ธีรภาพ วัฒนวิจารณ์ เป็นนามแฝงของนักวิชาการในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งนอกเหนือจากความเชี่ยวชาญในงานประจำด้านจิตเวชและจิตวิทยาแล้ว
ยัง มีความสนใจด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เขาจะเสนอมุมมองและสาระความรู้ที่น่าสนใจในคอลัมน์
"จากฝั่งพรานนก"ความเครียด (3) ฉบับที่แล้วผมกล่าวถึงปัญหาความเครียดนั้นส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัย
ภายนอกที่เรากำหนดไม่ได้ ซึ่งไม่ได้มีความหมายเท่ากับเราไม่สามารถกระ ทำอะไรได้
และต้องยอมจำนนว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ความหมายของมันคือการเตรียมพร้อมตัวเองก่อนที่จะเผชิญกับมัน
และในขณะที่ต้องเผชิญกับ มันก็เผชิญอย่างมีเทคนิควิธีการจัดการ เหมือนคำสอนที่เราเคยทราบกันดีอยู่แล้ว
คือการไม่ตั้งอยู่ในความประมาทและการครองสติ
การตั้งอยู่ในความไม่ประมาท คือ การเตรียมพร้อมก่อนที่ความเครียด จะถาโถมเข้ามาโดยที่เราคาดไม่ถึง
ลองนึกถึงตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณผู้อ่านมีนัดหมายกับเพื่อนแถวสีลมซึ่งปกติใช้
เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมง พร้อมกับเผื่อ เวลารถติด หรือเกิดเหตุอะไรก็แล้วแต่
ที่อาจทำให้ไปถึงสายกว่าที่คาดอีกครึ่ง ชั่วโมง แน่นอนว่าโอกาสที่คุณจะไปถึง
สายกว่าที่นัดก็ค่อนข้างจะเป็นไปได้น้อย แต่หากทั้งๆที่รู้ว่าใช้เวลาเดินทาง
หนึ่งชั่วโมง แต่เราออกเดินทางก่อนเวลานัดหมายเพียงหนึ่งชั่วโมง โอกาส ที่จะไปถึงก่อนหรือพอดีเวลาก็เป็นไปได้
ยากอยู่แล้ว หากไปเกิดอุบัติเหตุ หรือ "ติดขบวน" โอกาสที่จะไปถึงพอดีเวลาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
และบ่อย ครั้งที่ปัญหามักจะเกิดในช่วงที่เราไม่ค่อยได้เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับมัน
พูดอีกอย่างก็คือ เวลาเราเตรียมพร้อม ปัญหามักจะไม่ค่อยเกิด จนทำให้เราคิด
ว่าอุบัติเหตุไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่พอมันเกิดขึ้นเราก็มักจะบ่นว่า ทีระวังไม่เกิด
โดยลืมมองไปว่าเหตุที่มันไม่เกิดส่วนหนึ่งเป็นเพราะการระมัดระวังของตัวเรา
ถ้าเช่นนั้นจะเตรียมพร้อมอย่าง ไรจึงจะไม่ประมาท และพร้อมที่จะเผชิญกับมัน
ถ้ามองจากสิ่งที่ไกลตัวออกไปก่อน เราจะพบว่าสิ่งหนึ่งที่เรามักจะลืม นึกถึงในเวลาปกติ
และจะมาคิดถึงก็ใน ช่วงที่ปัญหาเกิดขึ้นคือ เพื่อนหรือคนรอบ ข้างที่จะขอความช่วยเหลือได้
น่าแปลกที่หลายคนมีขุมทรัพย์นี้อยู่ แต่ไม่สามารถเอามาใช้ได้ ผมมี โอกาสพูดคุยกับคนหลายคนที่เวลามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วไม่ทราบว่าจะจัดการ
อย่างไร รวมไปถึงไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใคร หรือไม่มั่นใจที่จะไปขอความช่วยเหลือ
บางคนให้เหตุผลว่า ไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไร เขาจะปฏิเสธหรือเปล่า
เพื่อนบางคนอาจจะไม่คิดอะไรมากนักเวลาที่คุณเดือดร้อนและขอความช่วยเหลือจากเขา
แต่เพื่อนบางคน รวมทั้งตัวคุณเองอาจจะรู้สึกอึดอัดและลำบากใจเมื่อเพื่อนบางคน
ที่ไม่ได้พบกันมานานมาขอความช่วยเหลือในเรื่องสำคัญๆ ในอีกแง่มุมหนึ่งสำหรับคนบางคนเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
ความ กังวลจะเกิดขึ้นตั้งแต่ความสงสัยว่าเขา จะช่วยเราได้หรือไม่ หรือถึงแม้จะมั่นใจ
ว่าเขาช่วยเราได้ แต่ความไม่มั่นใจก็ยัง อาจจะเกิดขึ้นว่า ถึงเขาจะช่วยได้
แต่เขาจะยอมช่วยหรือ
นั่นคือความมั่นใจระหว่างผู้ขอ และผู้ถูกขอความช่วยเหลือไม่มี ความมั่นใจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ
เรารู้สึกว่าเรารู้จักเขาดีพอ สิ่งเหล่านี้ จะยังคงมีอยู่หากความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิมยังคงดำเนินต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
หรือ หากรู้จักเขาดีอยู่แล้ว การคบหาติดต่อ อย่างต่อเนื่องทำให้มีความมั่นใจว่าเขา
ยังเป็นคนเดิมที่เรารู้จัก
เพื่อนหรือญาติสนิทจึงเปรียบเสมือนแนวหลังที่คุณอาจขอความสนับ สนุน ความช่วยเหลือในยามที่คุณรู้สึกว่าปัญหานั้นเกินกว่าความสามารถที่คุณ
จะจัดการ
พูดถึงเพื่อนหรือญาติสนิทแล้ว หากไม่มีครอบครัวคงจะเป็นเรื่องที่แปลกมากเช่นกัน
ถ้าหากเราเปรียบว่าเพื่อนและญาติพี่น้องเป็นแนวหลัง เรา อาจเปรียบครอบครัวเป็นเสมือนกองส่งกำลังบำรุงที่นักรบจะขาดเสียไม่ได้
ครอบครัวไม่ได้เป็นเพียงแหล่งที่เราสามารถขอความช่วยเหลือทางด้านวัตถุ เท่านั้น
แต่ครอบครัวยังเป็นแหล่งที่ช่วย สนับสนุนทั้งในแง่ของแนวทางการแก้ปัญหา และสิ่งสำคัญที่สุดที่ครอบครัว
สามารถให้ได้และมีค่าอย่างมากคือแรง สนับสนุนในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก
เราอยู่ในสังคมที่เน้นการแข่งขัน เรากังวลที่จะเป็นคนอ่อนแอในสายตาของคนอื่น
การแข่งขันทำให้เราไม่มั่นใจว่าเพื่อนร่วมงานจะมองเราอย่างไร หากเรานำเรื่องที่ทุกข์ใจไปปรึกษาเขา
เพื่อนจะบอกให้นายทราบหรือไม่ นายหรือผู้บังคับบัญชาจะประเมินความสามารถ
ของตัวเราลดลงหรือไม่ หากเขาทราบ
กับคนในครอบครัวสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย เป็นเรื่องง่ายกว่ามาก
ที่เราจะคุยเรื่องทุกข์ใจ หรือปัญหาที่ประสบในชีวิตประจำวันจากคนใกล้ชิด
พวกเขาอาจช่วยไม่ได้มากนักในแง่ของ วัตถุ แต่ในแง่ของความรู้สึกอบอุ่น ไม่โดดเดี่ยว
กำลังใจที่จะสู้กับปัญหา เป็น สิ่งที่เราหาได้ไม่ง่ายเลยจากบุคคลอื่น และสิ่งนี้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่
สุดในการยืนหยัดเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา เวลาที่เรามีความสุข
คนส่วนใหญ่ต้องการแบ่งปันความสุขนี้กับคนในครอบครัว แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าแปลกมากที่เวลาเราทุกข์เรามักจะไม่ค่อยอยากให้คนใกล้ชิดเข้ามาช่วยเหลือและ
แบ่งปันความทุกข์ร่วมกัน โดยมองว่าจะเป็นการเพิ่มความทุกข์ให้กับอีกฝ่าย
หนึ่ง และไม่ได้ช่วยอะไรในการแก้ปัญหา
ความคิดนี้เป็นความคิดที่ค่อนข้าง ผิดและอันตรายทั้งในแง่ที่ปัญหาไม่ได้รับการช่วยเหลือ
อีกทั้งทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวเลวลง และแน่นอน ว่าเมื่อความสัมพันธ์ดังกล่าวเลวลง
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นใหม่ก็จะไปซ้อนทับปัญหาเดิมเข้าไปอีก กลายเป็นแทนที่ครอบครัวจะช่วย
ลดความทุกข์ทางใจ ให้กำลังใจที่จะแก้ ไข กลับเป็นว่าเกิดปัญหาขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง
การพูดคุยระบายความทุกข์ให้คน ในครอบครัวทราบ ไม่ได้เป็นการสร้างความทุกข์ให้กับครอบครัว
แต่ความทุกข์ ของคนในครอบครัวจะเกิดขึ้นเมื่อเขารู้ สึกว่าเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกต่อไป
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเมื่อเขารู้สึกว่ามีความลับบางอย่างที่เขาไม่ทราบ อีกทั้งความเครียดที่เกิดขึ้นในตัวเราย่อมจะแสดงออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ตัวอย่างที่พบได้เสมอก็คงจะเป็นปัญหา ชีวิตครอบครัวซึ่งมักจะพบว่าสาเหตุส่วนหนึ่ง
หรือส่วนใหญ่เกิดจากสมา- ชิกในครอบครัวทุ่มเท หรือให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานอกบ้านเสียมากกว่า
การเตรียมตัวเผชิญกับความเครียด หรือวิกฤตในแต่ละช่วงของชีวิต จึงไม่อาจขาดทั้งสองส่วนนี้
คือ ครอบ ครัว และเพื่อน การมีชีวิตครอบครัว ที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ ร่วมทั้งสุข
และทุกข์ ประกอบเข้ากับการมีมิตรภาพที่แน่นแฟ้น ยั่งยืน จะช่วยทำให้เราเกิดความมั่นใจที่จะดำเนินชีวิตในยามปกติ
และมีความมั่นคงทางอารมณ์ ไม่ตื่นตระหนกเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เนื่อง จากเราทราบว่าเมื่อมีวิกฤตเกิดขึ้นเรา
มีทั้งครอบครัวที่พร้อมจะยืนเคียงข้าง และเรามีเพื่อนพร้อมที่จะให้ความช่วย
เหลือไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุ หรือกำลังใจ เมื่อเราอ่อนล้า
การเตรียมพร้อมดังกล่าวไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ใช่ภาระ เพราะความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
และเพื่อน เป็น สิ่งที่ช่วยเติมเต็มความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์ขึ้น เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้จักแบ่งปันสิ่งที่ดีงามร่วมกับผู้อื่น
เป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างความสุขให้กับชีวิตโดยไม่ต้องซื้อหา ความสุขดังกล่าวคือ
ความไม่โดดเดี่ยว คนจำนวนมากที่สิ้นหวังและ ปราศจากกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป
ก็เพราะความรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใคร
น่าจะถึงเวลาที่เราควรต้องทบ ทวนถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมากับคนรอบข้าง
และใส่ใจที่จะคำนึงถึงความรู้สึกของพวกเขา อย่าปล่อยให้เวลาที่ผ่านไป และปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นตัวบอก
กับตัวเราเองว่า ทำไมฉันไม่เคยคิดถึงมัน มาก่อน