ประวัติศาสตร์การทำธุรกิจของกลุ่มศรีวิกรม์นั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ พระยาศรีวิกรมาฑิตย์
เดิมชื่อ สงวน สิงคเนติ อดีตผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ได้ลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัวคือซื้อขายทอง
และซื้อขายที่ดิน ตั้งแต่ปี 2485
ภายหลังพระยาศรีวิกรมาฑิตย์ได้ทิ้งทรัพย์สินที่เป็นที่ดินไว้ให้เป็นมรดกกับลูกๆ
ที่เกิดจาก คุณหญิงวาศ (จาติกวณิช) 3 คนคือ ท่านผู้หญิงสมศรี, สิทธิพงศ์
และเฉลิมพันธ์
ท่านผู้หญิงสมศรี ได้สมรสกับดร.เจริญ เจริญรัชตภาคย์ และได้ที่ดินตรงถนนเพลินจิต
และแปลงใหญ่ใกล้ตลาดบางรัก สิทธิพงศ์ สมรสกับ สุภี โรจนวงศ์ ได้มรดกตรงถนนเกษร
ส่วนเฉลิมพันธ์ ได้ที่ดินตรงโรงเรียน ศรีวิกรม์และบริเวณถนนเกษร ซึ่งถูกสร้างเป็นโรงแรมเพรสซิเด้นท์มาตั้งแต่ปี
2509
ศรีวิกรม์ ยุคที่ 2 นี้ล้วนแล้วแต่ได้นำเอาที่ดินมรดกเหล่านั้นมาพัฒนาเป็นธุรกิจ
ลูกๆ ของท่านผู้หญิงสมศรี มีพี่ใหญ่คือ เกริกชัย ได้พัฒนาที่ดินตรงบางรักเป็นอาคารสูงให้เช่า
และหลังจากนั้นก็เงียบๆ ไปในเรื่องของพัฒนาที่ดิน แต่หันไปทำธุรกิจการศึกษาคือมหาวิทยาลัยรัชตภาคย์ย่านถนนรามคำแหง
ส่วนชาย, ชาญ และกรกฏ บุตรชายและบุตรสาวของสิทธิพงศ์ได้ร่วมทุนกับบริษัทควอลิตี้เฮ้าส์
ของ อนันต์ อัศวโภคิน พัฒนาที่ดินมรดกตรงถนนเกษรเป็นศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า
แต่สายที่สร้างผลงานทางด้านพัฒนาที่ดินอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วคือเฉลิมพันธ์
ที่มีคุณหญิงศศิมาเป็นคู่ชีวิต และมีบทบาทสำคัญมากในการช่วยกันบุกเบิกทำธุรกิจใหม่ๆ
จนประสบความสำเร็จ ก่อนที่จะมาประสบปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน
คุณหญิงศศิมา เป็นลูกสาวของพ.ต.อ. สวงศ์ วุฑฒินันท์ กับ ประกอบกูล อภัยวงศ์
จบการศึกษาจากประเทศอังกฤษทางด้านวิชาดนตรี หลายคนคงยังจำเพลง "REACH FOR
THE STAR" ที่ไพเราะและมีความหมายล้ำลึก ซึ่ง ทาทา ยัง ร้องในพิธีเปิดเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่
13 นั้น คุณหญิงศศิมาเป็นคนแต่งเนื้อร้องเอง ทั้งๆที่ตอนนั้นคนแต่งก็มีภาระหนักในการฟันฝ่าธุรกิจของบริษัทแผ่นดินทองฯ
และศรีวิกรม์กรุ๊ปให้พ้นจากความผันผวนทางด้านการเงิน
หลังจากแต่งงานกับเฉลิมพันธ์ คุณหญิงศศิมาก็ได้เริ่มทำธุรกิจโรงเรียนศรีวิกรม์
โดยได้เอาความคิดสมัยใหม่เข้ามาประสานกับการทำธุรกิจ ในตอนนั้นคุณหญิงอายุประมาณ
24-25 ปี เสียงคัดค้านก็เลยเกิดขึ้นว่าใครจะส่งลูกมาเรียนในโรงเรียนที่เจ้าของยังอายุน้อยนัก
แต่เธอก็ทำและยังเป็นโรงเรียนแห่งแรกที่เอาระบบโฆษณา มาลงตามหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อนและก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน
ปัจจุบันโรงเรียนศรีวิกรม์กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากที่มีแค่ระดับประถม
มัธยม ขณะนี้ได้เปิดสอนถึงระดับบริหารธุรกิจ โดยแยกเป็นโรงเรียนศรีวิกรม์บริหาร
ธุรกิจ และกำลังรอการรับรองมาตรฐาน ISO 9002 ซึ่ง จะทำให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น
คุณหญิงศศิมามอบให้ทยา บุตรสาวคนเล็กเป็นผู้เข้ามาดูแลและเป็นผู้บริหารคนหนึ่งของโรงเรียน
ร่วมกับคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ
โรงเรียนศรีวิกรม์เป็นหนึ่งในธุรกิจของตระกูลที่น่าจับตามองในขณะที่ธุรกิจสายอื่นๆ
กำลังเจอกับมรสุม
จากปี 2510 ที่ก่อตั้งโรงเรียน และงานบริหารโรงแรมเพรสิเด้นท์โฮเต็ล ซึ่งเป็นธุรกิจในยุคแรกๆ
บริษัทต่างๆ ในเครือก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ กว่า 30 บริษัท มีทั้งบริษัททางด้านอุตสาหกรรมพรมไทย
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ศรีธนา โดยเฉพาะบริษัททางด้านพัฒนาที่ดินในช่วงปี
2537 ถึงปี 2539 นั้นมีกว่า 20 บริษัท
ทุกบริษัทจะถูกถือหุ้นโดยมีบริษัทศรีวิกรม์โฮลดิ้ง คัมปะนี ซึ่งมี เฉลิมพันธ์
คุณหญิง และลูกๆ ทั้ง 4 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
แต่หลังจากเกิดวิกฤติทางการเงินเป็นต้นมา บริษัทที่เคยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของครอบครัวนี้ก็ประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง
เช่น บริษัทเงินทุนถูกสั่งปิด บริษัทอุตสาหกรรมพรมไทย ที่มี พิมล ศรีวิกรม์
บุตรชายคนโต เป็นผู้ดูแลกำลังขาดทุนอย่างหนัก และอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารไทยทนุเจ้าหนี้รายใหญ่
ส่วนบริษัททางด้านอสังหาริมทรัพย์นั้นหลายบริษัทต้องปิดไป บางโครงการแบงก์เจ้าหนี้ก็ยึดไปจัดการ
ที่เหลือคือธุรกิจในบริษัทแผ่นดินทองฯที่ต้องคอยดูกันต่อไป ส่วนแลนด์แบงก์ที่เคยมีมหาศาลนั้นคุณหญิงบอกว่าตัดขายชำระหนี้ไปเกือบหมดแล้ว
เหลือเพียงที่ดินบางส่วนในอำเภอเชียงของและที่ดินแปลงอื่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ธุรกิจอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจของกลุ่มนี้ก็คือตัวโรงแรมเพรสซิเด้นท์ ซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่บนถนนเกษรและได้มีการสร้างตึกใหม่เมื่อปี
2535 เสร็จเรียบร้อยเมื่อประมาณปี 2541 เป็นโรงแรมที่สวยงามใหญ่โตมาก แต่เป็นเพราะการก่อสร้างเริ่มในยุคเงินฝืด
เลยฉุดให้ยอดรายได้ของโรงแรมทั้งหมดลดต่ำลง จากปี 2538 เป็นต้นมาโรงแรมแห่งนี้ก็เลยขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
และที่เจ็บปวดมากที่สุดก็คือการขาดทุนจากการลดค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 ถึง
600 กว่าล้านบาท
โรงแรมนี้มีผู้ถือหุ้น 2 กลุ่มใหญ่คือศรีวิกรม์สายของเฉลิมพันธ์กับลูกๆ
ทั้ง 4 และสายของท่านผู้หญิงสมศรี และลูกชายทั้ง 3
ปัจจุบันจำนวนห้องพักของโรงแรมบนตึกใหม่นี้กำลังทยอยเปิดเพิ่มไปเรื่อย
พร้อมๆ กับเปิดขายในส่วนที่ เป็นพื้นที่ออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม ซึ่งหากเศรษฐกิจฟื้นตัวอีกรอบเมื่อไหร่ก็น่าจะเป็นโครงการแรกๆ
ที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าโครงการอื่นๆ เพราะอยู่ในทำเลที่ดีมากโครงการหนึ่ง
ในวัย 60 ปีคุณหญิงยังจำเป็นต้องทำงานหนัก ชัยยุทธ์ลูกชายคนที่ 2 เคยพูดกับนักข่าวว่า
จะหาภรรยาให้เก่ง และมีความสามารถเหมือนคุณแม่คงทำได้ยาก ในขณะเดียวกันคุณหญิงก็บอกว่าท่านแยกได้ในเรื่องของการทำงาน
เรื่องส่วนตัว หรือแม้แต่งานแต่งเพลงที่ชื่นชอบ
มีประโยคหนึ่งที่ผู้ใกล้ชิดเคยเล่าให้ "ผู้จัดการรายเดือน" ฟังอย่างประทับใจว่า
ลูกๆ เคยโทรศัพท์มานัดแนะคุณหญิงไปพักผ่อนต่างประเทศ โดยจะให้ไปพร้อมๆ กันแต่คุณหญิงกลับตอบว่า
"ถ้าไปเที่ยวกันหมด แม่จะทิ้งพ่อไว้คนเดียวได้อย่างไร"
ท่ามกลางภาระหน้าที่ที่แบกไว้ ส่วนหนึ่งของเนื้อเพลง "REACH FOR THE STAR"
นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่เป็นกำลังใจให้คุณหญิงเองไม่ยอมแพ้ และฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ
ในการทำธุรกิจไปจนตลอดรอดฝั่งเพื่อเป็นมรดกให้ ศรีวิกรม์รุ่นหลังๆ ต่อไป