Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2542
อนาคต "ใบหยก 2" ในมือของพันธ์เลิศ ใบหยก             
 


   
search resources

โรงแรมใบหยกสกาย
พันธ์เลิศ ใบหยก




วันนี้ พันธ์เลิศ ใบหยก กำลังมี ภารกิจที่หนักอึ้งที่สุดอีกครั้งคือการบริหารโครงการใบหยก 2 ตึกสูง 94 ชั้นที่ผ่านจุดวิกฤติทางด้านงานก่อสร้างมาได้อย่างหวุดหวิด จนสามารถครองแชมป์เจ้าของตึกสูงที่สุดในกทม.ได้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง

ทิ้งให้โครงการเวิลด์เทรดทาว เวอร์ โครงการเมืองรุ้ง ที่เคยเป็นข่าวแย่งกันเป็นเจ้าความสูงนั้น เป็นเรื่องของความฝันนิรันดร์กาลต่อไป

"ผมโชคดี ที่เข้าบ้านทันปิดประตูปั๊บฝนก็ตกหนัก ในขณะที่คนอื่นๆ ยังติดอยู่ข้างนอก แล้วก็พลอยโดนฟ้าผ่าพอดี" พันธ์เลิศ เปรียบเปรยให้ "ผู้จัดการรายเดือน" ฟัง

แต่กว่าจะถึงวันนี้ได้ โครงการใบหยก 2 ก็ผ่านอุป-สรรคมานานาประการ เริ่มตั้งแต่ใช้เวลาในการขออนุญาตกทม. และตอกเสาเข็มต้นแรกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2533 ในสมัย จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่ากทม. โครงการเป็นรูปเป็นร่างค้างเติ่งอยู่ในสมัย ผู้ว่ากฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา และสิ้นสุดในสมัยผู้ว่าพิจิตต รัตตกุล โดยได้เปิดใช้ตึกเกือบทั้งหมดเมื่อประมาณปลายปี 2541 ที่ผ่านมา รวมเวลา ทั้งหมดประมาณ 7 ปี

ตอนที่สร้างตึกนี้เพื่อทำลายสถิติของโครงการใบหยก 1 ที่สร้างไว้ 43 ชั้นว่ายากมากแล้ว แต่ตอนนี้เห็นทีพันธ์เลิศจะเจอศึกหนักเสียยิ่งกว่าเพราะต้องผจญกับข่าวลือสารพัดรูปแบบเช่นตึกเอียง ตึกทรุด ตึกถล่ม ตึกจะมีปัญหาเรื่องไฟไหม้ โดยเฉพาะเรื่องหลังนี้เรียกได้ว่าหากมีไฟไหม้โรงแรม หรืออาคารสูงที่ไหน กทม.จะต้องตื่นตูมมาตรวจระบบป้องกันไฟที่ตึกใบหยก 2 ทันที ซึ่งพันธ์เลิศบอกว่ากลายเป็นเรื่องดี เพราะเจ้าหน้าที่ทางราชการจะได้มั่นใจว่าทางโรงแรมได้เตรียมระบบป้องกันที่ดีกว่ามาตรฐานด้วยซ้ำไป

และที่สำคัญเขายังต้องบริหารโรงแรม "ใบหยกสกาย" ซึ่งเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในประเทศไทย ตัวโรงแรมเริ่มตั้งแต่
ชั้น 17 ไปถึงชั้น 74 ห้องพักของลูกค้านั้นเริ่มตั้งแต่ชั้น 22 ขึ้นไป รวม 53 ชั้น มีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 673 ห้อง แต่ขณะนี้ เปิดบริการห้องพัก เพียงแค่ชั้นที่ 35 มีจำนวนห้องพักที่เปิดแล้วทั้งสิ้น 210 ห้อง แบ่งเป็นห้องพักแบบ เอ็กเซคคิวทีฟรูมจำนวน 105 ห้อง และแบบเดอลักซ์สวีทรูม จำนวน 105 ห้อง

การบริหารโรงแรมในช่วงวิกฤติทางเศษฐกิจ พันธ์เลิศจะต้องรับบทบาทหนักในการหาลูกค้าเพื่อให้ห้องพักเต็ม ทำอย่างไรที่จะบริการแขกให้ดีที่สุด และทำอย่างไร จะสามารถดึงแขกให้ได้มากกว่านี้เพื่อจะได้เปิดห้องเพิ่มขึ้นเร็วๆ

แล้วยังต้องบริหารร้านอาหาร "BANGKOK SKY RESTAURANT" บนชั้น 78 ซึ่งมีจุดเด่นที่เป็นห้องอาหาร กลางวัน และค่ำแบบบุฟเฟต์ ที่ลูกค้าสามารถนั่งชมทิวทัศน์ ของกรุงเทพฯ ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยังมีห้องชมทัศนียภาพ บนชั้น 77 ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปขึ้นไปชมอีกด้วย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้นับว่าเป็นรายได้เสริมของเขาที่สำคัญเช่นกันในทุกวันนี้

ส่วนตั้งแต่ชั้น 78 ขึ้นไปนั้น ยังมีพื้นที่สำหรับร้านอาหาร และภัตตาคารอีกหลายร้านที่จะทยอยมาเปิด และหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในช่วงวันที่ 20 มกราคม 2542 ที่ผ่านมา นั้น ทางไอทีวีก็ได้มาทำสัญญาเช่าพื้นที่ติดตั้งห้องส่งบนชั้นบนสุดอีกด้วย

แม้ยังมีภาระหนัก แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพันธ์เลิศก็ยังโชคดีอีกหลายเรื่องเช่นการขายพื้นที่ ตั้งแต่ชั้นที่ 1 ถึง ชั้น
ที่ 4 และพื้นที่ของตึกใต้ดินอีก 2 ชั้นของตึกใบหยก 2 นั้นซึ่งได้สร้างเป็นพลาซ่าร้านค้าขายส่งประเภทเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ได้ขายพื้นที่ไปได้ทั้งหมดประมาณ 501 ร้านค้า ตั้งแต่ตึกสร้างไม่เสร็จ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิมๆ ย่านตลาดประตูน้ำ และลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในการทำกิจการที่ใบหยก 1 เรียกว่ากวาดลูกค้าที่มีความต้องการจริงหมดไปตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจบูมสุดๆ แต่ก็ได้สร้างภาพหลอกๆ ให้นักพัฒนาที่ดินรายอื่นเข้าใจว่ายังมีความต้องการอีกมาก เลยตามแห่กันสร้างบนย่านประตูน้ำอีกหลายโครงการ แล้วก็เจอปัญหาขายไม่ออกและประสบกับปัญหาทางด้านการเงิน จนเป็นตึกร้างอยู่ในทุกวันนี้

อีกเรื่องหนึ่งของความโชคดีก็คือในช่วงที่เงินนอกไหลเข้าประเทศอย่างหนัก เขาไม่ได้ใช้เงินกู้ต่างประเทศเลย แหล่งข่าวจากธนาคารกสิกรไทยซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของพันธ์เลิศเอง ก็ยืนยันว่าลูกหนี้รายนี้ไม่มีภาระเงินกู้ต่างประเทศ พันธ์เลิศเล่าให้ฟังว่า ในช่วงเวลานั้นเขาเองก็อยากกู้เพราะดอกเบี้ยถูกมาก แต่พูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง พูดไปฝรั่งไม่รู้เรื่องก็เลยไม่ยอมปล่อยกู้ จะเป็นเรื่องจริงหรือพูดกันเล่นๆ ก็ตามแต่ตอนนี้เขามีเจ้าหนี้รายใหญ่คือธนาคารกสิกรไทยเพียงแห่งเดียว

แต่ถึงจะดวงดีแค่ไหน พันธ์เลิศก็คงหยุดงานทางด้านพัฒนาที่ดินไปอีกนาน ถึงแม้จะมีที่ดินแปลงใหญ่บริเวณตลาดเสื้อผ้าในย่านประตูน้ำอีกหลายแปลง และมีคนมาชักชวนให้พัฒนาเพราะเห็นว่าชื่อของใบหยกสามารถเป็นการันตี ให้ลูกค้าที่อาจจะหยุดผ่อนโครงการอื่นๆ แต่ยังต้องการพื้นที่ร้านค้าใหม่ก็ตาม เพราะต้องการทุ่มเวลาบริหารตึกสูงนี้อย่างเต็มที่ รวมทั้งทุ่มเวลาให้พรรคไทยรักไทยที่ตัวเองเข้าไปเป็นสมาชิกและสนับสนุนอย่างเต็มที่อยู่ในขณะนี้ด้วย

"ผมสนับสนุนพรรคไทยรักไทย เพราะไม่อยากเป็นประเทือง รักใครชอบใครก็สนับสนุนไปเลย ในเมื่อมองว่าตอนนี้เรามีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจมันต้องให้พ่อค้าแก้ถึงจะถูกต้อง นักเศรษฐศาสตร์ใช้ทฤษฎีก็แก้ไม่ได้หรอก"

และ ณ วันนี้ พันธ์เลิศยืนยัน ว่าเขาสนับสนุนพรรคการเมืองโดยขอ เป็นแนวร่วมของงานเบื้องหลังอย่างเดียว ออกมารับตำแหน่งเบื้องหน้าไม่ได้แน่นอน เพราะเป็นคนนอนตื่น สาย เช้าทำงานไม่เป็น ส่วนกลางคืน ก็ต้องดื่มเหล้าสังสรรค์เฮฮา และที่สำ คัญงานบริหารตึกใบหยก 2 ยังเป็นเรื่อง ใหญ่ ที่ยังปล่อยไม่ได้แน่นอน

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us