Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2542
ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือ ดร.เจษฎา โลหอุ่นจิตร ที่ MFC             
 


   
search resources

เอ็มเอฟซี, บลจ.
เจษฎา โลหอุ่นจิตร
Funds




บลจ.กองทุนรวม (MFC) ปรับโฉมใหม่หลังจากเกิดกรณีอื้อฉาวที่ผู้บริหารระดับสูงซึ่งมีใบอนุญาตเป็นผู้จัดการกองทุนด้วยนั้น ถูกพักใบอนุญาตการดำเนินงานจัดการกองทุนเป็นระยะเวลา 6 เดือน พร้อมผู้จัดการกองทุนอีก 3 คน โดยโฉมใหม่ครั้งนี้เปิดตัวด้วยการแต่งตั้งกรรมการจัดการคนใหม่คือดร.เจษฎา โลหอุ่นจิตร อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทธาราสยามบิสซิ-เนสอินฟอร์เมชั่น จำกัด สายเลือดเก่าแก่ของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือ IFCT ซึ่ง เป็นผู้ถือหุ้นรายสำคัญของ MFC เขาเข้ามาเริ่มงานเมื่อ 17 ธ.ค. 2541 พร้อมดร.ชัยพัฒน์ สหัสกุล รองกรรมการจัดการซึ่งก็เป็นทีมบรรษัทฯ เก่าเหมือนกัน

ดร.เจษฎากล่าวกับ "ผู้จัดการรายเดือน" ว่า "ผมไม่ได้เป็นกรรมการและไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจเซ็นหนังสืออะไรในธาราสยามแล้ว และที่ผมมาที่นี่ก็เพราะมีคนชวนผมมา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่ผมออกจากที่นั่น ผมออกจากที่นั่นก่อน แล้วต่อมาค่อยมีการติดต่อมา"

ทั้งนี้ มีข่าวลือตั้งแต่เดือนก.ค. 2541 ว่าดร.เจษฎาได้รับการทาบทามให้มานั่งบริหารงานที่กองทุนรวม เขาลาออกจากบริษัทธาราสยามฯ ในเดือนส.ค. และบอกว่าได้รับการทาบทามจริงๆ คือเดือนก.ย.หรือต.ค.

ผู้ที่ทาบทามเขาเข้ามานั้นก็คือประธานกรรมการฯ ดร.อรัญ ธรรมโน อดีตปลัดกระทรวงการคลังและปัจจุบันเป็นประธานบรรษัทฯ ด้วย ดร.เจษฎาให้เหตุผลที่เข้ามารับตำแหน่งนี้ว่า "ธุรกิจนี้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมเคยทำมาคือเป็นธุรกิจที่ต้องใช้ข้อมูล ผู้บริหารกองทุนนี่ต้องใช้ข้อมูลและงานวิจัยมากเพื่อการลงทุน มันก็ไม่น่าจะขัดแย้งกัน อีกทั้งงานวิจัยที่ผมทำสมัยอยู่ธาราสยามนั้น ลูกค้ากลุ่มใหญ่ของเราก็เป็นสถาบันการเงินทั้งหลาย และเราก็ศึกษาเรื่องตลาดทุนตลาดเงินอยู่ ก็มีความเข้าใจอยู่แม้ว่าจะไม่ได้เข้ามาเป็นผู้ประกอบการเองก็ตาม ดังนั้นในแง่ของการปรับตัวเข้ามาแล้วย่อมง่ายกว่าไปทำธุรกิจอื่น"

เนื่องจากดร.เจษฎาเข้ามารับงานบริหารบลจ.แห่งนี้ในยามที่ไม่ใช่ภาวะธุรกิจปกติ แถมธรรมชาติของธุรกิจประเภทนี้ก็มีการแข่งขันสูงมาก และบลจ.นี้เพิ่งจะมีเรื่องอื้อฉาวมาหมาดๆ เขามองบลจ.นี้อย่างไร

"strengh ก็คือ weakness สองอย่างนี้ไปด้วยกันเสมอ ผมมองอย่างนี้ จุดแข็งคือเราตั้งมาโดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาล ทุกวันนี้แม้จะมีความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่เราก็ยังมีลักษณะเช่นเดิมอยู่คือเราทำอะไรต้องคิดถึงภาพอุตสาหกรรมโดยรวมและต้องพยายาม ให้เป้าหมายทางธุรกิจของเราสอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่อันนี้ อีกด้านหนึ่งเราก็ไม่ใช่ราชการ เราก็สามารถดำเนินการแบบเอกชนมีความคล่องตัว ในสองส่วนนี้คือเราจะเอาส่วนดีของมันมารวมกันได้อย่างไร และประสบการณ์อีกอย่างหนึ่งคือเรามีคนดีๆ ในนี้มาก และมีความสามารถสูงเพราะ เราไม่ได้เพิ่งตั้งมา คนของเรามีประสบการณ์มาก แม้จะบอกว่าระบบเราอาจจะมีปัญหา แต่เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ มันยังมีอะไรอยู่ที่จะให้เราสานต่อได้ เรามีฐานอยู่ จากจุดนี้ผมคิดว่าเราคงทำอะไรได้อีกมาก"

"ผมไม่ได้คิดอะไรมาก หากผมรับมาทำแล้วก็จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้" นี่คือวาทะของดร.เจษฎา หลังออกจากการสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขามา เริ่มงานแรกนอกมหาวิทยาลัยกับบรรษัทฯ ตั้งแต่สมัยศุกรีย์ แก้วเจริญเป็นกรรมการผู้จัดการบรรษัทฯ เขาตั้งสำนักวิจัยตลาดทุนในบรรษัทฯ ขึ้นมาและดึงเอาดร.ชัยพัฒน์ เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งตอนนี้ดร.ชัยพัฒน์ก็มาร่วมงานที่นี่ด้วยในตำแหน่งรองกรรมการจัดการ ดูแลงานด้านการจัดการกองทุน จากนั้นเขาออกไปทำธุรกิจส่วนตัวโดยจัดตั้งบริษัท ธาราสยามบิสซิเนสฯ ขึ้นและดำเนินธุรกิจอยู่ประมาณ 10 ปีได้ จนกระทั่งตัดสินใจออกมาร่วมงานกับกองทุนรวมเพราะผู้ใหญ่ชักจูง ซึ่งก็ต้องถือว่าทั้งดร.เจษฎาและดร.ชัยพัฒน์ก็เป็นอดีตลูกหม้อของบรรษัทฯเก่าแก่ทั้งสองคน

ดร.เจษฎาเปิดแถลงข่าวครั้งแรกหลังจากเริ่มงานเมื่อ 17 ธ.ค. 41 (ซึ่งเป็นวันแรกที่ครบ 6 เดือนหลังจากผู้จัดการกองทุนของบริษัทฯ ถูกพักใบอนุญาตครบ 6 เดือน) เขามีเป้าหมายในเรื่องของการบริหารกำกับองค์กรให้ดีที่สุด และ ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้มีความเป็นวิชาชีพมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เน้นเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพ ปรับปรุงการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในการที่จะดำเนินการตามเป้าหมายนี้ กองทุนรวมได้ว่าจ้างบริษัทไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส จำกัดมาเป็นที่ปรึกษาเพื่อปรับปรุงกรอบและวิธีการทำงานใน 3 เรื่องคือ การพัฒนาหลักการบริหารและกำกับองค์กร (corporate good governance) แนวปฏิบัติเรื่อง Compliance Unit และการพัฒนางานตรวจสอบภายในสู่มาตรฐานสากลหรือ Internal audit โดยระยะเวลาการว่าจ้างนาน 150 วัน ซึ่ง ไพร้ซฯ จะยื่นแผนงานให้กองทุนรวมเพื่อพิจารณานำไปปฏิบัติต่อไป

ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กรนั้น ดร.เจษฎายอมรับว่ามีแนวคิดที่จะดำเนินการเรื่องนี้อยู่ "ก่อนหน้านี้บริษัทไม่เคยมีการปรับองค์กรมานานแล้ว สิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็เปลี่ยนไปมาก ธุรกิจใหม่ๆ ก็เกิดขึ้น มันจึงมีความ จำเป็นที่จะต้องปรับปรุง แต่ที่จะบอกว่าระดับไหนนั้นยังพูดไม่ได้ แต่จะปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่"

ด้านดร.ชัยพัฒน์ กล่าวว่า "ในตอนนี้ผมไม่คิดว่าจะมีการปรับลดจำนวนพนักงาน (lay off) หากสภาพเศรษฐกิจเป็นแบบปัจจุบันอย่างนี้ เราคิดว่าเราไปได้"

ข่าวอื้อฉาวเรื่องการพักใบอนุญาตผู้จัดการกองทุนนั้น ทำให้ภาพพจน์กองทุนรวมเสียหายอยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้อยากจะรู้ว่าดร.เจษฎาจะเร่งสร้างภาพพจน์ที่ดีกลับคืนมาได้อย่างไร แต่ดร.เจษฎานั้นมีความเชื่อว่า "ภาพพจน์ที่ดีจะกลับคืนมาโดยเร็วก็ด้วยการทำงานของเรา หากเราทำงานด้วยความตั้งใจมุ่งมั่นและมีจรรยาบรรณในด้านวิชาชีพ ในที่สุดภาพพจน์ก็กลับมาเอง การที่จะไปสร้างภาพพจน์โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรจริงๆ นั้น มันเป็นสิ่งที่ทำได้ชั่วคราว ที่จริงๆ คือเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในเรื่องนี้"

ดังนั้นทีมงานใหม่บวกกับผู้บริหารเดิมอีก 2 ท่านคือชัยพนธ์ โอสถาพันธุ์และ ชรินทร วงศ์ภูธร ก็จะไม่พูดถึงเรื่องเก่าๆ ที่มีปัญหา แต่จะเดินหน้าเรื่องการปรับปรุงการทำงาน ชัยพนธ์กล่าวว่า "เรามีการออกกฎเกณฑ์ภายในหลายอย่างเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนั้นเกิดขึ้น การลงทุนในหลักทรัพย์ทุกอย่างต้องผ่านคณะกรรมการที่ประกอบด้วยบุคคลหลายฝ่ายเป็นคนกำหนดนโยบาย มีคนดูแลเกี่ยวกับเรื่องรายการที่มีความเกี่ยวโยงกันหรือ connected transaction รวมถึงบุคคลที่มีความเกี่ยวโยงหรือ connected person ด้วยซึ่งจะมีคนดูแลและให้คำอธิบายในประเด็นเหล่านี้ ระบุเหตุผลที่อธิบายได้ ดังนั้นเหตุการณ์ต่างๆ ก็จะไม่เกิด แต่สิ่งที่เกิดไปแล้วก็เป็นบทเรียนที่สำคัญ สำหรับบริษัท แต่การที่จะบอกว่าผิดหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่ยังไม่สามารถบอกได้ เว้นแต่จะให้กระบวนการทาง ศาลเป็นการพิสูจน์ แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นบริษัทก็ได้จัดการแก้ไขและป้องกันต่อไป"

ทั้งนี้ ชัยพนธ์ทำหน้าที่รักษาการกรรมการจัดการอยู่ช่วงหนึ่งก่อน ที่ดร.เจษฎาจะเข้ามาเป็นกรรมการจัดการ ปัจจุบันเขาเป็นรองกรรมการ จัดการ ดูแลสายบริหารและปฏิบัติการ เขาร่วมงานกับกองทุนรวมมานานถึง 23 ปี

ด้านผู้จัดการกองทุน 3 คนที่ถูกพักใบอนุญาต ตอนนี้แม้จะได้ใบอนุญาตคืนและสามารถดำเนินงานด้านการจัดการกองทุนได้ต่อไป แต่กองทุนรวมได้โยกย้ายทั้ง 3 คนไปทำหน้าที่อื่นๆ ในด้านบริหาร คงเหลือผู้จัดการกองทุนอยู่ประมาณ 10 กว่าคน ซึ่งดร.ชัยพัฒน์ กล่าวว่าสามารถดูแลบริหารกองทุนที่มีอยู่รวม 37 กองได้ทั่วถึงรวมทั้งกองทุนใหม่ที่จะออกมาในปีนี้อีก

ในการบริหารกองทุนของกอง ทุนรวมนั้น มีคณะกรรมการดูแล 2 ชุด คือคณะกรรมการนโยบาย การ ลงทุน (Investment Policy Committee หรือ IPC) ซึ่งประกอบไปด้วยกรรมการจัดการ, รองกรรมการจัดการสายจัดการกองทุน, ผู้จัดการกองทุนและนักกลยุทธ์ (strategist) อีกชุดหนึ่งคือคณะกรรมการทบทวนการลงทุน (Investment Review Committee) ซึ่งจะ มีผู้จัดการกองทุนและนักวิจัย ร่วมเป็นกรรมการดำเนินการเอง

คณะกรรมการทั้งสองชุดจะกำหนดกรอบการลงทุนตามที่กฎหมายอนุญาต และจะมีการทบทวนเป็นประจำว่านโยบายที่วางไว้เป็นอย่างไร นอกจากนี้มีลักษณะและปริมาณ การลงทุนบางอย่างที่ผู้จัดการสามารถพิจารณาลงทุนได้ตาม กรอบกฎเกณฑ์ที่ได้รับอนุญาต

การพักใบอนุญาต 4 ผู้จัดการกองทุนคงเป็นเสมือน "แผลเก่า" ของกองทุนรวมที่จะต้องรอดูฝีมือทีมบริหารใหม่ว่าจะรักษาแผลนี้ไม่ให้กลายเป็นแผลเป็นติดตัวตลอดไปได้หรือไม่

ดร.เจษฎากล่าวว่า "เราต้องพยายามรักษาฐานะการเป็นบริษัทจัดการกองทุนรวมชั้นนำดังที่เป็นมาในอดีต เราคงไม่พอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ ปีนี้เราตั้งใจที่มีการออกกองทุนแน่ ต้องติดตามดู เรายังไม่อยากเปิดเผยให้คู่แข่งทราบ และมีกองทุนหลายประเภทที่เราศึกษาอยู่"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us