ยํกษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ไม่ใช่ผู้ชนะในทุกสนาม อย่างเช่น ในสนามอิเล็กทรอนิกส์
คอมเมิร์ซ หรืออี-คอมเมิร์ซ ซึ่งหมายถึงตลาดการซื้อขายสินค้า การติดต่อทางธุรกิจและการทำรายการชำระค่าสินค้าบนอินเตอร์เน็ต
ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มากในสหรัฐฯ ไมโครซอฟท์กลับดูเชื่องช้าและมีแต่การคุยโว
เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ส่งสัญญาณที่ชัดเจนโดยการเชิญนักวิเคราะห์
นักลงทุนและผู้สื่อข่าวเกือบ 200 ชีวิตเดินทางไปยังโรงแรมอาร์เจนท์ในเมืองซานฟรานซิสโก
เพื่อร่วมประชุมเป็นเวลา 3 ชั่วโมง จุดมุ่งหมายของงานนี้ก็เพื่อที่จะบอกแก่ทุกคนว่าไมโครซอฟท์ปรารถนาที่จะเข้ามาเป็นผู้นำในตลาด
อี-คอมเมิร์ซ
แต่ปรากฎว่าสินค้าใหม่ส่วนมากของไมโครซอฟท์ที่นำออก สู่ตลาด กลับกลายเป็นสินค้าที่คู่แข่งนำออกมาวางขายก่อนหน้าแล้ว
หลายเดือนหรือเป็นปีก็มี ยกตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์เพื่อการซื้อ สินค้าโดยสามารถเปรียบเทียบทั้งในเรื่องของราคาและผู้ผลิตสินค้าจากผู้ค้าหลายๆ
รายในสถานที่เดียว ซอฟต์แวร์ตัวนี้บริษัท Yahoo! Inc. นำออกวางตลาดตั้งแต่เมื่อปี
1997 ขณะที่ เวอร์ชั่นของไมโครซอฟท์จะยังไม่ออกสู่ตลาดจนกว่าจะปลายปี 1999
จริงๆ แล้วก็ไม่มีสินค้าใหม่ตัวใดในตลาดอี-คอมเมิร์ซของไมโครซอฟท์ที่จะเสนอให้ลูกค้าก่อนปลายปีนี้
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง เหล่าคู่แข่งของไมโครซอฟท์ก็จะกล่าวขอบคุณอย่างสูงแก่ไมโครซอฟท์
คู่แข่งบางรายกล่าวว่า "แม้จะมีบางคนที่เพิ่งตื่นและมาทำงานในอีก 12
เดือนข้างหน้า ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาก็ยังอยู่ล้ำหน้าวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์อยู่ดี"
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เห็นได้ชัดว่าไมโครซอฟท์ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องวิ่งตะบึงไปเพื่อก้าวเป็นผู้นำ
(ตามที่ลั่นวาจาไว้) ในการทำซอฟต์แวร์อี-คอมเมิร์ซ
ลูกค้ารายหนึ่งเป็นรองประธานของบริษัท REI Inc. ซึ่งขายสินค้า outdoor gear
บนอินเตอร์เน็ตกล่าวว่าตอนที่เขากำลังหาซอฟต์แวร์เพื่อสร้างร้านค้าบนอินเตอร์เน็ตนั้น
เขาสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเจ้าของซอฟต์แวร์รายใดจะมี commitment ในเรื่องนี้บ้าง
ซึ่งในที่สุดเขาก็เลือกซอฟต์แวร์ IBM"s Net. Commerce ด้วยเหตุผลที่ว่าการเสนอของไมโครซอฟท์ยังไม่ชักจูงให้เขาเปลี่ยนใจได้
อย่างไรก็ดี ยักษ์อย่างไมโครซอฟท์ต้องมีวิธีการของตัวเอง ไมโครซอฟท์เคยตกอยู่ในสถานการณ์ล้าหลังเช่นนี้มาก่อนในตอนที่บริษัทเนทสเคป
คอมมิวนิเคชั่น คอร์ป.และบริษัทอื่นๆ ก้าวล้ำหน้าไปในเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต
ตอนนั้นไมโครซอฟท์ ขายสินทรัพย์โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำงานบนวินโดว์ โอเอส เพื่อที่จะชดเชยเวลาที่เสียไป(กับงานพวกนั้น
แล้วหันมามุ่งทำ browser) เพียงชั่วเวลาไม่นานนัก ไมโครซอฟท์ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง
ในตลาด browser ราคาหุ้นพุ่งกระฉูดจากเลขหลักเดียวไปมากกว่า 50% ในวันนี้
ด้านเนทสเคปที่มีส่วนแบ่งตลาดนี้ถึง 80% ก็ถูกไล่บี้ไปเหมือนกัน
ไมโครซอฟท์ต้องการใช้กลยุทธ์เดียวกันนี้กับ Yahoo! และ American Online
Inc. แผนของไมโครซอฟท์ก็คือสร้าง Micro-soft Network หรือ MSN ให้เป็นเครือข่าย
Web ที่มีขีดความ สามารถและพกพาสะดวก โดยการเพิ่มบริการและรายการซอฟต์ แวร์โปรดักส์ต่างๆ
ที่ไม่มีใครเทียบได้ และที่สำคัญคือไมโครซอฟท์ จะปรับปรุงซอฟต์แวร์อี-คอมเมิร์ซราคาต่ำของตนให้มีความทันสมัย
เพื่อที่จะให้บรรดาพ่อค้าออนไลน์สร้างร้านค้าส่วนตัวบนWebได้สะดวกขึ้น กุญแจสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยในเรื่องนี้คือ
BizTalk เครื่องมือที่ทำให้บริษัทร้านค้าแต่ละแห่งสามารถติดต่อธุรกิจกันได้โดยตรง
แม้จะอยู่ต่างระบบและไม่เคยทำธุรกิจร่วมกันมาก่อนก็ตาม
ไมโครซอฟท์เชื่อว่าการเสนอระบบอี-คอมเมิร์ซระดับสุดยอดเช่นนี้ จะทำให้ตัวเองก้าวล้ำนำหน้าเนทสเคปหรืออเมริกันออน
ไลน์อย่างไม่เห็นฝุ่นทีเดียว เหตุผลน่ะหรือ? ก็เพราะว่าการควบ คุมระบบการทำงานโอเอสรวมทั้งซอฟต์แวร์,
บริการต่างๆ และการเชื่อมต่อ เหล่านี้ก็ทำให้ไมโครซอฟท์สามารถสร้างการเชื่อมโยงเทคโนโลยีที่แตกต่างกันได้
และเสนอแพ็กเกจทั้งหมดนี้ในราคาต่ำด้วย! ริช ถัง-รองประธานไมโครซอฟท์กล่าวว่า
"ไม่มีใคร ที่มีการรวมอย่างสมบูรณ์เท่ากับที่เรามีให้" ซึ่งแนวคิดนี้ก็เริ่มมีลูกค้าเห็นว่ามันคุ้มค่าที่จะรอคอยผลิตภัณฑ์ตัวนี้ของไมโครซอฟท์
นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังอยากจะกำหนดมาตรฐานสำหรับซอฟต์แวร์อี-คอมเมิร์ซกับข้อเสนอใหม่ข้างต้น
แต่แน่นอนว่าความพยายามนี้ย่อมถูกท้าทายจากบริษัท ที่ไม่อยากเห็นไมโครซอฟท์ขยายอำนาจเข้าไปในปริมณฑลใหม่
นักวิเคราะห์ราย หนึ่งกล่าวว่า "จะต้องมีการต่อสู้กันอย่างหนักทีเดียวในเรื่องนี้"
เมื่อไมโครซอฟท์ชี้เขตตลาด คู่แข่งต้องมองดูอย่างสนใจ ธิโมธี เอ.คูเกิล-ประธานและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร
Yahoo! กล่าวว่า "เรามีความเคารพพวกเขาอย่างสูงทีเดียว!"
การที่ไมโครซอฟท์เริ่มต้นอย่างเชื่องช้ามากก็ทำให้หน้าใหม่ๆ อย่าง BroadVision,
Bluestone และ Ariba เข้าไปครอง ตลาดล่วงหน้าก่อนแล้ว รวมทั้งได้ลูกค้ารายสำคัญอย่าง
Staples and Dreyfus ไปครองด้วย ส่วนรายใหญ่อย่างเนทสเคปที่เป็นผู้ครองตลาด
browser ก็เลยทำให้ตลาดนี้ปิดสนิทไปแล้ว