Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ เมษายน 2544








 
นิตยสารผู้จัดการ เมษายน 2544
Shiseido จากร้านขายยาสู่บรรษัทเครื่องสำอางระดับโลก             
โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
 

   
related stories

UNO จาก Shiseido เป้าหมายอยู่ที่ No. 1 เครื่องสำอางผู้ชาย

   
www resources

Shiseido Homepage
www.shiseido.co.jp
www.sca.shiseido.com

   
search resources

Shiseido
Pharmaceuticals & Cosmetics




เมื่อกล่าวถึงบรรษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ระดับโลก ชื่อของ Shiseido ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ย่อมเป็นอีกชื่อหนึ่งที่ได้รับการกล่าวถึง

ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ Shiseido ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและผลิตเครื่องสำอางในระดับ high-end ซึ่งไม่เพียงแต่จะวางจำหน่ายสินค้าในร้านค้าต่างๆ เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการมีที่ปรึกษาความงามประจำร้านเป็นผู้จำหน่ายด้วย

ความเป็นมาของ Shiseido ในวันนี้เริ่มขึ้นเมื่อ Yushin Fukuhara อดีตหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมประจำราชนาวีญี่ปุ่น ได้เปิดดำเนินกิจการร้านขายยาในรูปแบบของร้านขายยาแบบตะวันตกแห่งแรกของญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ Shiseido Pharmacy ในปี 1872 ซึ่งผลิตภัณฑ์และรูปแบบของร้านที่มีความทันสมัยและเป็นตะวันตก ทำให้กิจการของ Shiseido ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากกลุ่มชนชั้นสูงและผู้มีฐานะดี

ในปี 1888 Shiseido ได้เริ่มผลิตยาสีฟันชนิดครีมเป็นรายแรกของญี่ปุ่น และในปี 1897 โลชั่นบำรุงผิว Eudermine ซึ่งเป็นชื่อที่ได้จากภาษากรีก EU แปลว่าดี และ DERMA หมายถึงผิว ได้รับการนำเสนอต่อตลาดประเทศญี่ปุ่น และเป็นเครื่องสำอางชนิดแรกในสายการผลิตของ Shiseido ก่อนที่ Fukuhara จะเปิดโรงงานผลิตโซดาแห่งแรกของญี่ปุ่นในปี 1902.

ในปี 1906 Shinzo บุตรชายของ Yushin Fukuhara ได้ขยายสายการผลิตเครื่องสำอางของ Shiseido จากเครื่องประทินผิวไปสู่เครื่องสำอางแต่งหน้า และในปี 1918 ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องหอมก็ได้เริ่มการผลิต ซึ่งกล่าวได้ว่าภายใต้การบริหารของ Shinzo เครื่องสำอางได้เคลื่อนเข้ามาแทนที่เวชภัณฑ์และกลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ Shiseido ในที่สุด

Shiseido เริ่มขยายธุรกิจด้วยการจัดระบบ franchise ในปี 1923 ซึ่งส่งผลให้ Shiseido ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมกับการแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนในปีเดียวกันนั้นเอง ก่อนที่ในปี 1927 Shinzo ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทอย่างสำคัญในความสำเร็จของ Shiseido ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท
ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ธุรกิจของ Shiseido อยู่ในภาวะชะงักงัน โรงงานหลายแห่งถูกทำลายได้รับความเสียหาย สถานการณ์ของบริษัทในช่วงปี 1945 จัดอยู่ในขั้นที่ใกล้เคียงกับการล้มละลาย แต่ Shiseido ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในปีต่อมา จากผลของการออกผลิตภัณฑ์น้ำยาทาเล็บ
ในช่วงทศวรรษที่ 1950 ต่อเนื่องสู่ทศวรรษที่ 1960 Shiseido ได้กลายเป็นผู้นำความเคลื่อนไหวในวงการแฟชั่น โดยในปี 1956 Shiseido ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ผลิตเครื่องสำอางอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ก่อนที่จะขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศด้วยการเข้าลงทุนทั้งในด้านการผลิตและจำหน่ายในไต้หวัน ในปี 1957 พร้อมกับการส่งออกไปยังตลาดสิงคโปร์และฮ่องกงใ และการเข้าลงทุนใน Shiseido of Hawaii ในปี 1962 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นและการวางรากฐานของบริษัทในวงการเครื่องสำอางในระดับระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ Shiseido ยังได้ขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องด้วยการจัดตั้งบริษัทในเครือขึ้นทั่วทุกภูมิภาคของโลก รวมทั้งการจัดตั้งบริษัท Shiseido Cosmetics America ใน นครนิวยอร์ก เมื่อปี 1965 , Shiseido Cosmetici Italia ในปี 1968 และ Shiseido New Zealand ในปี 1971ด้วย

ทศวรรษที่ 1970 นับเป็นช่วงเวลาที่หนักหน่วงสำหรับ Shiseido เมื่อเครื่องสำอางของ Shiseido ทั้งในตลาดสหรัฐอเมริกา และในญี่ปุ่นเอง ไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดลดลงอย่างมาก ซึ่งสาเหตุสำคัญอยู่ที่การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ไว้ที่กลุ่มผู้บริโภค ที่มีฐานะดีหรือกลุ่มผู้ทำงานในวัยกลางคน ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Shiseido มีภาพลักษณ์อยู่ห่างไกลจากกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งกำลังเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อตลาดอย่างมาก

นอกจากนี้ กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มงวดอย่างมาก ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Shiseido ไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์สนองตอบความต้องการของตลาดได้อย่างทันท่วงที

บทเรียนดังกล่าวส่งผลให้ Shiseido ปรับตัวครั้งใหญ่ ในช่วงต้นของทศวรรษที่ 1980 ด้วยการแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 5 กลุ่มอายุ พร้อมกับการเพิ่มสายการผลิตให้มีความหลากหลายมากขึ้นแต่ผลิตในปริมาณที่น้อยลง

ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1980 ยุทธศาสตร์การตลาดที่ Shiseido ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ ได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดีในสหรัฐอเมริกา และยังได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เฉพาะ ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของอเมริกา พร้อมกับการเข้าครอบกิจการหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เช่น Zotos ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าด้านเส้นผม ในปี 1988

ผลิตภัณฑ์ของ Shiseido ที่มีข้อบ่งใช้ในฐานะเวชภัณฑ์ สำหรับวงการจักษุวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาต้อกระจกและการปลูกถ่ายแก้วตาได้เริ่มออกสู่ตลาดในปี 1993 ก่อนที่ในปี 1996 Shiseido จะประกาศการค้นพบทางสารประกอบทางชีวภาพ ที่สามารถชะลอการเสื่อมลงของผิวพรรณจากปฏิกิริยา oxidation อีกด้วย

ในปี 1996 นั้นเอง Shiseido ได้ดำเนินธุรกิจเชิงรุกอย่างหนักด้วยการซื้อกิจการด้านดูแลและบำรุงเส้นผมของ Helene Curtis ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาจาก Unilever ต่อมาในปี 1997 Shiseido ได้เข้าซื้อกิจการของ Helene Curtis ในญี่ปุ่น และโรงงานใน New Jersey ซึ่งเพิ่มกำลังการผลิตให้กับ Shiseido สำหรับตลาดอเมริกาเหนือได้มากกว่าเท่าตัว

ห้วงเวลาเดียวกันนั้น Akira Gemma ซึ่งร่วมงานกับ Shiseido มาเป็นเวลานานกว่า 4 ทศวรรษได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง CEO พร้อมกับการขยายธุรกิจเข้าไปในยุโรปตะวันออก ทั้งใน Croatia, Czech Republic และ Hungary รวมถึงการรุกเข้ามาในเวียดนาม และการเข้าซื้อกิจการด้านความงามของ Lamaur Corp. ในสหรัฐอเมริกาด้วยมูลค่ากว่า 11 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 1998

ในปีเดียวกันนั้นเอง Shiseido ได้ดำเนินกิจการด้านความงามใน New York City และได้เริ่มจำหน่ายเครื่องสำอางในรัสเซีย ในปี1999 นอกจากนี้ยังเริ่มจำหน่ายสบู่ แชมพูและแป้งเด็ก ภายใต้ชื่อ Hello Kitty ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จาก Sanrio ผู้ผลิตสื่อของญี่ปุ่น ก่อนที่ในช่วงปลายปี 1999 Shiseido ได้แนะนำ Cle de Peau Beaute เข้าสู่ตลาดระดับนานาชาติ ในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์ระดับบนสุดของสายการผลิตเครื่องสำอางของบริษัท

ความพยายามของ Shiseido ในการขยายธุรกิจด้วยสินค้าแบรนด์ต่างประเทศดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงกลางปี 2000 Shiseido ได้ซื้อกิจการของ Sea Breeze จาก Bristol-Myers Squibb พร้อมกับการครอบกิจการในสัดส่วน 75% ใน Laboratoires Decleor ของฝรั่งเศสซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอาง และเชี่ยวชาญด้านการสกัดน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติจากพืช และในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้ประกาศข้อตกลงร่วมกับ Intimate Brands ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า Victoria Secrets และ Bath & Body Works ในการพัฒนาและผลิตเครื่องสำอางชั้นเลิศในอนาคต

ท่ามกลางภาวะซบเซาของการจำหน่ายเครื่องสำอางภายในประเทศญี่ปุ่น ดินแดนบ้านเกิด ทำให้ Shiseido จำเป็นต้องรุกคืบธุรกิจในต่างประเทศอย่างหนักหน่วง ด้วยการตั้งเป้าหมายว่า ธุรกิจในต่างประเทศจะสามารถเพิ่มยอดการจำหน่ายจากระดับ 15% ของยอดจำหน่ายรวม ไปสู่ระดับ 25% ภายในปี 2003

เป้าประสงค์ดังกล่าวส่งผลให้ยุทธศาสตร์ของ Shiseido ในปัจจุบัน ผูกพันอยู่กับแนวทางว่าด้วย multi-brand ซึ่งจำแนกสินค้าออกไปตามกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย พร้อมกับการควบและครอบกิจการในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง.

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us