Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2542
สื่อรายใหญ่มุ่งหน้าสู่ตลาดจีน             
 





ช่วงเวลาไม่กี่เดือนหลังจากที่รูเพิร์ท เมอร์ด็อค-ประธานและ เจ้าของกิจการนิวส์คอร์ปซื้อกิจการสตาร์ทีวี เขาได้ลั่นวาจาว่าเทคโนโลยีของเขา(หมายถึงโทรทัศน์) มีฐานะคุกคามระบบการปกครองเผด็จอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในจีนทั่วทุกหัวระแหง ปฏิกิริยา ที่ทางการจีนตอบโต้เขาก็คือห้ามเอกชนครอบครองจานดาวเทียม แต่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ข้อห้ามนี้ถูกยกเลิก และเมอร์ด็อค ได้ดื่มฉลองร่วมกับประธานาธิบดีเจียงเซียะหมินในงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในบ้านพักรับรองของทางการจีนในปักกิ่ง

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีนและสหรัฐฯ ไม่ สู้จะราบรื่นนัก เช่นกรณีที่สหรัฐฯกล่าวหารัฐบาลจีนตามรายงานที่ ได้รับว่าจีนมีอัตราการละเมิดสิทธิมนุษยชนสูงมาก และรายงานที่ว่าทางการจีนอาจได้รับข้อมูลความลับนิวเคลียร์จากนักวิทยา ศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งคณะกรรมการวุฒิสภาสหรัฐฯจะนำเสนอราย งานในเดือนมีนาคมนี้เกี่ยวกับรายละเอียดการขโมยข้อมูลเทคโน-โลยีทางทหารของจีน

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศดูไม่ราบรื่น แต่เหล่ายักษ์ใหญ่ด้านสื่อในสหรัฐฯ กลับมองจีนว่าเป็นตลาดที่ยังไม่มีใครเข้าไปจับ และนักลงทุนสื่ออย่างเช่นเมอร์ด็อค ระเรื่อยไปจนถึงไมเคิล ดี.ไอส์เนอร์แห่งดิสนีย์มีฐานะเป็นผู้บุกเบิกตลาดนี้ทีเดียว

สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก บริษัทวอลท์ดิสนีย์ กำลังเจรจากับทางการฮ่องกงเพื่อที่จะลงทุนสร้างสวนสนุก (theme park) มูลค่า 2,000 ล้านเหรียญ และเป็นไปได้ว่าจะเจรจากับทาง การเซี่ยงไฮ้เพื่อที่จะสร้างสวนสนุกที่นั่นอีกเป็นแห่งที่สอง ส่วนบิลล์ เกตส์ก็ปรากฏตัวที่เซินเจิ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาเพื่อเปิดตัว Venus WebTV ซึ่งเป็นชุด set-top box สำหรับผู้ชมเคเบิลชาวจีนใช้ท่องเข้าไปในโลกอินเตอร์เน็ต

ว่าไปแล้ว ผู้ผลิตสื่อจากสหรัฐฯหลายรายยังเข้าไปในตลาด จีนที่มีประชากร 1,200 ล้านคนและมีโทรทัศน์เพียง 305 ล้านเครื่องได้ไม่มากนัก รายการโชว์จากต่างประเทศถูกจำกัดให้แพร่ภาพได้เพียง 25% ของรายการโทรทัศน์ทุกแห่ง ช่องของ ESPN, CNN และ MTV เป็นเคเบิลไม่กี่ช่องที่ทางการจีนอนุญาตให้แพร่ภาพได้ แต่ทว่าถูกจำกัดให้ออกอากาศได้ครั้งละ 1-2 ชั่วโมงตามโรงแรมที่มีนักธุรกิจและสถานที่ทำการรัฐบาลบางแห่ง

แกเรท ซี.ซี.ชาง ประธานบริหารสตาร์ทีวีซึ่งเป็นคนจีนโดยกำเนิดกล่าวว่า "ประเทศจีนมีความต้องการดูเนื้อหา(content)ในรายการต่างๆ ซึ่งเราก็สามารถสนองตอบให้ได้" ทั้งนี้ สตาร์ทีวีเพิ่งผลิตรายการข่าวและสาระต่างๆ โดยมีบริษัทของรัฐบาลร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วย

ทั้งนี้การมีหน่วยงานรัฐบาลเป็นพันธมิตรธุรกิจเป็นเรื่องจำเป็น และดูเหมือนว่ารัฐบาลก็ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจนี้ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่ของทางการจีนชุดหนึ่งได้เดินทางไปเยี่ยมชมสตูดิโอต่างๆ ในฮอลลีวู้ดเพื่อมองหาพันธมิตรมาร่วมผลิตหนัง/ภาพยนตร์ ขณะเดียวกันบริษัทหนังในสหรัฐฯก็มองว่าหากได้ร่วมมือกับทางการจีน พวกเขาก็อาจจะฝ่าข้ามข้อบังคับที่อนุญาตให้มีการฉายหนังต่างประเทศได้ปีละ 10 เรื่องเท่านั้น

เมื่อเร็วๆ นี้ดิสนีย์เปิดฉายภาพยนตร์เรื่อง Mulan ได้แล้ว ทั้งที่เมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้ทางการจีนเคยห้ามฉายภาพยนตร์เรื่อง Kundun ของดิสนีย์ซึ่งมีเนื้อหาแสดงความเห็นใจองค์ดาไลลามะแห่งทิเบต

การที่ทางการจีนเริ่มผ่อนปรนมากขึ้นนี้เชื่อว่าเป็นเพราะภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาลงในภูมิภาคนี้ การเจรจาธุรกิจกับบริษัทสื่อต่างชาติย่อมหมายถึงการสร้างงานให้ชาวจีน และการจัดรายการทีวีเพิ่มมากขึ้นก็ย่อมหมายถึงการเพิ่มรายได้ให้แก่สถานีโทรทัศน์และเคเบิลทีวีของรัฐมากขึ้นด้วย บริษัท Baskerville Communications Corp. ในกรุงลอนดอนมีรายงานว่ามีการใช้งบโฆษณาในทีวีจีนถึง 2,100 ล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว และคาดว่างบตัวนี้จะเพิ่มเป็น 2,900 ล้านเหรียญในปีค.ศ. 2000

ฟิลิป ดี.ริช กรรมการบริหารบริษัท AC Nielsen"s Asian กล่าวว่า "เห็นได้ชัดเลยว่าคนจีนชอบดูทีวี และพวกเขามีรายได้พอที่จะเอามาจ่ายเพื่อการนี้ มันเป็นรายได้มากกว่าที่พวก ตะวันตกคิดเสียอีก"

จริงๆแล้วการจัดรายการสไตล์อเมริกันส่งผลกระทบต่อชาวจีน เช่นหลังจากแพร่ภาพโฆษณาขายจักรยานแบบที่พับเก็บได้ ปรากฏว่าบริษัทอเมริกันผู้ผลิตจักรยานแบบนี้ได้รับคำสั่งซื้อถึง 100,000 ชิ้นใน 1 สัปดาห์ นี่เป็นข้อมูลจากเอลิซ่า เอ็ม.ไมเออร์ส ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีสมาชิกอยู่ 420 ราย

สิ่งที่คนจีนสนใจไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างทางการจีน-สหรัฐฯ หรือเรื่องจักรยาน พวกเขาต้องการรายทีวีโชว์ต่างหาก เมื่อถามนักเรียนไฮสคูลอายุ 16 ปีในปักกิ่งที่ชื่นชอบภาพยนตร์การ์ตูน "ทอมกับเจอร์รี่" อย่างมากด้วยแล้ว เขากล่าวขณะกำลังเคี้ยวแฮมเบอร์เกอร์ว่า "การ์ตูนจีนเทียบทอมกับเจอร์รี่ไม่ติดหรอก การ์ตูนอเมริกันมีความรื่นเริงสนุกสนานมากกว่าหลายเท่า และเนื้อเรื่องก็ดีกว่าด้วย" เทด เทอร์เนอร์เองยังไม่เคยพูดแบบนี้ด้วยซ้ำไป!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us