Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2542
"ภูเก็ตแฟนตาซี" ของผิน คิ้วไพศาล มีซาฟารีเวิลด์เป็นเดิมพัน             
 


   
search resources

ภูเก็ตแฟนตาซี, บมจ.
ซาฟารีเวิลด์, บมจ.
ผิน คิ้วคชา




ในวัย 55 ปี ผิน คิ้วไพศาลกำลัง ก้าวไกลไปกว่าคู่แข่งในวงการ เดียวกันอีกครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2537 นั้นเขาสามารถนำเอาบริษัทซาฟารีเวิลด์ ซึ่งทำธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในลักษณะของสวนสัตว์ ฝ่าด่านกฎเหล็กของคณะกรรมการตลาดหลัก ทรัพย์เข้าไปได้ และหลังจากนั้น เขา ก็เกิดจินตนาการโครงการใหม่ที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาอีก

เกือบ 3 ปี นอกจากงานบริหารโครงการซาฟารีเวิลด์ ผินก็ทุ่ม เทเวลาทั้งหมดให้กับโครงการใหม่ "ภูเก็ตแฟนตาซี" มหาอาณาจักรความบันเทิงแห่งวัฒนธรรมไทย จุด ดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ ณ พื้น ที่ 350 ไร่ บริเวณหาดกมลา จังหวัด ภูเก็ต ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตามความคิดฝันของผินได้สำเร็จลง และเปิดบริการไปแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2542

การคิดงานใหญ่ที่ไม่เหมือนใครแต่ละครั้งของผินล้วนแล้วแต่สร้างความตื่นเต้นให้ผู้ร่วมถือหุ้นหายใจไม่ทั่วท้อง คราวนี้ก็เหมือนกัน แต่คงต้องลุ้นระทึกกันยิ่งกว่าเพราะถ้าพลาด งานนี้มีซาฟารีเวิลด์เป็นเดิมพัน

ผินเคยล้มลุกคลุกคลานกับการบุกเบิกโครงการซาฟารี เวิลด์สวนสัตว์เปิดแห่งแรกในประเทศไทย จนต้องปิดกิจการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็สามารถสร้างฐานะการเงินให้แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

ภูเก็ตแฟนตาซีก็เช่นกัน เกิดขึ้นเพราะเขามั่นใจในศักยภาพของการเป็นเมืองท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ จุดขาย ใหญ่ในโครงการจึงประกอบไปด้วย 1. หมู่บ้านหรรษา ซึ่งเป็นดินแดนแห่งการชอปปิ้ง ซึ่งได้รวบรวมสินค้าพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย 2. "มโนราห์ทอง" ภัตตาคาร บุฟเฟต์ที่ยิ่งใหญ่ขนาด 4,000 ที่นั่ง และ 3. วังไอยรา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงละครขนาดใหญ่ 3,000 ที่นั่ง ซึ่งเน้นในเรื่อง ของไฮเทคโนโลยีมาประกอบการแสดง เช่น ระบบ 4 มิติเลเซอร์แสงสีเสียงสเปเชียลเอฟเฟกต์ เมจิกส์อิลลูชั่น ผสมผสานกับการนำเสนอวรรณคดี และศิลปะการแสดงของไทย

ผินมั่นใจว่า จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 80% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในภูเก็ตปีละ ประมาณ 2-3 ล้านคน ในอดีตผินเคยทำให้ซาฟารีเวิลด์ถูกบรรจุในโปรแกรมทัศนะศึกษาของโรงเรียนต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ได้แล้ว คราวนี้ผินก็หวังว่าบริษัททัวร์ต่างๆ จะบรรจุโปรแกรม ของภูเก็ตแฟนตาซีไว้ในรายการด้วยเช่นกัน

ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผน โครงการนี้ก็คงผ่านฉลุย แต่ถ้าหากพลิคล็อกมีวิกฤติการเงินเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวลดน้อยลง เขาก็จะหันมาโปรโมตคนไทยภายในประเทศแทน โดยตอนนี้ได้เตรียมรถโค้ชใหญ่เตรียมไว้ 10 คันขึ้นไปถึง 100 คัน ในการที่จะนำลูกค้าจากจังหวัดต่างๆ เข้ามาเที่ยวที่โครงการโดยซื้อบัตร ใบเดียว แล้วนั่งรถมาภูเก็ตไปกลับฟรี ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นลูกค้ากลุ่มรายได้ปานกลาง และทั่วไป ซึ่งไม่ต้องไปเสียค่า ใช้จ่ายจำนวนมากในเรื่องค่าโรงแรม

ภูเก็ตแฟนตาซี ได้ทำการศึกษาในช่วงเริ่มต้นโครงการไว้ว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1,600 ล้านบาท จะเป็นการ ลงทุนของบริษัทเอง 500 ล้านบาท เงินกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ 400 ล้านบาท และบริษัทเงินทุนธนสยามอีก 700 ล้านบาท และวางแผนไว้ว่าโปรเจ็กต์นี้จะเปิดได้ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2541 แต่หลังจากประกาศใช้ระบบเงินแบบค่าเงินบาทลอยตัว ได้ส่งผลกระทบให้กับโครงการนี้อย่างจัง เพราะต้องจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์และมีค่าจัดทำการแสดงจากต่างประเทศเป็นเงินเหรียญสหรัฐ ค่าอุปกรณ์การจัดทำเทคนิคพิเศษที่จะต้องจัดซื้อเพิ่มเติม และค่าดอกเบี้ยของเงินทุนในโครงการเพิ่มขึ้น และที่สำคัญกระเป๋าเงินใบใหญ่ คือธนสยามนั้นได้ถูกสั่งปิด ปัญหาต่างๆ ทางการเงินก็เลยประดังกันเข้ามา จนในที่สุดเมื่อถึงคราวเปิดตัวโครงการได้จริงๆ ผินได้ยืนยันว่า งบประมาณการลงทุนได้เพิ่มขึ้นเป็น 3,200 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับเพิ่มขึ้นสูงเกือบเท่าตัว

ในขณะเดียวกันเมื่อย้อนกลับมาดูสถานการณ์ของบริษัทแม่คือซาฟารีเวิลด์เองนั้น ก็ได้รับผลกระทบในเรื่องจำนวนผู้เที่ยวเช่นกัน ถึงแม้จะมีผู้ชมชาวต่างประเทศเพิ่มขึ้น แต่ยังเพิ่มน้อยกว่าจำนวนคนไทยที่ลดลง ดังนั้นผู้เข้าชมรวมในปี 2540 จึงมีเพียง 2.147 ล้านคน ในขณะที่ปี 2539 มีจำนวนถึง 2.435 ล้านคน ทำให้กำไรที่เคยได้ประมาณ 143 ล้านบาทในปี 2539 ก็เหลือเพียง 77 ล้านบาทเท่านั้น

แน่นอนเม็ดเงินของกำไรส่วนหนึ่งถูกนำไปลงทุนในโครงการใหม่ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ผินตั้งความหวังไว้ว่า รายได้จาก 2 บริษัทนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 2 พันล้านบาทต่อ
ปีและก็เอาใช้หนี้ไปประมาณ 1,500 ล้านบาท เหลือเป็นเงินสดหมุนเวียนใช้จ่ายประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี

แต่ถ้าพลาด ซาฟารีเวิลด์ย่อม ได้รับผลกระทบไปด้วยแน่นอน

จะว่าไปแล้วผินเคยเจอปัญหา หลากรูปแบบกับเศรษฐกิจที่ผันผวน เพราะก่อนที่จะมาสร้างอาณาจักรในซาฟารีเวิลด์ ผินคือผู้ที่ก่อตั้งบริษัทเงินทุนเฟิสท์ทรัสต์เมื่อปี 2514 และสามารถทำให้เป็นบริษัทเงินทุนที่ดังมาก มีวงเงินฝากสูงในระดับต้นๆ ใน ปี 2521 ทั้งๆ ที่ไม่มีธนาคารถือหุ้นเป็น หลักประกันความมั่นคง แต่หลังจากบริษัท ราชาเงินทุนล้ม เฟิสท์ ทรัสต์ก็พลอยมีปัญหาไปด้วยเพราะคนพากันตามแห่มาถอนเงินจากทรัสต์ ต่างๆ กันเป็นส่วนใหญ่ และในที่ สุดต้องถูกถอนใบอนุญาตไปเมื่อปี 2527

นอกจากความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินเป็นส่วนตัวแล้ว ผินยังมี มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคอยดูแลในเรื่องกฎ-หมายต่างๆ อย่างใกล้ชิด มีกิตติกร และโสภิดา คิ้วไพศาล ซึ่งเป็นลูกชายและลูกสาวซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาช่วยดูแลโครงการนี้และเป็นกำลังหลักตั้งแต่ต้น โดยที่ลูกสาวคนโตดูแลทางเรื่องฝ่ายขายและจัดซื้อ ส่วนลูกชายเป็นกรรมการและรองผู้จัดการใหญ่ดูแลเรื่องการแสดง

ดังนั้นงานใหญ่คราวนี้เห็นทีจะได้พิสูจน์ฝีมือคนตระกูลคิ้วไพศาล อีกครั้ง!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us