Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2542
ยูนิไบรด์ ชะลอส่งออก มุ่งเป้าตลาดในประเทศ             
 


   
search resources

ยูนิไบรด์




ยูนิไบรด์ก่อกำเนิดขึ้นในปี 2537 จากการที่ โสภณ-สุพัตรา หลายชูไทย ได้เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมชุดวิวาห์ในประเทศ ทั้งที่แต่เดิมครอบครัวหลายชูไทยได้เริ่มต้นทำธุรกิจชุดวิวาห์ เพื่อการส่งออกเป็นหลักมานานนับ 10 ปี อันเป็นการต่อยอดธุรกิจของโรงเรียนสอนตัดเสื้อธรรมรัตน์ ซึ่งเป็นของมารดาของสุพัตรา ผู้เป็นทายาท สาวคนเดียวที่มารดาตั้งความหวังให้สานต่อธุรกิจชุดวิวาห์ โดยงานทางด้านส่งออกใช้ชื่อบริษัทว่า "เอไทย ยูนิเทรด" ดำเนินธุรกิจส่งออก ในลักษณะของ OEM คือ ผลิตชุดวิวาห์ตามแบบที่กำหนดมา และส่วนใหญ่จะเป็นงานฝีมือที่ใช้ความละเอียดอ่อน ประณีต เน้นการปักฉลุลวดลายต่างๆ ลงบนผืนผ้า ซึ่งจะผลิตเพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น ทำให้ราคาของชุดในกลุ่มนี้จะค่อนข้างสูงและเน้นที่กลุ่มลูกค้าระดับ B+ ขึ้นไป

ต่อมา อเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลักได้ประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคหันมาคำนึงถึงราคาสินค้ากันมากขึ้น และในช่วงนั้นเองที่ทำให้ประเทศจีน และไต้หวัน ผงาดขึ้น จากการผลิตชุดวิวาห์ที่มีราคาถูกลง เนื่องจากการผลิตของจีนและไต้หวันเป็นลักษณะ MASS ที่มีการผลิตจำนวนมากๆ และมีกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ละเอียด ซับซ้อน ทำให้ชุดวิวาห์ที่ประดับด้วยลูกไม้อย่างง่ายๆ กลับ กลายเป็นที่นิยมในตลาด ในขณะที่ตลาดชุดวิวาห์ที่เน้นการตกแต่งที่ประณีตก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ประกอบกับความที่เป็นคนรุ่นใหม่ของครอบครัวหลายชูไทย ทำให้แนวคิดในการดำเนินธุรกิจไม่ประสานกับความคิดแบบอนุรักษนิยมของมารดา สุพัตราและสามีจึงได้ตัดสินใจแยกตัวออกมาดำเนินธุรกิจเอง

"เราเริ่มทำชุดวิวาห์ส่งออกตั้งแต่สมัยที่อยู่กับโรงเรียน สอนตัดเสื้อธรรมรัตน์ ซึ่งพอเราเริ่มมาทำเราก็ต้องการปรับปรุง ให้ดีขึ้น แต่ความเห็นไม่ตรงกัน เราก็เลยคิดว่าแยกออกมาทำเองดีกว่า ประกอบกับ หากอยู่ที่ธรรมรัตน์ต่อไปก็มีปัญหา เรื่องสถานที่ที่คับแคบ และบังเอิญเรามาได้ที่ดินที่สุขาภิบาล 2 แห่งนี้ ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนมุสลิมที่มีฝีมือในการทำงานปักฉลุที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย" สุพัตราเล่า และในช่วงที่เธอและสามีตัดสินใจแยกตัวออกมาจากธรรมรัตน์ ภาวะการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยกำลังเริ่มเกิดปัญหา ในเรื่องของค่าแรงที่สู้จีนหรือไต้หวันไม่ได้ ประกอบกับในแง่ของแบรนด์ที่ผู้ส่งออกไทยเองยังไม่มีการสร้างแบรนด์ขึ้น มาสู้กับแบรนด์อินเตอร์ นี่คือจุดอ่อนของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ผู้ส่งออกทั้งหลายเริ่มให้ความสำคัญกับแบรนด์ของตัวเองมากขึ้น และ "ยูนิไบรด์" ก็เป็นแบรนด์หนึ่งที่ออกไปสู่สายตาชาวโลกแล้ว เพียงแต่รอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จ

ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสร้างแบรนด์ของสินค้าไทยให้มีความแข็งแกร่งทัดเทียมแบรนด์สากล การพัฒนาแบรนด์ ต้องอาศัยกระบวนการทางเวลาที่เป็นไปตามขั้นตอน จะข้ามขั้นไม่ได้ ดังนั้นในระหว่างนี้สิ่งที่ผู้ส่งออกจะทำได้ก็คือ พยายามค้นหาเอกลักษณ์และพยายามขายเอกลักษณ์ออกไปสู่ตลาดโลก อย่างเช่นในกรณีของยูนิไบรด์ที่พยายามขาย ความเป็นชุดวิวาห์ที่ประณีต และแสดงความเป็นไทย ออกสู่ ตลาดสากล ด้วยการสร้างความรู้สึกร่วมว่า "หากจะใช้ชุด
วิวาห์ผ้าไหมที่เป็นลายปักฉลุหรือแฮนด์เมดจะต้องนึกถึงชุด วิวาห์ของเมืองไทย" แต่ถ้าเป็นตลาดในประเทศ จะเน้นที่ความหลากหลาย ไม่เจาะจงไปที่รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

ปัจจุบันยูนิไบรด์ได้หันมาให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้น โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นถึง 70% จากเดิมที่มีเพียง 30% ซึ่งยูนิไบรด์ได้แบ่งความต้องการชุดวิวาห์ตามรสนิยมของเจ้าสาวไทยออกเป็น 3 กลุ่มคือ สไตล์ยุโรป ที่เน้นความเรียบหรู, สไตล์อเมริกัน ที่เน้นตามแฟชั่นที่ทันสมัยและสไตล์โอเรียลทอล ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมผ้าไหมที่ตกแต่งด้วยงานฝีมือ ปักฉลุลวดลาย หรือการปักมุกเลื่อมทอง อลังการ ซึ่งทางยูนิไบรด์มีคอลเลกชั่นชุดวิวาห์ไว้ตอบสนอง ความต้องการของลูกค้าคนไทยได้ครบทุกกลุ่ม

นอกจากนั้น ยูนิไบรด์ยังมีบริการ EXCLUSIVE DESIGN สำหรับเจ้าสาวที่มีความฝันและจินตนาการชุดวิวาห์ เป็นของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร เป็นชุดวิวาห์ที่พิเศษสุด แทบจะเรียกได้ว่ามีชุดเดียวในโลก และบริการ CUSTOMER MODIFY คือ เมื่อเจ้าสาวมาเห็นชุดที่ร้านแล้ว อยากจะดัดแปลง หรือแต่งเติมเพิ่มขึ้นตามความต้องการของเจ้าสาว ทางร้านก็จะทำให้ใหม่ ซึ่งกรณีนี้ก็จะทำให้เกิดชุดวิวาห์ในรูปแบบใหม่ขึ้นมาอีก

ซึ่งอัตราค่าเช่าชุดของยูนิไบรด์จะอยู่ที่ประมาณ 7,900 บาทต่อชุด สำหรับผ้าทั่วไป และ 10,000 บาทขึ้นไปสำหรับ ผ้าลูกไม้ฝรั่งเศส และถ้าเป็นการเช่าตัด เมื่อใช้ชุดเสร็จแล้ว ก็นำมาคืนร้านจะอยู่ที่ประมาณ 12,000 - 20,000 บาท ส่วน ถ้าลูกค้าต้องการซื้อชุดกลับไปเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองราคา ก็จะเพิ่มขึ้นตามรูปแบบที่ตัดเย็บออกมา

สำหรับการแข่งขันเชิงธุรกิจ ยูนิไบรด์จะเน้นที่ความหลากหลาย โดยพยายามหนีในเรื่องของดีไซน์ 1 สเต็ปไปข้างหน้าอยู่เสมอ เนื่องจากทุกวันนี้ยูนิไบรด์ได้รับผลกระทบ จากการถูกลอกเลียนแบบ

"คู่แข่งที่สำคัญจริงๆ แล้วเป็นตัวเราเอง ปัจจุบันเจ้าสาวส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกชุดวิวาห์ โดยไม่ได้เอาราคามาเป็นเครื่องตัดสิน แต่ยึดเอาความพอใจเป็นหลัก ฉะนั้นการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นจึงไม่น่ากลัวเท่ากับ การที่เราไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายของเราโดยตรงด้วย" เป็นมุมมองของนักธุรกิจหนุ่ม

"อุตสาหกรรมชุดวิวาห์จะสามารถอยู่รอดต่อไปได้ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ยกเว้นแต่ว่าจะเกิดสงคราม" คำกล่าวนี้ดูจะตรงกับสุภาษิตไทยโบราณที่ว่า "น้ำซึมบ่อทราย" มาก เนื่องจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรง กับยอดขายชุดวิวาห์เท่ากับผลกระทบที่เกิดจากโหราศาสตร์ โดยตั้งแต่มีการลดค่าเงินบาทในปีž40 เป็นต้นมา คู่รักก็ยังคงแต่งงานสร้างครอบครัวกันตามปกติ เพียงแต่อาจจะมีการคำนึงถึงการใช้จ่ายอย่างประหยัดมาก ขึ้น และปีที่ย่ำแย่ที่สุดของธุรกิจชุดวิวาห์นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ค่าเงินบาทมาก็คือในปีž41 ซึ่งเป็นปีเสือ และเป็นปีที่คู่รักไม่นิยมแต่งงานกันเท่าที่ควร ดังนั้นยอดขายอาจจะลดลงไปบ้าง แต่สำหรับปีž42 นี้เป็นปีส่งท้ายศตวรรษที่ 20 กำลังจะก้าวสู่คริสต์ศตวรรษใหม่ คู่รักจึงนิยมลงเอยกันในปีนี้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ของความรักในปีค.ศ.2000 หรือปีมังกรทอง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us