Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2544
ไวน์ลางดอครับศตวรรษที่ 21 ปรับโฉมสู่ตลาดโลกด้วยคุณภาพ             
 





ลางดอค (Languedoc) ได้ชื่อว่าเป็นเขตผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ไวน์แดงราคา ถูกที่เคยผลิตได้จากเขตนี้ยังถือกันว่าเป็นปัจจัยที่สามที่ทำให้ เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมในฝรั่งเศส รองจากถ่านหินและแร่เหล็ก และแรงงานผู้ผลิตไวน์ในพื้นที่ดังกล่าวก็คือ แรงงาน ที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

แต่ตอนนี้ลางดอค ได้ปรับทิศทางใหม่เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยการมุ่ง ผลิตไวน์คุณภาพดีในราคาพอซื้อหาได้ โดยมีตลาดใหม่รองรับทั้งในอเมริกาเหนือไปจนถึงญี่ปุ่น ขณะเดียวกันยอด ส่งออกไวน์ได้พุ่งขึ้นตามแนวโน้มความนิยมไวน์ที่เพิ่มขึ้น และแน่นอนว่าราคาก็ขยับตามกันไปด้วย

การที่ลางดอคปรับเปลี่ยนทิศทางการผลิตไวน์ครั้งประวัติ ศาสตร์นี้เป็นเพราะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้บรรดาผู้ผลิตไวน์ต้อง "หลังชนฝา" มาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษในครั้งนั้น แธตเชอร์ประกาศกร้าวค้านนโยบายของประชาคมยุโรปหรือกลุ่มอีซีที่ให้การอุดหนุนด้านการ เกษตร (subsidies) จนทำให้อีซีมีค่าใช้จ่ายสูงเกินตัว

เกษตรกรต่างไม่พอใจแนวคิดของแธตเชอร์ แต่ฌ็อง คลา เวล (Jean Clavel) ผู้ผลิตไวน์และผู้นำสหภาพผู้ผลิตไวน์ในเขตลางดอค กลับเห็นว่าแนวคิดนี้จะเป็นผลดีกับผู้ผลิตไวน์มากกว่า คลาเวลได้ต่อสู้กับแนวคิดที่ว่าปริมาณสำคัญกว่าคุณภาพมาตลอด ชีวิตการทำงานของเขา และ เขาเป็นผู้หนึ่งที่ทำให้เขตผลิตไวน์ลางดอค ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ตลอดชายฝั่งทะเล เมดิเตอร์เรเนียนเป็นระยะทาง 300 กิโลเมตรจาก บริเวณแม่น้ำโรนไปจนถึงเทือกเขาเพอร์นีส กลายเป็น เขตผลิตไวน์ที่พิสูจน์ให้เห็นจริงว่าคุณภาพต้องมาก่อนปริมาณ เดิมเขตลางดอคเคยผลิตไวน์ราคาถูกป้อนให้กับตลาดในประเทศที่มีดีมานด์มหาศาล แต่หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 รสชาติไวน์จาก แหล่งผลิตดังกล่าวเปลี่ยนไป และยอดขายเริ่มตกลง "เราทนสภาพการณ์เช่นนั้นไม่ไหว" คลาเวลฟื้นความหลัง "สหกรณ์มีรายได้ 30% จากนโยบายอุดหนุนการเกษตรของอีซี แต่เมื่อสินค้าไม่มีตลาด ในที่สุดก็ยิ่งย่ำแย่"

นี่คือสาเหตุที่อดีตนายกรัฐมนตรีมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ ประกาศคัดค้านการใช้จ่ายเกินตัวของกลุ่มอีซี และเป็นที่มาของข้อตกลงดับลินในปี ค.ศ.1984 ซึ่งให้ยกเลิกนโยบายอุดหนุนการเกษตรแบบไม่มีขีดจำกัด ผู้ผลิตไวน์ในเขตลางดอคต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกที่เด็ดขาด ระหว่างการปรับตัวเพื่ออยู่รอด หรือล้มหายตายจากไป "ตอนนั้นทุกคนหลังชนฝา" คริสทีน เบฮ์-โมลีนส์ (Christine Behey-Molines) แห่ง Interprofessional Council for Languedoc Wines กล่าวและว่า "คนในพื้นที่ต้องเปลี่ยนอาชีพใหม่หรือไม่ ก็ต้องเปลี่ยนวิธีการผลิตไวน์"

คลาเวลซึ่งเห็นด้วยกับแนวคิดของแธตเชอร์ได้เริ่มบุกเบิกให้บรรดาผู้ปลูกองุ่นเลิกปลูกองุ่นแบบเน้นปริมาณ ซึ่งต้องเพาะปลูกไร่องุ่นครอบคลุมทั่วทั้งหุบเขา แล้วหันมาปลูกเฉพาะองุ่นพันธุ์ดีในบริเวณเชิงเขาเท่านั้น หลังจากนั้น 15 ปี พื้นที่ ดังกล่าวก็มีไร่องุ่นพันธุ์ดีอยู่ราว 100,000 เฮกตาร์ "เราไม่ควรกลัวที่จะผลิตไวน์คุณภาพดีเยี่ยมแล้วขายในราคาที่เหมาะสม" เบฮ์-โมลีนส์ ให้ความเห็น

ยอดขายไวน์ในตลาดโลกมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจแถบลางดอคฟื้นตัวขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะในช่วงที่บอร์โดซ์ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไวน์รายใหญ่แต่เดิมของฝรั่งเศสถูกเบียดออกไปจาก ตลาดนั้น ไวน์ลางดอคกลับสามารถชิงตลาดลูกค้าต่างชาติ ด้วยการบุกตลาดใหม่ ที่นิยมไวน์มีคุณภาพในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป อีกทั้งยังนำเสนอสินค้าที่แตกต่างไปด้วยไวน์ที่มีส่วนผสมขององุ่น ที่หลากหลาย และรสชาติของไวน์ก็ยังบ่งบอกถึงคุณสมบัติเฉพาะของผืนดินในฝรั่งเศสที่เป็นแหล่งปลูกองุ่นด้วย

"มันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับไวน์ที่มีอยู่หลากหลายในตลาด ทว่าโดยรวมก็คือเหมือนกันทั่วโลก" คลาเวลบอก ปัจจุบันเขาส่งออกไวน์ที่ผลิตได้ถึง 97% ไปยังตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดใหม่ที่มีผู้นิยมดื่มไวน์มากขึ้นตั้งแต่อเมริกาเหนือไปจนถึงญี่ปุ่น

เมื่อไวน์ลางดอคมีศักยภาพการเติบโตสูงเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเป็นที่หมายตาของทั้งนักลงทุน และผู้บริโภคต่างชาติ อย่างมอนโดวี ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่แห่งนาปา แวลลีย์ ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งกำลังปลูกองุ่นเป็นพื้นที่ 50 เฮกตาร์ในบริเวณนี้เพื่อผลิตไวน์ลางดอค ของตนเอง นอกจากนั้นยังมีสองสามี ภรรยา โรเบิร์ตและคิม คริปส์ เชื้อสายแองโกล-อเมริกันซึ่งเข้าไปซื้อ ไร่องุ่นพื้นที่ 18 เฮกตาร์ใกล้กับมงต์เปลลิเยร์ ตั้งแต่เมื่อปี 1994 และปัจจุบันผลิตไวน์ Domaine du Poujol ได้ถึง 100,000 ขวดต่อปี โดยเป็นไวน์ส่งออกราว 80% "เมื่อก่อน ที่ดินแถบนี้ราคาถูกมาก แต่ตอนนี้เราไม่มีเงินพอจะย้ายมาที่นี่แล้ว เราไม่ได้ร่ำรวย เรามาจาก ครอบครัวชนชั้นกลางที่อยากทำอะไรเป็นของตัวเอง แต่โชคไม่ดีเท่าไร"

ครอบครัวคริปส์ก็เหมือนกับผู้ประกอบการรายอื่นที่จะต้องปรับตัวตามข้อกำหนดของคณะกรรม การควบคุมการระบุแหล่งกำเนิดชื่อสินค้า (Appellation džOrigine Control"e - AOC) ซึ่งรับรองคุณภาพไวน์โดยการกำหนดชนิดขององุ่นที่อนุญาตให้ปลูกในพื้นที่เพาะปลูกเป็นบริเวณจำกัด หากไม่ได้ตามเกณฑ์ของเอโอซี ไวน์ที่ผลิตขึ้นจะต้องจำหน่ายเป็นประเภทไวน์ราคาถูกที่ดื่มกันทั่วไป "นี่เป็น เรื่องหนึ่งที่กฎหมายฝรั่งเศสควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งที่โดยปกติแล้วรัฐบาลไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องใดนัก" โรเบิร์ตเล่า "ถ้า หากคุณอยากขายไวน์ในฝรั่งเศสคุณต้องทำตามเอโอซี แต่ถ้าขายที่อื่นจะไม่มีใครแคร์เลย"

นอกจากนั้น แรงกดดันอีกประการหนึ่งก็คือ เอโอซีกำลังทบทวนข้อกำหนดโดยจะนำความนิยมของตลาดมาพิจารณาร่วมด้วย และนี่เป็นข้อพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งว่าลางดอค ได้ปรับตัวให้ทันสมัยเพียงใด อีกทั้งยังมีการปรับปรุงการผลิต ให้สอดคล้องกับดีมานด์ในตลาดโลกมากขึ้นด้วย อาจกล่าวได้ว่า ลางดอคกำลังนำอุตสาหกรรมไวน์เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 พร้อมกับไวน์ยุคใหม่ที่ทันสมัยกว่าไวน์รุ่นบุกเบิกในศตวรรษก่อนนั่นเอง

เรียบเรียงโดย เนาวนิจ สิริผาติวิรัตน์ Time May 14, 2001

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us