ในวัย 55 ปี ผิน คิ้วไพศาลกำลัง ก้าวไกลไปกว่าคู่แข่งในวงการ เดียวกันอีกครั้ง
ครั้งแรกเมื่อปี 2537 นั้นเขาสามารถนำเอาบริษัทซาฟารีเวิลด์ ซึ่งทำธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในลักษณะของสวนสัตว์
ฝ่าด่านกฎเหล็กของคณะกรรมการตลาดหลัก ทรัพย์เข้าไปได้ และหลังจากนั้น เขา
ก็เกิดจินตนาการโครงการใหม่ที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาอีก
เกือบ 3 ปี นอกจากงานบริหารโครงการซาฟารีเวิลด์ ผินก็ทุ่ม เทเวลาทั้งหมดให้กับโครงการใหม่
"ภูเก็ตแฟนตาซี" มหาอาณาจักรความบันเทิงแห่งวัฒนธรรมไทย จุด ดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่
ณ พื้น ที่ 350 ไร่ บริเวณหาดกมลา จังหวัด ภูเก็ต ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตามความคิดฝันของผินได้สำเร็จลง
และเปิดบริการไปแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2542
การคิดงานใหญ่ที่ไม่เหมือนใครแต่ละครั้งของผินล้วนแล้วแต่สร้างความตื่นเต้นให้ผู้ร่วมถือหุ้นหายใจไม่ทั่วท้อง
คราวนี้ก็เหมือนกัน แต่คงต้องลุ้นระทึกกันยิ่งกว่าเพราะถ้าพลาด งานนี้มีซาฟารีเวิลด์เป็นเดิมพัน
ผินเคยล้มลุกคลุกคลานกับการบุกเบิกโครงการซาฟารี เวิลด์สวนสัตว์เปิดแห่งแรกในประเทศไทย
จนต้องปิดกิจการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็สามารถสร้างฐานะการเงินให้แข็งแกร่งขึ้นหลังจากการเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์
ภูเก็ตแฟนตาซีก็เช่นกัน เกิดขึ้นเพราะเขามั่นใจในศักยภาพของการเป็นเมืองท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ
จุดขาย ใหญ่ในโครงการจึงประกอบไปด้วย 1. หมู่บ้านหรรษา ซึ่งเป็นดินแดนแห่งการชอปปิ้ง
ซึ่งได้รวบรวมสินค้าพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ของความเป็นไทย 2. "มโนราห์ทอง"
ภัตตาคาร บุฟเฟต์ที่ยิ่งใหญ่ขนาด 4,000 ที่นั่ง และ 3. วังไอยรา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงละครขนาดใหญ่
3,000 ที่นั่ง ซึ่งเน้นในเรื่อง ของไฮเทคโนโลยีมาประกอบการแสดง เช่น ระบบ
4 มิติเลเซอร์แสงสีเสียงสเปเชียลเอฟเฟกต์ เมจิกส์อิลลูชั่น ผสมผสานกับการนำเสนอวรรณคดี
และศิลปะการแสดงของไทย
ผินมั่นใจว่า จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 80% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาในภูเก็ตปีละ
ประมาณ 2-3 ล้านคน ในอดีตผินเคยทำให้ซาฟารีเวิลด์ถูกบรรจุในโปรแกรมทัศนะศึกษาของโรงเรียนต่างๆ
ทั่วกรุงเทพฯ ได้แล้ว คราวนี้ผินก็หวังว่าบริษัททัวร์ต่างๆ จะบรรจุโปรแกรม
ของภูเก็ตแฟนตาซีไว้ในรายการด้วยเช่นกัน
ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผน โครงการนี้ก็คงผ่านฉลุย แต่ถ้าหากพลิคล็อกมีวิกฤติการเงินเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวลดน้อยลง
เขาก็จะหันมาโปรโมตคนไทยภายในประเทศแทน โดยตอนนี้ได้เตรียมรถโค้ชใหญ่เตรียมไว้
10 คันขึ้นไปถึง 100 คัน ในการที่จะนำลูกค้าจากจังหวัดต่างๆ เข้ามาเที่ยวที่โครงการโดยซื้อบัตร
ใบเดียว แล้วนั่งรถมาภูเก็ตไปกลับฟรี ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นลูกค้ากลุ่มรายได้ปานกลาง
และทั่วไป ซึ่งไม่ต้องไปเสียค่า ใช้จ่ายจำนวนมากในเรื่องค่าโรงแรม
ภูเก็ตแฟนตาซี ได้ทำการศึกษาในช่วงเริ่มต้นโครงการไว้ว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ
1,600 ล้านบาท จะเป็นการ ลงทุนของบริษัทเอง 500 ล้านบาท เงินกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์
400 ล้านบาท และบริษัทเงินทุนธนสยามอีก 700 ล้านบาท และวางแผนไว้ว่าโปรเจ็กต์นี้จะเปิดได้ตั้งแต่เดือน
กุมภาพันธ์ 2541 แต่หลังจากประกาศใช้ระบบเงินแบบค่าเงินบาทลอยตัว ได้ส่งผลกระทบให้กับโครงการนี้อย่างจัง
เพราะต้องจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์และมีค่าจัดทำการแสดงจากต่างประเทศเป็นเงินเหรียญสหรัฐ
ค่าอุปกรณ์การจัดทำเทคนิคพิเศษที่จะต้องจัดซื้อเพิ่มเติม และค่าดอกเบี้ยของเงินทุนในโครงการเพิ่มขึ้น
และที่สำคัญกระเป๋าเงินใบใหญ่ คือธนสยามนั้นได้ถูกสั่งปิด ปัญหาต่างๆ ทางการเงินก็เลยประดังกันเข้ามา
จนในที่สุดเมื่อถึงคราวเปิดตัวโครงการได้จริงๆ ผินได้ยืนยันว่า งบประมาณการลงทุนได้เพิ่มขึ้นเป็น
3,200 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับเพิ่มขึ้นสูงเกือบเท่าตัว
ในขณะเดียวกันเมื่อย้อนกลับมาดูสถานการณ์ของบริษัทแม่คือซาฟารีเวิลด์เองนั้น
ก็ได้รับผลกระทบในเรื่องจำนวนผู้เที่ยวเช่นกัน ถึงแม้จะมีผู้ชมชาวต่างประเทศเพิ่มขึ้น
แต่ยังเพิ่มน้อยกว่าจำนวนคนไทยที่ลดลง ดังนั้นผู้เข้าชมรวมในปี 2540 จึงมีเพียง
2.147 ล้านคน ในขณะที่ปี 2539 มีจำนวนถึง 2.435 ล้านคน ทำให้กำไรที่เคยได้ประมาณ
143 ล้านบาทในปี 2539 ก็เหลือเพียง 77 ล้านบาทเท่านั้น
แน่นอนเม็ดเงินของกำไรส่วนหนึ่งถูกนำไปลงทุนในโครงการใหม่ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ผินตั้งความหวังไว้ว่า รายได้จาก 2 บริษัทนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 2 พันล้านบาทต่อ
ปีและก็เอาใช้หนี้ไปประมาณ 1,500 ล้านบาท เหลือเป็นเงินสดหมุนเวียนใช้จ่ายประมาณ
500 ล้านบาทต่อปี
แต่ถ้าพลาด ซาฟารีเวิลด์ย่อม ได้รับผลกระทบไปด้วยแน่นอน
จะว่าไปแล้วผินเคยเจอปัญหา หลากรูปแบบกับเศรษฐกิจที่ผันผวน เพราะก่อนที่จะมาสร้างอาณาจักรในซาฟารีเวิลด์
ผินคือผู้ที่ก่อตั้งบริษัทเงินทุนเฟิสท์ทรัสต์เมื่อปี 2514 และสามารถทำให้เป็นบริษัทเงินทุนที่ดังมาก
มีวงเงินฝากสูงในระดับต้นๆ ใน ปี 2521 ทั้งๆ ที่ไม่มีธนาคารถือหุ้นเป็น หลักประกันความมั่นคง
แต่หลังจากบริษัท ราชาเงินทุนล้ม เฟิสท์ ทรัสต์ก็พลอยมีปัญหาไปด้วยเพราะคนพากันตามแห่มาถอนเงินจากทรัสต์
ต่างๆ กันเป็นส่วนใหญ่ และในที่ สุดต้องถูกถอนใบอนุญาตไปเมื่อปี 2527
นอกจากความเชี่ยวชาญทางด้านการเงินเป็นส่วนตัวแล้ว ผินยังมี มีชัย ฤชุพันธุ์
เป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคอยดูแลในเรื่องกฎ-หมายต่างๆ อย่างใกล้ชิด
มีกิตติกร และโสภิดา คิ้วไพศาล ซึ่งเป็นลูกชายและลูกสาวซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาช่วยดูแลโครงการนี้และเป็นกำลังหลักตั้งแต่ต้น
โดยที่ลูกสาวคนโตดูแลทางเรื่องฝ่ายขายและจัดซื้อ ส่วนลูกชายเป็นกรรมการและรองผู้จัดการใหญ่ดูแลเรื่องการแสดง
ดังนั้นงานใหญ่คราวนี้เห็นทีจะได้พิสูจน์ฝีมือคนตระกูลคิ้วไพศาล อีกครั้ง!