Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2542
ดร.มนตรี เจนวิทย์การ "ชินแล้วกับการถูกโจมตี"             
 


   
search resources

องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน - ปรส.
มนตรี เจนวิทย์การ




สืบเนื่องจากผลการประมูลพอร์ต สินเชื่อของ 56 สถาบันการเงินรอบแรก เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ทำให้ ปรส.ในสายตาของประชาชนยิ่งมีภาพลักษณ์เลวร้ายมากขึ้น แต่เวลา 1 เดือนที่ผ่านไป ดูเหมือนจะทำให้ปรส.ตั้งหลักได้ และพยายามที่จะออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิม

ความเปลี่ยนแปลงของปรส. ในปีที่ 2 นี้ เริ่มจาก ดร.มนตรี เจนวิทย์การ ผู้ช่วยเลขาธิ การปรส. ได้ปรับขึ้นมารักษาการในตำแหน่งเลขาธิการปรส. และกลายมาเป็น SPOKESMAN ของปรส. แทน วิชรัตน์ วิจิตรวาทการ ที่ลาออกไปรับตำแหน่งที่ธนาคารกรุงไทย แต่ก็ยังคงนั่งเป็นที่ปรึกษาในบอร์ดของปรส.อยู่

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาของการทำงานของปรส. ดร.มนตรี จะเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานมาตลอด เขาเพิ่งจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงขึ้นปีที่ 2 ของปรส.นี้เอง พร้อมๆ กับประเดิมด้วย "ความล้มเหลว" ในการประมูลพอร์ตสินเชื่อธุรกิจของ 56 สถาบันการเงินรอบแรกของ ปรส.ที่อมเรศ ศิลาอ่อน ยอมรับความผิดพลาด ณ วันนั้น แต่วันนี้ ผู้บริหารของปรส.ได้พยายามบอกว่า "ปรส.ทำดีที่สุดแล้ว" เพื่อเป็นการย้ำจุดยืนของปรส. รวมทั้งปลอบขวัญและเรียกกำลังใจให้แก่ทุกคนในปรส. แต่ในแง่ของความเชื่อมั่นของประชาชนจะยังคงหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ ต้องเอาผลงานที่เหลือเป็นเครื่องพิสูจน์

"ในระดับพนักงาน ปกติพวกเขาจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไร เพราะส่วนใหญ่จะเป็นช่างเทคนิคที่ดูเรื่องรายละเอียดต่างๆ ก็ อยู่ที่ผู้บริหารระดับสูงจะต้องให้กำลังใจและให้การคุ้มครองใน แง่ถ้าเขาถูกโจมตีในลักษณะผิดๆ ถูกๆ" ดร.มนตรีกล่าว พร้อมกับเปิดเผยความรู้สึกในใจกับ"ผู้จัดการรายเดือน" ว่า

"ในระดับคุณอมเรศหรือผม มีความชินกับการถูกโจม ตีในชีวิตการงานแล้ว ฉะนั้นเราก็พยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ให้มีข้อบกพร่องที่เป็นเรื่องจริง คือ ถ้าเป็นเรื่องจริงเราก็จะมีความผิด แต่ถ้าเป็นข้อบกพร่องที่เขาคิดกันขึ้นมาเอง หรือกล่าวหาเรา ก็ไม่จำเป็นต้องไปวิตกกังวลใดๆ ซึ่งบางสิ่ง เขาพูดก็ถูก แต่พูดไม่หมด หรือว่าบางเรื่องเป็นเรื่องเล็ก แต่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เช่น บอกว่าผู้ประมูลไม่ได้ชำระเงินมา 2 เดือนแล้ว ผมว่ามันเป็นเรื่องปลีกย่อยมากกว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คือ ไปจี้ในจุดเล็กๆ ที่ไม่สำคัญ เหมือนจงใจจะให้เกิดความเสียหาย หรือบอกว่า คนโน้นสนิทกับคนนี้ คนนี้สนิทกับคนนั้น ผมว่ามันไม่มีความสำคัญอะไร การทำงานก็ต้องมีความสนิทสนมกันตามสมควร ไม่งั้นก็ทำงานกันเป็นทีมไม่ได้"

จากการที่ดร.มนตรีสอนหนังสืออยู่ในหลายสถาบัน อาทิ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกริก สาขาสื่อสารมวลชน เป็นต้น เขาได้นำประสบการณ์ที่ประสบด้วยตนเองมาเล่าเป็นแง่คิดแก่นักศึกษาด้วย และต่อไปนี้คือสิ่งที่เขาอยากจะบอกแก่ประชาชนทุกคนว่า

"ขณะนี้เรามีสื่อมวลชนมากหลายสาขา หนังสือพิมพ์ก็เป็นอิสระมาก วิทยุก็มีหลายสถานี ทีวีอีก แต่ว่า ข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับปรส.มีลักษณะที่ไม่เป็นข้อเท็จจริงค่อน ข้างมาก และเราก็ได้รับการสอบถามจากประชาชนหรือบางส่วนที่เชื่อไปเลยว่าข่าวที่ได้รับเป็นจริง ผมอยากจะบอกว่า ถ้าจะพิจารณาเรื่องปรส. 1.ให้ถามมาก่อน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร 2.ต้องคิดว่าเรื่องที่เขาบอกเป็นไปได้หรือเปล่า 3. ต้องดูว่า ปรส.มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายและขอบข่ายการ ทำงานอย่างไร อย่าลืมว่าเรารับผิดชอบสินทรัพย์เพียง 10% ที่ตายแล้วเท่านั้น"

ทั้งหมดนี้คือ อารมณ์และความรู้สึกของคนที่ทำงานอยู่ภายใต้ความกดดันในหลายๆ เรื่อง และตัวเขาเองเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่า การทำงานทุกอย่างเป็นไปอย่างโปร่งใสและซื่อสัตย์เพียงใด โดยสื่อมวลชนทำหน้าที่เป็นเพียงกระจกสะท้อนให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน

ส่วนความล้มเหลวในการประมูลพอร์ตสินเชื่อธุรกิจของ 56 ไฟแนนซ์ในรอบแรก จะกลายมาเป็นบทเรียนให้แก่ ปรส. ในการประมูลรอบสองหรือไม่ คำตอบจะอยู่ในวันที่ 10 มี.ค. 42 ซึ่งเป็นวันที่เปิดให้มีการประมูลสินเชื่อธุรกิจในรอบสอง โดยการประมูลในรอบนี้ทางปรส.ได้แยกสินทรัพย์ออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มสินเชื่อขนาดเล็กที่มียอดเงินต้นคงค้างเฉลี่ยกลุ่มละ 1,000-1,500 ล้านบาท และกลุ่มสินเชื่อขนาดใหญ่ที่มียอดเงินต้นคงค้างตั้งแต่ 10,000 ล้านบาทขึ้นไป จากสินเชื่อที่มีอยู่ทั้งสิ้น 7,124 สัญญา คิดเป็นมูลค่ายอดเงินต้นคงค้างตามบัญชี ณ วันที่ 30 ก.ย.41 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 231,128 ล้านบาท หรือประมาณ 6,250 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยสินเชื่อกลุ่มขนาดเล็กจะจำหน่ายในลักษณะขายขาด และสินเชื่อกลุ่มขนาดใหญ่จะใช้วิธีการเปิดประมูลในรูปแบบของการแบ่งปันผลกำไร (PROFIT SHARING) ซึ่งทางปรส.จะประกาศรายละเอียดและวิธีการของการประมูลในรูปแบบของการแบ่งปันผลกำไรก่อนถึงวันประมูล โดยทางปรส.ต้องการให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลในครั้งนี้มาสมัคร ขอรับแฟ้มข้อมูล ซึ่งบรรจุอยู่ในซีดีรอม พร้อมทั้งยื่นแบบคำขอเข้าศึกษาข้อมูลในห้องเก็บข้อมูลจากปรส.ให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้มีเวลาในการทำความเข้าใจและเสนอความเห็นต่อปรส. ในการจัดกลุ่มสินทรัพย์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อมากที่สุด และผู้ที่ชนะการประมูลสินทรัพย์ทั้งกลุ่มขนาดเล็ก และขนาดใหญ่จะต้องชำระราคาประมูลในรูปแบบของเงินสดหรือไม่ก็ตราสารทันที ซึ่งทางปรส.ไม่อนุญาตให้ผู้ประมูลทำข้อตกลงใดๆ กับลูกหนี้หรือตัวแทนลูกหนี้จนกว่าจะถึงวันปิดจำหน่าย

การประมูลสินทรัพย์ในรอบสองนี้ ทางบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน หรือ บบส.จะเข้าร่วมประมูลด้วย โดยบบส.จะปฏิบัติ ตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ของการประมูล และวิธีการชำระราคาประมูล เหมือน กับผู้ประมูลรายอื่นทุกประการ ซึ่งงานนี้ต้องรอดูกันต่อไปว่า จะมีใครประมูลได้บ้าง และ บบส. จะประมูลได้ไปทั้งสิ้นเท่าไร และจะเหลือของเน่าไปขายต่อหรือไล่แจกในรอบสามอีกหรือไม่

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us