Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มิถุนายน 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ มิถุนายน 2542
กลยุทธ์เยนเนอรัล อิเลคทริค รุกขยายกิจการ             
 


   
search resources

จีอี พลาสติกส์




หากกล่าวถึงบริษัทข้ามชาติที่รุก คืบเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยโดยถือโอกาสวิกฤติเศรษฐกิจเป็นบันไดไต่เต้าให้เจริญรุ่งเรือง ที่คุ้นหูกันมาก คือ โกลด์แมน แซกส์ และเยนเนอรัล อิเลคทริค(จีอี) โดย ในสายตาคนไทยสำหรับสองยักษ์ใหญ่ คือการพยายามครอบงำกิจการ ที่ได้รับบาดเจ็บจากพิษเศรษฐกิจแต่ มีอนาคตในระยะยาว ซึ่งฝ่ายโกลด์ แมนแซกส์ บริษัทวาณิชธนกิจแห่งนี้จะมุ่งเน้นในสิ่งที่คิดว่าเป็นชิ้นส่วนที่ขาดหายไป ก็คือ การเพิ่มประสิทธิ ภาพให้แก่ภาคการจัดการสินทรัพย์และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง สังเกตได้จากการเข้าร่วมประมูลสินทรัพย์จาก ปรส. ที่โกลด์แมน แซกส์ ได้สัดส่วนไปชนิดที่คู่แข่งกระทำได้เพียงแค่ความอิจฉา ขณะที่ จีอี รุกคืบในลักษณะลงทุนโดยตรงมากกว่าจากที่เคยเป็นผู้นำเข้ากลายมาเป็นผู้ผลิต

มรดกทางประวัติศาสตร์ของจีอี มีจุดเริ่มต้นย้อนหลังไปถึงสมัยโทมัส เอ. เอดิสัน ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟ และผลิตกระแสไฟฟ้าในทศวรรษ 1870 และ 1880 ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เอดิสัน อิเลคทริค ในปี 2421 ต่อมาปี 2435 ได้ มีการรวมกิจการบริษัท เอดิสัน อิเลคทริค กับบริษัททอม สัน-ฮุสตัน อิเลคทริคเข้าด้วยกัน และกลายมาเป็นบริษัทเยนเนอรัล อิเลคทริค(จีอี) ในปัจจุบันที่เจริญรุ่งเรืองมาอย่าง ต่อเนื่อง และขยายการลงทุนไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก มีธุรกิจอยู่ในมือ 12 ธุรกิจ ล่าสุดปี 2541 สร้างรายได้ 100,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,768,750 ล้านบาท โดย 43% ของรายได้รวมหรือ 42,800 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นรายได้จากการลงทุนนอกสหรัฐอเมริกา

ยุทธศาสตร์การเติบโตของจีอีโดยการขยายกิจการทั่วโลก เน้นขยายฐานธุรกิจของบริษัทในเอเชีย กระจายฐานผลิตสินค้าและชิ้นส่วนประกอบออกไปทั่วโลก และกระจายการสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพออกไปทั่วโลก เพื่อผลักดันธุรกิจของตัวเองเข้าสู่สหัสวรรษที่ 3 ซึ่งแนวทางเหล่านี้ไม่เกินความเป็นจริงที่จีอีจะไขว่คว้าและตอกย้ำคำกล่าว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของจีอี จอห์น เอฟ. เวลช์ "เราอยากจะให้คุณภาพเป็นสิ่งพิเศษ มีคุณค่าต่อลูกค้าและสำคัญต่อความสำเร็จของลูกค้า จนกระทั่งผลิตภัณฑ์ของเรากลายเป็นทางเลือกเดียวที่มีคุณค่าอย่างแท้จริงของพวกเขา"

การรุกคืบของจีอีในเอเชียโดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจังมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว โดยในปี 2541 สามารถสร้างรายได้ให้บริษัทแม่มากกว่า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีโรงงานผลิตและศูนย์บริการกระจายอยู่ 15 แห่งทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกลยุทธ์ที่จีอีนำมาใช้ในการขยายธุรกิจ คือ ความเชื่อในการแสวงหาพันธมิตรในช่วงวิกฤติทางเศรษฐกิจ เห็นได้จากในช่วงต้นทศวรรษ 1990 จีอีเข้าไปลงทุนในยุโรป เริ่มจากยอดขายเพียง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไม่ถึง 10 ปีต่อมายอดขายเติบโตขึ้นเป็น 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือช่วงกลางทศวรรษ 1990 ประเทศเม็กซิโกกำลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ หลายบริษัทตัดสินใจระงับหรือลดขนาดการลงทุน แต่จีอีประกาศเร่งลงทุนในประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ผลที่ออกมา คือ กอบโกยผลกำไรอย่างงามเมื่อเศรษฐกิจเม็กซิโกฟื้น

ในภูมิภาคเอเชียนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐ
กิจจีอีได้ทำสัญญากับคู่ค้าในธุรกิจประกันชีวิต หัวรถจักร และอี-คอมเมิร์ซ ในฟิลิปปินส์ ทำสัญญาธุรกิจบัตรเครดิตและบริการซ่อมบำรุงฝูงบินในออสเตรเลีย สัญญาจัดหาคอมเพรสเซอร์ในจีน ให้เช่าเครื่องบินในมาเลเซีย หรือช่วงปลายปีที่ผ่านมาจีอีทำสัญญาซื้อกิจการในญี่ปุ่น 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในช่วงปี 2541 จีอี ซื้อกิจการบริษัทอื่นจำนวน 108 บริษัท ใช้เงินลงทุนประมาณ 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และการลงทุนส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จ มีเพียง 2-3 กิจการเท่านั้นที่การดำเนินการต่ำกว่าความคาดหวัง ยุทธศาสตร์เหล่านี้จีอีเชื่อมั่นใน "การลงทุนเพื่ออนาคต"

สำหรับประเทศไทยจีอีเข้ามาสัมผัสกับชีวิตของคนไทยนับล้านทั้งทางตรง และทางอ้อมในทศวรรษ 1960 เริ่มจากทำหน้าที่ดูแลด้านการขายและบริการเครื่องยนต์อากาศยานและหัวรถจักร ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของจีอีในประเทศไทยมีตั้งแต่ "ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ" เพราะไม่เพียงแต่จีอีจะขยายธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น โครงการระดับกลางและเล็กก็ ให้ความสำคัญ ล่าสุดได้สร้างโรงงานผลิตเม็ดเทอร์โมพลาสติกวิศวกรรม มูลค่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ (750 ล้าน บาท) ด้วยกำลังการผลิต 30,000 เมตริกตันต่อปี เริ่มผลิตในกลางปี 2543 โดยให้บริษัทในเครือ คือ จีอี พลาสติกส์ เป็นผู้ดำเนินการหลังจาก 20 ปีที่ผ่านมา เป็นเพียงบริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกเท่านั้น และการตัดสินใจสร้างโรงงานครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของจีอี พลาสติกส์ เพราะประมาณ 3 ปีที่แล้วเคยมีแผนสร้างโรงงานผลิตผงพลาสติกแต่ได้ระงับโครงการไปชั่วคราว

"การตั้งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกแห่งใหม่ขึ้นในไทยถือว่าสอดคล้องกับ นโยบายสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตระดับโลกของบริษัท และเป็นสิ่งที่เราเชื่อว่าสอดคล้องกับ ความมุ่งมั่นของไทยที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกที่ได้รับแรงผลักดันจากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำหน้า แม้ว่าจะเกิดวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจขึ้นในเอเชีย แต่จีอียังคงเชื่อมั่นในอนาคตของไทย ทั้งนี้นโยบายเศรษฐกิจเสรีที่เปิดกว้างของรัฐบาลไทย และการสนับสนุนของบีโอไอมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการตัดสินใจลงทุนในไทย" ชิพ ฮิลส์ กรรมการผู้จัดการจีอี พลาสติกส์ ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว

เหตุผลที่จีอี พลาสติกส์ตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานแห่งนี้ในไทยเนื่องจากเป็นบริษัทที่ลงทุน เพื่ออนาคตลูกค้าในประเทศได้ช่วยให้ธุรกิจของจีอีเติบโตขึ้นในอัตราเฉลี่ยมากกว่า 20% ต่อปีมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และใน ปี 2541 จีอี พลาสติกส์มียอดขายในไทยประมาณ 1,575 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตพวกเขาคาดหมายว่าบริษัท ยังคงเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่าตัวเลข 2 หลักไปอีกหลายปีข้างหน้า

"ความสำเร็จของจีอี พลา-สติกส์ในไทยเป็นผลมาจากกลยุทธ์การทำงานใกล้ชิด กับลูกค้าเพื่อผลิตเม็ดพลาสติกให้ได้ตามความต้อง การของลูกค้า โรงงานแห่งนี้จะช่วยให้เราสามารถลดเวลาส่งมอบผลิต ภัณฑ์แก่ลูกค้าให้สั้นลง และทำให้สามารถตอบสนองต่อลูกค้าได้ทันท่วงที เพื่อเผชิญกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยไม่คาดฝัน" ศรัณย์ สังขะตะวรรธน์ ผู้จัดการจีอี พลา-สติกส์ ประจำประเทศไทย กล่าว

ดังนั้นการขยายธุรกิจของจีอีจะให้ความสำคัญในเรื่องของเวลาและการตัดสินใจ โดยเฉพาะในเรื่อง ของสถานที่ ประเทศ หรือผลิตภัณฑ์ ที่ถูกต้อง ถือได้ว่าองค์กรยักษ์ใหญ่แห่งนี้มีสายตากว้างไกล เนื่องจาก สิ่งที่เขาเลือกมักจะถูกต้องและเป็นผู้ชนะเสมอ และการที่จีอีเลือกลงทุนในไทยครั้งนี้หมายความว่าไทยเป็นผู้ชนะ ในหมู่ประเทศผู้แพ้ทั้งหลายในช่วงตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์เป็นต้นมา และจากการที่บริษัทข้ามชาติตัดสินใจลงทุนในช่วงเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว เชื่อว่าถ้ามีการลงทุนโดยตรงในอุตสาหกรรมมากขึ้นการฟื้นตัว ทางด้านเศรษฐกิจของไทยน่าจะเกิดขึ้นเร็วและเป็นจริง...แต่อย่าชะล่าใจ

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us