
ของกลุ่มซีพี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องมีการสั่งซื้อวัตถุดิบเป็นจำนวนมาก
และอยู่ในแผนธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งซีพีได้ว่าจ้างบอสตัน คอล ซัลติ้ง
กรุ๊ปมาเป็นผู้ศึกษา ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และได้ข้อสรุปมาเป็น 4 โครงการนำร่อง
โครงการ Multi-Access Portal หรือ เรียกย่อๆ ว่า MAP เป็นโครงการที่สอง ที่ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 16 พฤษภา คมที่ผ่านมา ถัดจากโครงการแรกเพียงแค่ 5 เดือน แต่โครงการนี้ใช้เวลาศึกษามาไม่ต่ำกว่า
1 ปี
จุดสำคัญของบริการนี้ อยู่ที่การสร้าง มาตรฐานใหม่ เพื่อทำหน้าที่เป็น
"สะพาน" เชื่อมโยงให้กับเครือข่ายสื่อสารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพีซี
โทรศัพท์พื้นฐาน บริการ พีซีที โทรศัพท์เคลื่อนที่ เคเบิลทีวี แม้แต่เครื่อง
คีออส ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ได้เหมือนๆ กัน โดยไม่มีข้อแตกต่างในเรื่อง
ของมาตรฐานของเครือข่ายอีกต่อไป
เป้าหมายของพวกเขา ก็คือ การทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์สื่อสารเหล่านี้ จะสามารถเรียกดู
แก้ไข หรือใช้ประโยชน์จากข้อมูลบน อินเทอร์เน็ตเดียวกันได้โดยสะดวก
ทุกวันนี้ การเรียกดูข้อมูลในอินเทอร์ เน็ตของอุปกรณ์เหล่านี้ จะมีมาตรฐานของตัวเองที่แตกต่างกันไป
เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ จะมีเทคโนโลยี wap ในการให้ผู้ใช้เรียกดูข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
ในขณะที่เครื่องพีซี จะต้องใช้มาตรฐานของตัวเอง เช่นเดียวกับ เคเบิลทีวี
จะมีมาตรฐานเฉพาะของตัวเองที่แตกต่างกันไป
ขณะเดียวกันในฟากของผู้พัฒนา เนื้อหา content provider ก็ต้องพัฒนาเนื้อหา
เพื่อให้รองรับกับมาตรฐานหลายๆ ประเภท เพื่อที่จะทำให้เนื้อหาของตัวเองไปถึงมือผู้บริโภคได้มากที่สุด
ผลก็คือ ผู้ใช้จะได้รับก็คือ การเรียกดูข้อมูลที่แตกต่างกัน จากมาตรฐาน ของอุปกรณ์ปลายทางที่แตกต่างกัน
"ตัว MAP จึงเป็นตัวประสานระหว่าง โอเปอเรเตอร์ที่แตกต่างกันกับ content
provider ให้ใช้ประโยชน์ร่วมกันได้จากมาตรฐาน ร่วม ไม่ใช่ต่างคนต่างพัฒนากันไป
ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก" ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัททีเอกล่าว
งานนี้ทีเอทำหน้าที่เป็นแกนนำ ไปดึง บริษัทในเครือข่ายธุรกิจในกลุ่มซีพี
ไม่ว่าจะเป็น เอเซียฟรีวิลล์ ยูบีซี เซเว่นอีเลฟเว่น ซีพีออเรนจ์ เข้ามาร่วมแล้ว
ทีเอยังได้พันธมิตรอย่าง เอ็มเว็บ ประเทศไทย และบริษัท Verizon ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของทีเอ
เข้ามาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง โครงการ
ข้อตกลงในเบื้องต้นของบริษัทเหล่านี้ ก็คือ การว่าจ้างให้บริษัทบอสตัน
คอนซัลติ้ง กรุ๊ป ที่เคยมีประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษา ให้กับบริษัทวอดดาโฟน
และวีเวนดี้ ในโครง การ vizzavi ซึ่งเป็นโครงการในลักษณะเดียวกับโครงการของ
MAP มาเป็นผู้ศึกษาโมเดลธุรกิจรูปแบบบริการ และการหารายได้ จากนั้นจะตั้งเป็นบริษัทร่วมทุนขึ้น
แต่ละฝ่ายจะถือหุ้นรายละเท่ากัน ประมาณการในเบื้องต้น ของโครงการนี้จะต้องใช้เงินประมาณ
20 ล้าน เหรียญ หรือ 1,000 ล้านบาท
การเป็นเจ้าของเครือข่ายสื่อสารหลาย ประเภท ทั้งโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่
โทรศัพท์ไร้สายพีซีที เคเบิลทีวี นับเป็นแรงขับ ดันที่ทำให้ศุภชัยมองเห็นความสำคัญของการ
สร้างมาตรฐานร่วมในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เพราะนี่คือ ก้าวกระโดดที่จะทำให้โครงข่ายเหล่านี้
สามารถให้บริการข้อมูลได้อย่างเป็นจริง ยังรวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าร่วมกัน
ทุกวันนี้ โครงข่ายสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์เคลื่อนที่ พีซีที โทรศัพท์พื้นฐาน
ได้ ถูกพัฒนาให้มีขีดความสามารถในเรื่องของความเร็ว เพื่อรองรับกับการสื่อสารข้อมูล
บริการพีซีที ที่กำลังพัฒนาไปสู่ 3G เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของในเรื่องความเร็ว
เช่นเดียวกับ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซีพี ออเรนจ์ ที่จะต้องสร้างความแตกต่าง
ด้วยการติดตั้งระบบ GPRS ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เพิ่มความเร็ว ในการส่งข้อมูลของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่
แม้กระทั่งยูบีซีเองก็ได้เตรียมตัวศึกษา ในเรื่องของการพัฒนาไปสู่อินเทอร์เน็ตทีวี
เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ที่เป็นบริการสองทางแล้ว
แต่ประเด็นสำคัญที่พวกเขาไม่สามารถมองข้ามได้ก็คือ การพัฒนาทางด้าน content
ที่ต้องทำควบคู่กันไป เพราะถึงแม้ว่า จะสร้างมาตรฐานให้กับ network เพื่อให้อุปกรณ์ปลายทางเข้าถึงข้อมูลได้เหมือนกันแล้วก็ตาม
แต่หากไม่มีเนื้อหาที่ให้ลูกค้าต้อง การก็เปล่าประโยชน์
"เหมือนกับกรณีของ imode สาเหตุที่ imode สำเร็จมากกว่า wap เพราะ imode
มองที่ตัว content ก่อน จากนั้นจึงไล่กลับมา ที่ตัวเครื่องลูกข่าย ว่าจะซัปพอร์ต
content provider อย่างไร ในขณะที่ wap ไปเริ่มที่มาตรฐานของเครื่องลูกข่ายก่อน"
ศุภชัย ยก ตัวอย่างที่ทำให้เขามองเห็นความจำเป็นที่จะต้องสร้าง content
การสร้าง content จึงเป็นภาระที่หนัก พอๆ กับการวางมาตรฐานใหม่ในฟากของ
network เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องทำ ก็คือ การที่ต้องวางแผน และจัดรูปแบบมาตรฐาน
ที่จะทำร่วมกับบรรดาเจ้าของเนื้อหา
นอกจากนี้ เนื้อหาบางอย่างจำเป็นต้องมีการพัฒนาขึ้นเอง ทำให้ต้องมีการลงทุน
จัดตั้งเป็น data center เพื่อทำหน้าที่ในการสร้างเนื้อหา หรือ content ที่ไม่มีในไทย
คู่ไป กับการแสวงหาพันธมิตร ที่เป็นเจ้าของเนื้อหา อยู่แล้ว เช่น ค่ายเพลง
ร้านหนังสือ โรงภาพ-ยนตร์ เกม การศึกษา
"เจ้าของ content เหล่านี้ เขามี web anable อยู่แล้ว ประเด็นอยู่ที่ว่าเราจะทำให้
interface กับอุปกรณ์ปลายทางได้อย่างไร ใน การที่พีซี มือถือ เคเบิลทีวี
หรือแม้กระทั่ง คีออสที่เซเว่นอีเลฟเว่น ที่ต้องมีการประสานระหว่างมาตรฐานออกมา"
ความคาดหวังของทีเอ ในการก้าวข้ามไปสู่การเป็นผู้สร้างมาตรฐานใหม่ ศุภชัย
มองว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันให้เกิดกิจกรรมที่ทำบนอินเทอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้น
ทั้งธุรกิจใหม่ที่จะมาทดแทนธุรกิจที่มีอยู่เดิมหรือ ส่วนที่จะขยายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของช่องทางจัดจำหน่าย
ช่องทางการตลาด รวมทั้งธุรกิจ ใหม่ที่จะเกิดขึ้นผลที่ตามมาก็คือ การใช้ประโยชน์จากเครือข่ายจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
"เมื่อลูกค้ามีการทำกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น มีทรานแซกชั่นมากขึ้น
ก็จะต้องใช้ network มากขึ้น"
ทีเอไม่ได้สร้างมาตรฐานนี้ เพื่อการใช้ งานภายในกลุ่มเท่านั้น แต่ต้องการให้มาตรฐานนี้กลายเป็นมาตรฐานกลาง
ที่ผู้ให้บริการ สื่อสารจะใช้งานได้ด้วย เช่นเดียวกับผู้พัฒนา เนื้อหา
ที่มาของรายได้จากโครงการนี้ จะมา จาก 3 ทาง ทางแรก คือ รายได้ที่เก็บจากโอเปอเรเตอร์ที่ต้องการเข้าร่วม
จะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับโครงการ MAP ส่วนที่สอง จะเป็นรายได้ที่มาจาก
content provider ที่เก็บจากค่าสมาชิก หรือทรานแซกชั่นที่เกิด ขึ้น และส่วนที่สาม
คือ รายได้จากโฆษณาบน เว็บไซต์
แรงผลักดันจากมาตรฐานกลาง ที่จะ ส่งผลให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเกิดขึ้นได้จริงนี้
จะ ถูกนำไปใช้ประโยชน์กับธุรกิจในกลุ่มซีพี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจอาหาร
ที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มซีพีอย่างเป็นจริง รวม ถึงการสร้างช่องทางจัดจำหน่ายจากอีคอมเมิร์ซ
และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องไม่ว่าจะเป็นขนส่ง สินค้า หรือระบบค้าปลีก
ศุภชัยยกตัวอย่างร้านค้าปลีกเซเว่น อีเลฟเว่น จะสามารถให้บริการข้อมูลแก่ลูกค้า
จากตู้คีออส ซึ่งซีพีเซเว่นอีเลฟเว่น จะนำเอา ระบบคีออสของเซเว่นอีเลฟเว่นในญี่ปุ่นมาใช้
ในการให้บริการ
ถึงแม้ว่า แนวคิดของการผนึกรวมกัน ของอุปกรณ์เหล่านี้จะเป็นเรื่องที่ใหม่มากเป็น
โครงการที่ 2 ของโลก ก่อนหน้านี้มีเพียงโครงการ "vizzavi" ในยุโรป เพียงรายเดียวที่ทำในคอนเซ็ปต์เดียวกัน
และเป็นโครงการที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทดลอง และโมเดลของธุรกิจยังไม่ชัดเจน
แต่สำหรับศุภชัยแล้ว นี่คือยุทธศาสตร์ ที่จะให้ในแง่ของความคุ้มค่าในแง่ของการ
สร้างทราฟฟิกในการใช้งานของโครงข่ายที่เพิ่ม ขึ้น ถึงแม้จะมีความเสี่ยงของธุรกิจก็ตาม
"ถามว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ มันเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยังไม่มี business model
ที่ชัดเจน แน่นอนว่าย่อมมีความเสี่ยง แต่ถามความคุ้มค่าในแง่ของการเป็นบริการเสริม
และสร้างทรานแซกชั่น มองในแง่ของโอเปอ เรเตอร์ก็ต้องถือว่าคุ้มค่าแล้ว" ศุภชัยกล่าวในที่สุด