"บุญถาวรวัสดุภัณฑ์" ก่อกำเนิดมาจาก หจก.บ้วนฮั้ว ตั้งแต่ปี 2508 ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของตระกูลทยานุวัฒน์
รุ่นบุพการี ต่อมาลูกๆ ทั้ง 8 คน ได้แยกตัวกันทำธุรกิจตามความถนัดของแต่ละคน
แต่ยังคงอยู่ในวงการวัสดุก่อสร้าง และยังคงใช้ชื่อบุญถาวรนำหน้าอยู่ อันได้แก่
บุญถาวรเคหะภัณฑ์, บุญถาวรเซรามิก, บุญถาวรประดับ ภัณฑ์ และบุญถาวรวัสดุภัณฑ์
โดยแต่ละบริษัทต่าง มีการบริหารที่อิสระจากกัน
มาลีเล่าว่า เมื่อ 30 ปีที่แล้ว คุณพ่อคุณแม่ของเธอเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจวัสดุก่อสร้าง
โดยเริ่มจากมีโรงงาน ผลิตและจำหน่ายท่อระบายน้ำในโครงการบ้านจัดสรรก่อน เป็นสินค้าตัวแรกของกิจการ
ต่อมาก็ผลิตกระเบื้องทางเท้าที่ใช้ปูตามฟุตบาทริมถนน
การทำกิจการนี้ทำให้ลูกรู้จักกับเจ้าของโครงการจำนวนมาก ยิ่งนานวันเข้า
โครงการต่างๆ ก็ผุดมากขึ้น แต่บ้วนฮั้วก็ยังคงขายแต่ท่อระบายน้ำ และกระเบื้อง
ปูทางเท้าอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่ง มีเจ้าของโครงการที่สนิทกันพูดว่า "ลูกๆ
ก็มีกันหลายคน ทำไมไม่ให้ขายอย่างอื่นเพิ่มเติมล่ะ เช่น ขายวัสดุก่อสร้างหรือสุขภัณฑ์"
คำพูดนี้เป็นการจุดประกายให้ "บ้วนฮั้ว" เริ่มมองหาช่องทางในการนำสินค้าอื่นเข้ามาขาย
โดยเริ่มจากสุขภัณฑ์ก่อน เพราะเป็นการง่ายที่จะทำการขาย โดยเวลาที่เข้าไปติดตั้งท่อระบายน้ำ
มาลีและพี่ๆ ก็จะนำสุขภัณฑ์เข้าไปขายตาม ต่อมาก็เริ่มขายทุกอย่างที่เป็น
วัสดุก่อสร้างตั้งแต่ อิฐ หิน ปูน ทราย กระเบื้อง และสุขภัณฑ์
จากนั้นกิจการของบ้วนฮั้วก็เริ่มเติบโตขึ้น จนกระทั่งเมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว
บ้วนฮั้วมาได้ที่ดิน แถวงามวงศ์วาน และได้ขยายกิจการมาเป็นบุญถาวรวัสดุภัณฑ์
ในที่สุด บ้วนฮั้วก็ค่อยๆ ยุบโรงงานลง และกลายมาเป็นบุญถาวรวัสดุภัณฑ์อย่างเต็มตัว
"เราจำเป็นต้องยุบโรงงานทิ้ง เนื่องจากเรามีปัญหา เรื่องแรงงานมาก ประกอบกับคุณพ่อคุณแม่ก็อายุมากแล้ว
โดยเฉพาะคุณแม่ ท่านทำงานมาทั้งชีวิตก็ไม่อยากให้ทำงานแล้ว ที่ผ่านมา แม่เป็นหัวเรือหลักในการทำธุรกิจมาตลอด
ตระกูลทยานุวัฒน์มีวันนี้ได้ก็เพราะคุณแม่ คุณแม่ก็ได้สร้างและให้พวกเราสานต่อ
เราก็เข้ามาบริหาร และโตวันโตคืน จาก 1 เป็น 2 และแตกสาขาไป และแยกกันออกไปดูแล
ทางพี่สาว พี่ชายก็แยกไปเป็นบุญถาวรเซรามิก ตัวพี่เองและน้องอีก 2 คนก็ดูแลบุญถาวรวัสดุภัณฑ์
น้องชายอีกคนก็ดูแลบุญถาวรประดับภัณฑ์ พี่สาวคนโตที่เคยเป็นบ้วนฮั้วเก่า
ก็กลายเป็นบุญถาวรเคหะภัณฑ์ไป ซึ่งแต่ละคนมีความเป็นเอกเทศต่อกัน ธุรกิจใครธุรกิจมัน
ต่างคนต่างบริหาร" มาลีเล่าความเป็น มาของธุรกิจดั้งเดิมของทยานุวัฒน์
10 กว่าปีต่อมา ในช่วงยุครุ่งเรืองของเศรษฐกิจ ราชัน ทยานุวัฒน์ ได้แต่งงานกับ
ประไพ สินธวณรงค์ ลูกสาวเจ้าของกิจการโรงงานน้ำตาลไทยรุ่งเรือง นับเป็น การผนึกความแข็งแกร่งของ
2 ตระกูลเข้าด้วยกัน
บุญถาวรวัสดุภัณฑ์ ได้ขยายตัวแตกบริษัทลูกออกมาเป็นบริษัทแกรนด์โฮมมาร์ท
เพื่อรองรับงานด้านการประมูลโครงการ และการติดต่อกับต่างประเทศ เนื่องจากชื่อของแกรนด์โฮมมาร์ท
มีความเป็นสากลมากกว่าบุญถาวรวัสดุภัณฑ์ มาลีได้น้องสะใภ้ที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีดีกรีนอกอย่างประไพเข้ามาเป็นกำลังสำคัญ
ทำให้บุญถาวรวัสดุภัณฑ์และแกรนด์โฮมมาร์ทเข้าสู่ยุคเฟื่องฟู เติบโตอย่างไม่มีขีดจำกัด
ในที่สุดทยานุวัฒน์ได้ตัดสินใจสร้าง "เดคคอร์ มาร์ท" ขึ้นมา เพื่อรองรับลูกค้าระดับบนที่ต้องการศูนย์การจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ครบ
วงจรมากกว่าบุญถาวรวัสดุภัณฑ์และแกรนด์โฮมมาร์ทที่มีแต่สุขภัณฑ์ กระเบื้องเซรามิก
และของตกแต่งบ้านเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
"เมื่อคนนึกถึงบุญถาวรวัสดุภัณฑ์ หรือแกรนด์โฮมมาร์ท ทุกคนก็จะนึกถึงแต่สุขภัณฑ์
กระเบื้อง แต่ถ้าต้องการจะไปซื้อเก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ที่ แกรนด์โฮมมาร์ทก็จะไม่มีขาย
ต้องไปที่ เดคคอร์ มาร์ท ลูกค้าแกรนด์โฮมมาร์ทก็จะชินว่ามีขายแต่สุขภัณฑ์และกระเบื้อง
เราจึงกลัว ถ้าเราจะใส่สินค้าอื่นลงไปอีก ฉะนั้นเรามีศักยภาพที่จะสร้างอะไรใหม่ๆ
ได้ และในช่วง นั้นใครๆ ก็อยากจะสร้างตัวเองใหม่ที่ฉีกแนวไปจากเดิม เราเองก็เหมือนกัน
เราก็เลยสร้าง เดคคอร์ มาร์ท ขึ้นมา ซึ่งถ้าใครเข้ามาที่ เดคคอร์ มาร์ท ก็จะพบสินค้าตั้งแต่สุข
ภัณฑ์ กระเบื้อง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว รูปภาพ แจกัน ทุกอย่างที่เป็นของตกแต่งบ้าน
มีครบทุกอย่าง นี่คือคอนเซ็ปต์ของ เดคคอร์ มาร์ท" มาลีเล่าความเป็นมา
ภายหลังจากที่ทยานุวัฒน์ได้สะใภ้จากตระกูลสินธวณรงค์ อันทำให้บุญถาวรวัสดุภัณฑ์โตวันโตคืน
โตจนแตกมาเป็นแกรนด์โฮมมาร์ท และต่อมามีการดึงเอาพี่น้องตระกูลสินธวณรงค์เข้ามาร่วมทุนด้วยอีกหลายคนจนกลาย
เป็น "เดคคอร์ มาร์ท" ในปัจจุบัน