คลังเวชภัณฑ์ 103 ของฝ่ายเภสัชกรรม บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่เพิ่งได้รับ
ISO 9002 ไปเมื่อปลายปี"41 ที่ผ่านมาจากบริษัท RWTUV (ประเทศไทย) ซึ่งงานนี้ได้สร้างความภูมิใจแก่ชาวดีทแฮล์ม
เป็นอย่างมาก เนื่องจากทางบริษัทได้จัดคณะกรรมการบริหารคุณภาพขึ้นมาดำเนินการทุกอย่างเองทั้งหมด
โดย ไม่ต้องจ้างที่ปรึกษามาทำระบบมาตรฐานคุณภาพให้ ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการครั้งนี้จึงอยู่ที่ประมาณ
200,000 บาท ซึ่งเป็นค่าจ้าง RWTUV ให้มาทำการตรวจ ประเมินและมอบใบประกาศให้เท่านั้น
"ก่อนลงมือทำ เรามีการศึกษาก่อน เริ่มจากการที่เราไม่รู้จักว่า ISO คืออะไร
เราก็ศึกษาหาข้อมูล และส่งคนไปฝึกอบรม จากนั้นเราก็เริ่มทำแผนต่างๆ ออกมา
เอง เพื่อควบคุมการทำงานของเรา เราเริ่มลงมือทำจริงเมื่อ 16 มี.ค.41 ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด
9 เดือน นับว่าเร็วมาก" ประยุทธ์ เจียรจินดา หัวหน้าคณะผู้ปฏิบัติการ
ISO 9002 เล่า และสาเหตุที่ดีทแฮล์มใช้เวลาค่อนข้างน้อยในการจัดทำระบบ เนื่องจาก
คลังเวชภัณฑ์ แห่งนี้มีการสร้างระบบคลังสินค้าที่ทันสมัยอยู่แล้ว นับตั้งแต่
ระบบการลำเลียง บรรจุหีบห่อ และระบบการขนส่งที่มีความแม่นยำและรวดเร็ว จึงง่ายต่อการปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับมาตรฐานระบบ
ISO 9000
หลังจากที่ ดีทแฮล์มยื่นความจำนงขอรับมาตรฐาน ISO 9002 ไป ทาง RWTUV ได้เข้ามาทำ
PREAUDIT ครั้ง แรกคือเดือน ก.ค.41 ก็พบว่าเอกสารที่ทางทีมงานเขียนส่วนใหญ่ยังผิดพลาดอยู่
ทางทีมงานจึงได้กลับไปแก้ไข โดยใช้เวลาแก้ไขประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นในวันที่
19-20 ต.ค. ทาง RWTUV ก็ได้ส่งคณะผู้ตรวจสอบเข้ามาทำการตรวจสอบเป็นครั้งสุดท้าย
และในเดือนพ.ย.ก็ได้มีการมอบใบประกาศนียบัตร ISO 9002 อย่าง เป็นทางการ
"เราเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมและจ้างผู้ตรวจประเมินของ RWTUV เท่านั้น
โดยไม่ได้เสียค่าจ้าง ที่ปรึกษาสักบาทเดียว" ประยุทธ์กล่าวอย่างภูมิใจ
สำหรับกระบวนการในการตรวจสอบ อ้อยทิพย์ กุลวัลลภ ผู้จัดการทั่วไปของ RWTUV
ได้เล่าว่า การตรวจสอบจะแบ่งเป็น 3 ระยะคือ ระยะตรวจสอบเบื้องต้น (PREASSESSMENT
AUDIT) ระยะตรวจสอบ ณ สถาน ที่ทำงานจริง (ON SITE AUDIT) และระยะตรวจติดตาม
ผลทุกๆ 6 เดือน (SURVEILLANCE AUDIT) ซึ่งการตรวจสอบในที่นี้คือ การตรวจสอบเอกสารที่ทางลูกค้าเขียน
มาว่าสอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนดไว้หรือไม่ หากไม่สอดคล้องกัน ต้องแก้ไขใหม่จนกว่าจะสอดคล้อง
และหลังจากเอกสารผ่านแล้ว ผู้ตรวจสอบจะไปดูการปฏิบัติงานจริงของพนักงานว่าตรงตามที่เขียนไว้ในเอกสารหรือไม่
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ต้องอาศัยผู้ตรวจประเมินที่มีประ-สบการณ์ เพื่อให้ได้คุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
จากนั้นจึงจะมีการมอบใบประกาศ และทุกๆ 6 เดือนทาง RWTUV จะส่งผู้ตรวจสอบกลับมา
ตรวจสอบอีกครั้งว่า การทำงานของบริษัทนั้นๆ ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานอยู่หรือไม่
หากไม่เป็น ก็ต้องมีการ คุยกับผู้บริหารว่า ทางบริษัทนั้นยังต้องการใบประกาศอยู่หรือไม่
ถ้าต้องการก็ต้องมีการแก้ไขให้เป็นไปตามมาตรฐานตามระยะเวลาที่กำหนด หากไม่ต้องการ
ทาง RWTUV ก็จะยกเลิกใบประกาศดังกล่าว
"ทั้งหมดนี้คือเงื่อนไขที่เราวางไว้ แต่ในความจริง ผู้ที่ขอ ISO ส่วนใหญ่ได้ลงทุนในการสร้างระบบไปมาก
ส่วนใหญ่ก็จะพยายามรักษาเอาไว้ เรายังไม่เคยเจอรายไหนที่รุนแรงขนาดต้องถอนใบประกาศ
แต่ก็มีหลายราย ที่เราต้องเตือน ซึ่งการไปตรวจสอบของเรา จะนัดวันเวลากับลูกค้าก่อน
เราไม่แคร์ว่า ลูกค้าจะปลูกผักชี เพราะอย่างน้อยคือเขาได้ปลูก ดีกว่าไม่ได้ปลูกเลย
และในทางปฏิบัติหากเราไม่นัดหมาย อาจจะทำให้ธุรกิจเขาติดขัด เพราะต้องมาเตรียมตัวเพื่อเรา"
อ้อยทิพย์ กล่าว