กล่าวได้ว่าเป็นไฟแนนซ์รายแรกๆ ที่ปรับโครงสร้างทุนสำเร็จและมอบโบนัสพิเศษแก่ผู้ถือหุ้นอย่างมโหฬารไปได้พร้อมๆ
กัน ซึ่งถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างแท้จริงสำหรับยุคเศรษฐกิจพังพินาศในตอนนี้
นั่นคือผลงานของบริษัทเงินทุน ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันเพิ่มขึ้นจากเมื่อต้นปีถึง
500-600% ทำ เอาผู้ถือหุ้นยิ้มแก้มปริไปตามๆ กันได้ ไม่ใช่เฉพาะราคาหุ้นสามัญเท่า
นั้น ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ หรือ Covered Warrant หรือใช้ชื่อหลักทรัพย์ว่า
TISCO-C1 ก็มีราคาน่าสนใจมาก เพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์
โดยเฉพาะผู้บริหารกองทุน Siam Investment Fund ที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนเพิ่มเป็นหุ้นละ
12.67 เหรียญ หลังจากที่หุ้นบุริมสิทธิและใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ของ TISCO
เข้าจดทะเบียน กองทุนฯนี้มีมูลค่าเงินลงทุนเริ่มต้น 25 ล้านเหรียญ ลงทุนในหุ้น
TISCO ไว้ 100 ล้านบาท หรือ 2.7 ล้านเหรียญ
TISCO ได้ยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 จากกระทรวงการคลังและได้รับความเห็นชอบอนุมัติโครงการดังกล่าว
โดยบริษัทสามารถระดมทุนจากนักลงทุนที่สนใจซื้อหุ้นบริษัทได้จำนวน 300 ล้านหุ้นเป็นเม็ดเงิน
3,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังก็ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ TISCO ในจำนวนที่เท่ากัน
จึงถือได้ว่า TISCO ประสบความสำเร็จอย่างดีในการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 600
ล้านหุ้น ได้เม็ดเงินมา 6,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น
7,002 ล้านบาทแล้วขณะนี้มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (ดูตารางประกอบ)
กระทรวงการคลังซื้อหุ้นบุริมสิทธิของ TISCO โดยออกเป็นพันธ บัตรมูลค่า
3,000 ล้านบาทให้ TISCO และกระทรวงยังได้ออกใบสำคัญแสดง สิทธิอนุพันธ์เพื่อนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย
โดยมีราคาการใช้สิทธิที่ 11.20 บาท สามารถใช้สิทธิได้ทุกวันทำการนับแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ในอัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้น บุริมสิทธิ หรือหุ้นสามัญที่ได้จากการแปลงสภาพ
ปรากฏว่าเมื่อเข้าเทรดในตลาดแล้วนั้น ราคาวอร์แรนต์ตัวนพุ่งขึ้นมาเท่าตัว
และมาทรงตัวอยู่ที่ 20.50 บาท เมื่อ 17 มิ.ย. 2542 ต้องถือว่าแค่ชั่วพริบตาเดียวกระทรวงการคลังก็ได้กำไรไปเนื้อๆ
เกือบ 3,000 ล้านบาทจากวอร์แรนต์นี้!!
กองทุนสยามอินเวสเมนท์ฟันด์ที่ลงทุนหุ้น TISCO ไว้ 100 ล้านบาท ตอนนี้ปรากฏว่าเงินลงทุนจำนวนนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น
530 ล้านบาทแล้ว คิดกำไรอย่างคร่าวก็ปาเข้าไป 430 ล้าน บาท หรือเกือบ 12
ล้านเหรียญ
จะมีสินทรัพย์อะไรที่ลงทุนแล้วเงินจะงอกเงยได้ถึงปานฉะนี้ในยามนี้ !!
ยูยีน เดวิส กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟินันซ่า และเป็นผู้จัดการกองทุนนี้กล่าวว่า
"เราได้ร่วมทำงานกับ TISCO ในโครงการเพิ่มทุนในช่วงปีที่ผ่านมา และเราประหลาดใจมากในแต่ละก้าวของการดำเนินงานของ
TISCO ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารความเสี่ยงไปจนถึงการบริหารพอร์ตสินเชื่อคอร์ปอเรท
บริหารพอร์ตเงินลงทุนและการระดมทุน บริษัทมีความชำนาญเป็นเลิศในธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในแต่ละด้าน
ผมเชื่อว่าไม่เพียงแต่ TISCO จะสามารถเอาตัวรอดได้จากภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากนี้เท่านั้น
แต่บริษัทยังจะสร้างความรุ่งเรืองมั่งคั่งขึ้นมาได้ภายใต้ภาวะแวดล้อม ทางสังคมธุรกิจใหม่ของประเทศไทย"
นอกจากหุ้น TISCO แล้ว กองทุนสยามอินเวสเมนท์ฟันด์ ยังลงทุนในหุ้นตัวอื่นๆ
อีกได้แก่ เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป, ซีเอ็ด, พาโต้เคมิคัล, เอเชีย แปซิฟิค
รีซอทเซส, ซิงเกอร์ และบริษัท นอร์ทบริดจ์ คอมมูนิตี้ส์ กองทุนนี้จดทะเบียนในลอนดอน
ซื้อขายในแบบ OTC และมี ABN AMRO เป็นมาร์เก็ตเมกเกอร์