เป็นเวลาเกือบ 6 เดือนเต็มที่ช่อง 5 เปิดทาง ให้ เทเลไฟว์ เข้ามาบริหารเวลาในช่วงไพรม์ไทม์
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของพลเอกแป้งที่ต้องการแก้ปัญหารายได้ของช่อง
5 ที่ลดต่ำลง อันเป็นผลมาจากวิกฤติเศรษฐกิจ และการแข่งขันของธุรกิจทีวีที่ต้องดิ้นรนอย่างมากในช่วง
2 ปีมานี้
การตัดสินใจของพลเอกแป้งในครั้งนี้ นับเป็น การสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการโทรทัศน์ไม่น้อย
เพราะเป็นการตัดสินใจเปิดศึกชนกับแชมป์ไพรม์ไทม์อย่าง ช่อง 7 และช่อง 3 อย่างจัง
หลังจากที่เคยใช้วิธีการเลี่ยงการเดินชนมาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
พลเอกแป้งรู้ว่า ช่อง 5 มีจุดอ่อนในเรื่องของการผลิตรายการ จึงต้องพึ่งพาผู้ผลิตรายการจากภายนอก
ที่มีประสบการณ์ ซึ่งเป็นที่มาของการรวมตัวระหว่างผู้ผลิตรายการจนมาเป็นเทเลไฟว์
ประกอบไปด้วย กันตนา เวิร์คพอยท์ของ ปัญญา นิรันดร์กุล ทริปเปิ้ลทู ของ ซูโม่กิ๊ก
สปอร์ตทิป ของพิษณุ นิลกลัด
ตามสัญญาที่ทำไว้ เทเลไฟว์ จะเข้าไปจัดรายการ ตั้งแต่ช่วงเวลา 17.00-24.00
น. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึง วันที่ 30 กันยายน 2542 รูปแบบรายการจะเป็นรายการ
ละคร วาไรตี้ กีฬา เพลง รายการเด็ก ยกเว้นบางรายการ ที่คงไว้ เช่น รายการข่าว
รายการเจาะใจ นิทานนิทรา ศิลปมวยไทยนายขนมต้ม รายการสนทนา 45 นาที
มีข้อแม้ว่า เทเลไฟว์จะต้องจ่ายผลตอบแทนให้ ช่อง 5 ในช่วง 1 ปี 372 ล้านบาท
ซึ่งถ้าหากทำได้ เทเล ไฟว์ก็มีสิทธิที่จะได้ต่อสัญญา และมีสิทธิที่จะถือหุ้น
ในบริษัท ททบ.5 โปรดักชั่น 25%
จะเห็นได้ว่า การจัดผังรายการใหม่ของช่อง 5 หลังการเข้ามาของเทเลไฟว์ ประเภทของรายการจะไม่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังข่าวภาคค่ำเป็นต้นไปจะเริ่มด้วยละครหลังข่าว
และต่อด้วยรายการเกมโชว์ ซึ่งถือเป็นช่วงไพรม์ไทม์ที่ช่อง 7 และช่อง 3 ครอบครองมาตลอด
จากการสำรวจของเอซีนิลสัน หรือดีมาร์ ระหว่าง วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ถึง 2
มีนาคม พบว่า ยอดเรตติ้งคนดูของช่อง 5 เพิ่มขึ้นมาในช่วงของ 20.30 น.-22.00
น. ซึ่งหากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2542 จะพบ ว่าเรตติ้งของช่อง 5
ในช่วงเวลาดังกล่าวต่ำมาก
"การมีเทเลไฟว์ในแง่ของคนดูแล้วก็ต้องบอกว่า ดีแน่ เพราะเท่ากับมีทางเลือกมากขึ้น
ซึ่งทำให้ช่อง 5 ดึงคนดูไปได้บ้างจากเดิมที่เขาไม่มียอดตรงนี้เลย แต่มองในแง่ของยอดโฆษณายังเพิ่มขึ้นไม่เยอะ
คนดูยังเคยชินอยู่กับรายการของช่อง 7 และช่อง 3 ทำให้โฆษณาก็ไปตามยอดเรตติ้ง"
แหล่งข่าวจากเอเยนซีรายใหญ่ ให้ความเห็นกับ "ผู้จัดการรายเดือน"
ในแง่ของเอเยนซีแล้ว เรตติ้งคนดูถือเป็นปัจจัยสำคัญของการเลือกซื้อโฆษณา
ซึ่งในภาวะที่เศรษฐกิจ ตกต่ำ เม็ดเงินมีจำกัด ลูกค้าก็ต้องเลือกลงโฆษณากับ
2 ช่องแรกที่ครองเรตติ้งสูงสุดก่อน แต่เมื่อเม็ดเงินมีมาก ขึ้น ช่อง 5 จะเป็นตัวเลือกที่
3 ที่จะมีโอกาสได้แชร์ยอดโฆษณาไปได้บ้าง
จากการสำรวจคนดูในช่วงละครหลังข่าว เอเยนซี ให้ความเห็นว่า ช่อง 5 จะมีเทคนิคการผลิตที่ดีกว่า
ช่อง อื่นๆ และจะพยายามสร้างความแตกต่างด้วยการผลิตละคร แนวใหม่ๆ เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
ซึ่งทำให้ยอดคนดูของช่อง 5 เพิ่มขึ้นมาได้บ้าง แต่คนดูส่วนใหญ่ยังเป็นของ
ช่อง 7 และช่อง 3
ในขณะที่เอเยนซีอีกรายให้ความเห็นว่า หาก เป็นละครของช่อง 5 แล้ว ยอดจะเพิ่มขึ้นในช่วงวันศุกร์
เสาร์และอาทิตย์ ซึ่งเป็นละครของค่ายแอ็กแซคท์ที่จะเป็นที่ชื่นชอบของคนดูมากกว่าวันธรรมดา
ส่วนในด้านของรายการเกมโชว์ ซึ่งถือเป็นไฮไลต์อย่างหนึ่งของเทเลไฟว์ เพราะผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นผู้ผลิตรายการเกมโชว์อยู่แล้ว
เอเยนซีส่วนใหญ่มีความเห็นว่า รายการของเกมโชว์ไม่มีความแตก ต่างไปจากช่อง
3 และช่อง 7 เนื่องจากเป็นผู้ผลิตคนเดียว กัน ซึ่งจะทำให้ช่อง 5 เสียเปรียบในแง่ที่ว่า
ความเคยชินของคนดูส่วนใหญ่จะเลือกดูช่อง 7 กับช่อง 3
เมื่อเปรียบเทียบระหว่างทั้ง 3 ช่องแล้ว เอเยนซีรายหนึ่งให้ความเห็นว่า
ช่อง 7 นั้นยังครองตลาดระดับ ล่าง ซึ่งเป็นกลุ่มคนดูขนาดใหญ่ที่มีอยู่ทั่วประเทศ
ในขณะที่ช่อง 3 กลุ่มคนดูในกรุงเทพฯ และรอบนอก ที่จะ มีการศึกษามากขึ้น ส่วนช่อง
5 นั้นยังก้ำกึ่ง ยังไม่ชัด เจนว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มใด
"ก็คงต้องให้เวลาช่อง 5 ไปอีกระยะหนึ่ง เพราะถ้าจะถามว่าประสบความสำเร็จหรือไม่
ก็ถือว่าดีกว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย" เอเยนซีรายหนึ่งสะท้อนแนวคิด