Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2542
วสันต์ โพธิพิมพานนท์ ยักษ์หลับหรือยักษ์กำลังจะเจ๊ง?             
 


   
search resources

วสันต์ โพธิพิมพานนท์




ชื่อของชายผู้นี้โด่งดังมากในหมู่ผู้มีสตางค์ในยุคเศรษฐกิจบูมทั้งหลาย เพราะเขาเป็นเอเยนต์ขายรถเบนซ์รายใหญ่สุดในกรุงเทพมหานคร ครั้นเศรษฐกิจตกต่ำคนว่างงานในเมืองจำนวนมากก็เริ่มรู้จักเขา จากการที่เขาเป็นผู้ริเริ่มจัดโครงการตลาดนัดคนเคยรวย ขายสินค้าราคาถูก

มาบัดนี้เขาซุ่มเงียบอยู่ในวงการผู้ค้าเบนซ์ขณะที่ผู้บริหารเบนซ์ทั้งไทยและเยอรมันยังเจรจากันไม่ลงตัว แม้เขา จะมีไอเดียเรื่องการทำธุรกิจ แต่ก็ไม่มีใครเรียกเขาไปคุย วสันต์ โพธิพิมพานนท์ ออกตัวกับ "ผู้จัดการรายเดือน" ว่า "เขาคงระแวงผมหรือเปล่า ผมเลยกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่คนกลัว เยอรมันก็กลัว คุณแดงก็กลัวผมหรือเปล่า"

คุณแดงในที่นี้ก็คือพากเพียร วิริยะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและดูแลตลาดรถเบนซ์ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์มาแต่เริ่มแรกเป็นเวลายาวนานถึง 40 กว่าปี แต่มาในปีนี้กลุ่มธนบุรีพานิชต้อง ถอยฉากหลบให้แก่เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่จะเข้ามาดูแลการทำตลาดทั้งหมดในประเทศไทยด้วยตัวเอง โดยบริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)จำกัดหรือ MBT ขึ้นเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลการนำเข้า การตลาด และการขายส่งรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และจำกัดบทบาทของธนบุรี พานิชให้เป็นผู้ขายปลีกและให้บริการหลังการขาย ด้านการผลิตและประกอบรถเบนซ์บางรุ่นนั้น MBT ยังคงให้กลุ่มธนบุรีเป็นผู้ดำเนินการโดยผ่านทางบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์

ทั้งนี้กว่าที่การเจรจาจะออกมาเป็นผลลัพธ์ข้างต้นก็ใช้เวลาพูดคุยกันเป็นนาน ซึ่งในระหว่างเวลานั้นก็มีข่าวเล็ด ลอดผิดๆ ถูกๆ ออกมาเป็นระยะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดจำนวนเอเยนต์ขายรถเบนซ์ การตั้ง MBT โดยให้กลุ่มธนบุรี ร่วมถือหุ้นด้วยถึง 35% ซึ่งปรากฏว่าทั้งสองเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง

แต่กระนั้นการเจรจาระหว่าง MBT กับกลุ่มธนบุรียังไม่จบในเร็ววัน มีประเด็นอีกมากที่ยังคุยกันไม่ลงตัวและ ยังต้องใช้เวลาในการเจรจาอีกหลายยก ทว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความยืดเยื้อล่าช้าในการเจรจาคือผู้ค้ารถเบนซ์หรือ เอเยนต์ และกลุ่มลูกค้าที่ยังมีกำลังเงินและต้องการรถเบนซ์ รุ่นใหม่ๆ ที่ปรากฏโฉมในตลาดต่างประเทศแล้ว

วสันต์กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า "ทุกคนก็รอฟังเขาอยู่ ผมก็ไปจี้เขา เพราะมีคนออร์เดอร์ s-class มาเยอะมาก ผมไปจี้เขาทุกวันเลยว่าออกกำหนดเวลามาได้แล้ว ยังไม่ต้อง ออกราคามาก็ได้ แต่เอากำหนดเวลามาก่อน คุณต้องจัดให้ ลูกค้าเขาเพราะเขาจะซื้อกันแล้ว คุณทำเฉยๆ เดี๋ยว gray market ออกมา ลูกค้าไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร"

วสันต์ไม่สนใจเรื่องการเจรจาของกลุ่มธนบุรีและ MBT สักเท่าไหร่ ที่เขาต้องการในเวลานี้คือการออกกำหนดเวลาที่ ชัดเจนว่ารถเบนซ์รุ่นใหม่ๆ จะมีขายในเมืองไทยได้เมื่อไหร่ "ผมแหย่ทั้งเดือนเลยตั้งแต่หลังประชุมดีลเลอร์ที่ผ่านมา ว่าจะออกเมื่อไหร่ เห็นบอกว่าวันจันทร์(ต้นเดือนมีนาคม) จะออกมา"

ทั้งนี้ MBT เรียกดีลเลอร์เบนซ์ทั่วประเทศประชุมไปเมื่อ 29 มกราคม มีดีลเลอร์ร่วมประชุมทั้งหมด 87 ราย ซึ่งมร.ฮาร์ราลด์ ฮูดัค กรรมการผู้จัดการ MBT ประกาศว่าดีลเลอร์ทั้งหมดยังคงขายรถเบนซ์ได้ต่อไปและบริษัทฯได้ให้การช่วยเหลือในด้านต่างๆ ที่จำเป็นแล้ว

อย่างไรก็ดี หลังจากการประชุมไม่นาน ปรากฏว่ามีข่าววงในระบุว่ามร.ฮูดัคพ้นหน้าที่กรรมการผู้จัดการ MBT ไปแล้ว ทั้งที่เขาออกประกาศเชิญชวนสื่อมวลชนให้เดินทางไปดูงานมอเตอร์โชว์ในปลายเดือนมีนาคมที่เบนซ์จะเปิดตัวครั้งสำคัญ

มร.ฮูดัคเป็นผู้ที่ดูแลตลาดรถเบนซ์ไทยมานานแล้ว และติดต่อกับกลุ่มธนบุรีพานิชมาตลอดเวลา จนเข้ามาเจรจาและผลักดันให้ตั้ง MBT ขึ้นมาได้ ซึ่งการตั้งบริษัท MBT ได้สำเร็จก็อาจจะเป็นการสิ้นสุดภารกิจชิ้นหนึ่งของเขา ขณะที่ภารกิจต่อๆ ไปที่เหลือ(ซึ่งยังมีอีกมากนั้น)ก็อาจจะต้องหาคนใหม่เข้ามาเจรจากับกลุ่มธนบุรีพานิชต่อไปก็เป็นได้

คนที่มีบทบาทน่าจับตาคือ Mr.Karl-Heinz Hec-khausen ซึ่งเป็น President & CEO ของบริษัท Daimler-Benz South East Asia (Bangkok) Ltd. ดูแลตลาดไทยอยู่ด้วย คนในวงการยานยนต์ค่ายเบนซ์ให้ความเห็นไว้ด้วยว่าบริษัทแม่ของเบนซ์มองว่าจุดการเข้ามาดูแลตลาดไทย ด้วยตัวเองถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญ เพราะสามารถใช้โรงงาน ในไทยเป็นฐานการผลิตได้ ทั้งนี้ผู้ประกอบชิ้นส่วนในไทยก็มีจำนวนมาก และรัฐบาลก็ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้อย่างดี

ย้อนกลับมาดูเรื่องการตลาดที่คาราคาซังอยู่ตอนนี้ การที่กำหนดเวลาการจำหน่ายรถรุ่นใหม่ออกมาล่าช้ากว่าที่คาดหมายไว้จะมีผลกระทบต่อดีลเลอร์อย่างมาก วสันต์ให้ความเห็นว่า " MBT วางตัวชัดเจนว่าเขาไม่ยุ่งกับลูกค้า แต่ ที่ผมกลัวคือเรามีตลาดซ้อนอยู่ ซึ่งฝรั่งไม่รู้ ผมกลัวพวกนี้ ขอให้มีกำหนดออกมาเท่านั้นแหละ เพราะลูกค้าเขารอสั่ง รอวางเงินมัดจำ รอกำหนดอย่างเดียวเท่านั้นในตอนนี้"

การรักษาฐานลูกค้าเป็นหน้าที่ของดีลเลอร์อย่างชัดเจน ซึ่ง MBT ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย แต่หาก MBT ยังงุ่มง่าม รอให้การเจรจากับกลุ่มธนบุรีจบเรียบร้อยในทุกเรื่อง ค่อยมาทำธุรกิจต่อนั้น เป็นเรื่องที่คิดผิดแน่ในทัศนะของคนค้าขายอย่างวสันต์ และรวมไปถึงดีลเลอร์อื่นๆ ด้วย เพราะลูกค้าในเวลานี้ต้องการรถรุ่นใหม่ (s-class) ซึ่งในต่างประเทศ มีกำหนดออกเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้วสันต์ซึ่งเป็นดีลเลอร์ใหญ่สุดรายหนึ่งของรถเบนซ์ในเวลานี้ เขาพยายามวางตัวโลว์โปรไฟล์ที่สุด เพราะการเจรจาที่ว่ายังไม่จบสิ้น และดูท่าจะมีปัญหายืดเยื้อด้วยซ้ำ แต่กระนั้นเขาก็มองท่าทีของบริษัทแม่ในแง่บวก "ผมเชื่อว่าเขาจะดูแลลูกค้าได้ดี ขายให้ได้ บริการการขายและการซ่อม เท่านั้นพอ เรื่องการบริหารอะไรนี่เป็นเรื่องข้างใน"

เบนซ์ทองหล่อของวสันต์นั้นเป็นดีลเลอร์ขายรถเบนซ์ ให้ธนบุรีพานิชมานานกว่า 20 ปี วสันต์เคยทำยอดขายได้ถึง 50% ของการขายเบนซ์ทั้งหมดในสมัยที่มีดีลเลอร์เพียง 10 กว่าราย แต่ตอนนี้สัดส่วนการขายของเขาอยู่ในระดับ 15%-17% ตกจากที่เคยทำได้ 25% ในสมัยที่มียอดขายเบนซ์ถึงปีละหมื่นกว่าเมื่อช่วงเศรษฐกิจดี

เขาเล่าว่า "พอเปิดเอเยนต์เยอะขึ้น ผมก็ขายได้เป็นเปอร์เซ็นต์น้อยลง แต่ปริมาณเพิ่มเพราะตลาดใหญ่ขึ้น ผมก็เลยกล้าลงทุนเพราะตลาดขยายใหญ่ขึ้นทุกปี ศูนย์ซ่อม ก็ไม่พอ ผมจึงขยายออกไปจนได้ 5 แห่งเมื่อ 7-8 ปีที่ผ่านมา แต่มันก็เต็ม และแต่ละแห่งก็ขยายเพิ่มขึ้นเท่าตัว ซื้อที่ข้างๆ เพิ่มขึ้นอีก ทำเสร็จแล้วก็มาขยายที่ทองหล่อนี่ต่อ"

วสันต์เล่าถึงโครงการคลับเฮ้าส์ที่ซอยทองหล่อซึ่งเป็น การขยายศูนย์บริการรองรับลูกค้า เรือนรับรองหลังใหญ่นี้เขาหมดเงินต้นรวมดอกเบี้ยด้วยในตอนนี้ก็เป็นเม็ดเงินถึง 800 ล้านบาทเห็นจะได้ ปัจจุบันเขาเปิดเป็นร้านอาหารและตลาดนัดคนเคยรวยที่ตอนนี้เงียบเหงาลงไปบ้าง แต่ก็ยังมีคน นำของมาแลกเปลี่ยนซื้อขายกันประปราย

วสันต์มองว่าสถานการณ์กำลังซื้อของคน(รวย)เริ่มกลับ มาแล้ว โดยเฉพาะเรื่องความมั่นใจในการใช้จ่าย "ตอนนี้ดอกเบี้ยมันถูก คนเริ่มคิดว่าเก็บเงินไว้ก็ไม่ได้สักเท่าไหร่ซื้อ รถมาขี่ดีกว่า ตอนนี้เริ่มแล้วและดอกเบี้ยผ่อนก็ถูกลงด้วย"

แต่สถานการณ์ของเบนซ์ทั้งเยอรมันและไทยเล่า เมื่อ ใดจะเจรจากันลงตัว ในความเห็นของวสันต์ที่พยายามโลว์ โปรไฟล์ ไม่ไปเสนอตัวในระหว่างการเจรจาของทั้งสองฝ่าย เขาให้คอมเมนต์เรื่องนี้ว่า "เรื่องจะคุยก็คุยกันไป แต่ลูกค้าจะซื้อก็ต้องบริการเขาก่อน เงินเข้ามาจะเป็นของใครก็ได้ ผมคิดอย่างนี้จริงๆ"

แน่นอนว่าการเจรจาของสองฝ่ายคงต้องใช้เวลากันไป อีกหลายรอบ เท่าที่สอบถามล่าสุด MBT ไม่ยอมพูดถึงเรื่องมร.ฮูดัค ส่วนกำหนดเวลาการออกรถรุ่นใหม่และราคาก็ยังรอไปก่อน

แล้ววสันต์ยังจะเป็นยักษ์หลับไปอีกนานแค่ไหน?กับการเจรจาที่ยังไม่ลงตัวของฝ่ายเยอรมันและไทย ทำให้การขายรถไม่ง่ายเหมือนก่อนอีกต่อไป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us