ชื่อของชายผู้นี้โด่งดังมากในหมู่ผู้มีสตางค์ในยุคเศรษฐกิจบูมทั้งหลาย เพราะเขาเป็นเอเยนต์ขายรถเบนซ์รายใหญ่สุดในกรุงเทพมหานคร
ครั้นเศรษฐกิจตกต่ำคนว่างงานในเมืองจำนวนมากก็เริ่มรู้จักเขา จากการที่เขาเป็นผู้ริเริ่มจัดโครงการตลาดนัดคนเคยรวย
ขายสินค้าราคาถูก
มาบัดนี้เขาซุ่มเงียบอยู่ในวงการผู้ค้าเบนซ์ขณะที่ผู้บริหารเบนซ์ทั้งไทยและเยอรมันยังเจรจากันไม่ลงตัว
แม้เขา จะมีไอเดียเรื่องการทำธุรกิจ แต่ก็ไม่มีใครเรียกเขาไปคุย วสันต์ โพธิพิมพานนท์
ออกตัวกับ "ผู้จัดการรายเดือน" ว่า "เขาคงระแวงผมหรือเปล่า ผมเลยกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่คนกลัว
เยอรมันก็กลัว คุณแดงก็กลัวผมหรือเปล่า"
คุณแดงในที่นี้ก็คือพากเพียร วิริยะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนบุรีพานิช
จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและดูแลตลาดรถเบนซ์ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์มาแต่เริ่มแรกเป็นเวลายาวนานถึง
40 กว่าปี แต่มาในปีนี้กลุ่มธนบุรีพานิชต้อง ถอยฉากหลบให้แก่เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่จะเข้ามาดูแลการทำตลาดทั้งหมดในประเทศไทยด้วยตัวเอง
โดยบริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)จำกัดหรือ
MBT ขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลการนำเข้า การตลาด
และการขายส่งรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และจำกัดบทบาทของธนบุรี พานิชให้เป็นผู้ขายปลีกและให้บริการหลังการขาย
ด้านการผลิตและประกอบรถเบนซ์บางรุ่นนั้น MBT ยังคงให้กลุ่มธนบุรีเป็นผู้ดำเนินการโดยผ่านทางบริษัท
ธนบุรีประกอบรถยนต์
ทั้งนี้กว่าที่การเจรจาจะออกมาเป็นผลลัพธ์ข้างต้นก็ใช้เวลาพูดคุยกันเป็นนาน
ซึ่งในระหว่างเวลานั้นก็มีข่าวเล็ด ลอดผิดๆ ถูกๆ ออกมาเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดจำนวนเอเยนต์ขายรถเบนซ์
การตั้ง MBT โดยให้กลุ่มธนบุรี ร่วมถือหุ้นด้วยถึง 35% ซึ่งปรากฏว่าทั้งสองเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง
แต่กระนั้นการเจรจาระหว่าง MBT กับกลุ่มธนบุรียังไม่จบในเร็ววัน มีประเด็นอีกมากที่ยังคุยกันไม่ลงตัวและ
ยังต้องใช้เวลาในการเจรจาอีกหลายยก ทว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความยืดเยื้อล่าช้าในการเจรจาคือผู้ค้ารถเบนซ์หรือ
เอเยนต์ และกลุ่มลูกค้าที่ยังมีกำลังเงินและต้องการรถเบนซ์ รุ่นใหม่ๆ ที่ปรากฏโฉมในตลาดต่างประเทศแล้ว
วสันต์กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า "ทุกคนก็รอฟังเขาอยู่ ผมก็ไปจี้เขา เพราะมีคนออร์เดอร์
s-class มาเยอะมาก ผมไปจี้เขาทุกวันเลยว่าออกกำหนดเวลามาได้แล้ว ยังไม่ต้อง
ออกราคามาก็ได้ แต่เอากำหนดเวลามาก่อน คุณต้องจัดให้ ลูกค้าเขาเพราะเขาจะซื้อกันแล้ว
คุณทำเฉยๆ เดี๋ยว gray market ออกมา ลูกค้าไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร"
วสันต์ไม่สนใจเรื่องการเจรจาของกลุ่มธนบุรีและ MBT สักเท่าไหร่ ที่เขาต้องการในเวลานี้คือการออกกำหนดเวลาที่
ชัดเจนว่ารถเบนซ์รุ่นใหม่ๆ จะมีขายในเมืองไทยได้เมื่อไหร่ "ผมแหย่ทั้งเดือนเลยตั้งแต่หลังประชุมดีลเลอร์ที่ผ่านมา
ว่าจะออกเมื่อไหร่ เห็นบอกว่าวันจันทร์(ต้นเดือนมีนาคม) จะออกมา"
ทั้งนี้ MBT เรียกดีลเลอร์เบนซ์ทั่วประเทศประชุมไปเมื่อ 29 มกราคม มีดีลเลอร์ร่วมประชุมทั้งหมด
87 ราย ซึ่งมร.ฮาร์ราลด์ ฮูดัค กรรมการผู้จัดการ MBT ประกาศว่าดีลเลอร์ทั้งหมดยังคงขายรถเบนซ์ได้ต่อไปและบริษัทฯได้ให้การช่วยเหลือในด้านต่างๆ
ที่จำเป็นแล้ว
อย่างไรก็ดี หลังจากการประชุมไม่นาน ปรากฏว่ามีข่าววงในระบุว่ามร.ฮูดัคพ้นหน้าที่กรรมการผู้จัดการ
MBT ไปแล้ว ทั้งที่เขาออกประกาศเชิญชวนสื่อมวลชนให้เดินทางไปดูงานมอเตอร์โชว์ในปลายเดือนมีนาคมที่เบนซ์จะเปิดตัวครั้งสำคัญ
มร.ฮูดัคเป็นผู้ที่ดูแลตลาดรถเบนซ์ไทยมานานแล้ว และติดต่อกับกลุ่มธนบุรีพานิชมาตลอดเวลา
จนเข้ามาเจรจาและผลักดันให้ตั้ง MBT ขึ้นมาได้ ซึ่งการตั้งบริษัท MBT ได้สำเร็จก็อาจจะเป็นการสิ้นสุดภารกิจชิ้นหนึ่งของเขา
ขณะที่ภารกิจต่อๆ ไปที่เหลือ(ซึ่งยังมีอีกมากนั้น)ก็อาจจะต้องหาคนใหม่เข้ามาเจรจากับกลุ่มธนบุรีพานิชต่อไปก็เป็นได้
คนที่มีบทบาทน่าจับตาคือ Mr.Karl-Heinz Hec-khausen ซึ่งเป็น President
& CEO ของบริษัท Daimler-Benz South East Asia (Bangkok) Ltd. ดูแลตลาดไทยอยู่ด้วย
คนในวงการยานยนต์ค่ายเบนซ์ให้ความเห็นไว้ด้วยว่าบริษัทแม่ของเบนซ์มองว่าจุดการเข้ามาดูแลตลาดไทย
ด้วยตัวเองถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญ เพราะสามารถใช้โรงงาน ในไทยเป็นฐานการผลิตได้
ทั้งนี้ผู้ประกอบชิ้นส่วนในไทยก็มีจำนวนมาก และรัฐบาลก็ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้อย่างดี
ย้อนกลับมาดูเรื่องการตลาดที่คาราคาซังอยู่ตอนนี้ การที่กำหนดเวลาการจำหน่ายรถรุ่นใหม่ออกมาล่าช้ากว่าที่คาดหมายไว้จะมีผลกระทบต่อดีลเลอร์อย่างมาก
วสันต์ให้ความเห็นว่า " MBT วางตัวชัดเจนว่าเขาไม่ยุ่งกับลูกค้า แต่ ที่ผมกลัวคือเรามีตลาดซ้อนอยู่
ซึ่งฝรั่งไม่รู้ ผมกลัวพวกนี้ ขอให้มีกำหนดออกมาเท่านั้นแหละ เพราะลูกค้าเขารอสั่ง
รอวางเงินมัดจำ รอกำหนดอย่างเดียวเท่านั้นในตอนนี้"
การรักษาฐานลูกค้าเป็นหน้าที่ของดีลเลอร์อย่างชัดเจน ซึ่ง MBT ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย
แต่หาก MBT ยังงุ่มง่าม รอให้การเจรจากับกลุ่มธนบุรีจบเรียบร้อยในทุกเรื่อง
ค่อยมาทำธุรกิจต่อนั้น เป็นเรื่องที่คิดผิดแน่ในทัศนะของคนค้าขายอย่างวสันต์
และรวมไปถึงดีลเลอร์อื่นๆ ด้วย เพราะลูกค้าในเวลานี้ต้องการรถรุ่นใหม่ (s-class)
ซึ่งในต่างประเทศ มีกำหนดออกเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้วสันต์ซึ่งเป็นดีลเลอร์ใหญ่สุดรายหนึ่งของรถเบนซ์ในเวลานี้ เขาพยายามวางตัวโลว์โปรไฟล์ที่สุด
เพราะการเจรจาที่ว่ายังไม่จบสิ้น และดูท่าจะมีปัญหายืดเยื้อด้วยซ้ำ แต่กระนั้นเขาก็มองท่าทีของบริษัทแม่ในแง่บวก
"ผมเชื่อว่าเขาจะดูแลลูกค้าได้ดี ขายให้ได้ บริการการขายและการซ่อม เท่านั้นพอ
เรื่องการบริหารอะไรนี่เป็นเรื่องข้างใน"
เบนซ์ทองหล่อของวสันต์นั้นเป็นดีลเลอร์ขายรถเบนซ์ ให้ธนบุรีพานิชมานานกว่า
20 ปี วสันต์เคยทำยอดขายได้ถึง 50% ของการขายเบนซ์ทั้งหมดในสมัยที่มีดีลเลอร์เพียง
10 กว่าราย แต่ตอนนี้สัดส่วนการขายของเขาอยู่ในระดับ 15%-17% ตกจากที่เคยทำได้
25% ในสมัยที่มียอดขายเบนซ์ถึงปีละหมื่นกว่าเมื่อช่วงเศรษฐกิจดี
เขาเล่าว่า "พอเปิดเอเยนต์เยอะขึ้น ผมก็ขายได้เป็นเปอร์เซ็นต์น้อยลง แต่ปริมาณเพิ่มเพราะตลาดใหญ่ขึ้น
ผมก็เลยกล้าลงทุนเพราะตลาดขยายใหญ่ขึ้นทุกปี ศูนย์ซ่อม ก็ไม่พอ ผมจึงขยายออกไปจนได้
5 แห่งเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา แต่มันก็เต็ม และแต่ละแห่งก็ขยายเพิ่มขึ้นเท่าตัว
ซื้อที่ข้างๆ เพิ่มขึ้นอีก ทำเสร็จแล้วก็มาขยายที่ทองหล่อนี่ต่อ"
วสันต์เล่าถึงโครงการคลับเฮ้าส์ที่ซอยทองหล่อซึ่งเป็น การขยายศูนย์บริการรองรับลูกค้า
เรือนรับรองหลังใหญ่นี้เขาหมดเงินต้นรวมดอกเบี้ยด้วยในตอนนี้ก็เป็นเม็ดเงินถึง
800 ล้านบาทเห็นจะได้ ปัจจุบันเขาเปิดเป็นร้านอาหารและตลาดนัดคนเคยรวยที่ตอนนี้เงียบเหงาลงไปบ้าง
แต่ก็ยังมีคน นำของมาแลกเปลี่ยนซื้อขายกันประปราย
วสันต์มองว่าสถานการณ์กำลังซื้อของคน(รวย)เริ่มกลับ มาแล้ว โดยเฉพาะเรื่องความมั่นใจในการใช้จ่าย
"ตอนนี้ดอกเบี้ยมันถูก คนเริ่มคิดว่าเก็บเงินไว้ก็ไม่ได้สักเท่าไหร่ซื้อ
รถมาขี่ดีกว่า ตอนนี้เริ่มแล้วและดอกเบี้ยผ่อนก็ถูกลงด้วย"
แต่สถานการณ์ของเบนซ์ทั้งเยอรมันและไทยเล่า เมื่อ ใดจะเจรจากันลงตัว ในความเห็นของวสันต์ที่พยายามโลว์
โปรไฟล์ ไม่ไปเสนอตัวในระหว่างการเจรจาของทั้งสองฝ่าย เขาให้คอมเมนต์เรื่องนี้ว่า
"เรื่องจะคุยก็คุยกันไป แต่ลูกค้าจะซื้อก็ต้องบริการเขาก่อน เงินเข้ามาจะเป็นของใครก็ได้
ผมคิดอย่างนี้จริงๆ"
แน่นอนว่าการเจรจาของสองฝ่ายคงต้องใช้เวลากันไป อีกหลายรอบ เท่าที่สอบถามล่าสุด
MBT ไม่ยอมพูดถึงเรื่องมร.ฮูดัค ส่วนกำหนดเวลาการออกรถรุ่นใหม่และราคาก็ยังรอไปก่อน
แล้ววสันต์ยังจะเป็นยักษ์หลับไปอีกนานแค่ไหน?กับการเจรจาที่ยังไม่ลงตัวของฝ่ายเยอรมันและไทย
ทำให้การขายรถไม่ง่ายเหมือนก่อนอีกต่อไป