Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กรกฎาคม 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ กรกฎาคม 2542
วิทิต ลีนุตพงษ์ เปิดใจ             
 


   
search resources

ยนตรกิจ กรุ๊ป
วิทิต ลีนุตพงษ์




หลังจากมีการเซ็นสัญญา CKD เพื่อผลิตชิ้นส่วนและประกอบรถยนต์ค่ายโฟล์กสวาเก้น รุ่นพัสสาทใหม่ และ เอาดี้ A6 ระหว่างยนตรกิจกับโฟล์กสวาเก้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ประเด็นที่ได้รับ ความสนใจมากที่สุดคือ "บริษัทแม่จะเข้ามาลงทุนเองอีกหรือไม่ในอนาคต" หรือ "จะมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยดังกรณีของบีเอ็มดับเบิลยูหรือไม่" ซึ่งผู้บริหารของยนตรกิจกรุ๊ปส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ ตกเป็นหน้าที่ของวิทิต ลีนุตพงษ์ คีย์แมนคนสำคัญของยนตรกิจฯที่จำต้องเป็นผู้ตอบคำถามนี้ "การทำธุรกิจรถยนต์ ขึ้นอยู่กับทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนในระยะยาว ไม่ใช่ลูกค้าซื้อไปวันนี้ อีก 4-5 ปีบริษัทที่ขายเจ๊งไป บริษัทแม่เขา ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ และผู้นำเข้าในท้องถิ่นอย่างเราก็ต้องอยู่ในสถานะที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อจะเป็น การสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าได้ ผม กล้าพูดได้ว่ายนตรกิจ กรุ๊ป มีความแข็ง แกร่งทางการเงินที่จะลงทุนเองได้ ซึ่งบริษัทแม่ได้พิจารณาแล้ว เขาถึงไว้ใจเรา และไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาลงทุนเองทั้งหมด" นั่นคือคำตอบ ที่เป็น ความมั่นใจของกลุ่มลีนุตพงษ์ หลังจาก ที่สูญเสียการบริหารและการทำตลาดรถบีเอ็มดับเบิลยูให้บริษัทแม่มาดูแลเอง

"สิ่งที่เราพยายามบอกคือธรรม ชาติของการทำธุรกิจรถยนต์จะต้องดูแล ความต่อเนื่องของลูกค้า ถ้าบริษัทท้องถิ่นที่ทำธุรกิจนี้ไม่ถึงขั้นล้มพับไปบริษัท แม่ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเข้ามาลงทุน เองเพราะในแง่ของการทำการตลาดและการขายบริษัทท้องถิ่นทำได้ดีกว่าอยู่แล้ว และผมไม่กลัวหรอกว่าการ เป็นเพียงดิสทริบิวเตอร์ท้องถิ่นจะไม่สามารถแข่งขันกับบริษัทแม่ที่เข้ามาลงทุนเองได้" เป็นคำตอบจากวิทิตที่อธิบายได้แจ่มแจ้ง ถึงจุดยืนของยนตรกิจกรุ๊ปในวันนี้ว่าไม่ต้องการ "เฉือนหุ้น" ให้บริษัทแม่ที่เป็นคู่ค้า และจากข้อชี้แจงดังกล่าวได้สร้างรอยร้าวระหว่างยนตรกิจฯ กับบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งเขาเองยอมรับว่า มุมมองของแต่ละบริษัท ไม่เหมือนกันสามารถมองได้ทั้งทางลบและทางบวก พร้อมกันนั้นเขายังชี้แจง ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ยนตรกิจ กรุ๊ป กับบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมกับสัญญาธุรกิจที่ยังคงทำร่วมกันอย่างน้อยก็ยาวไปถึง 5 ปีข้างหน้าตามอายุของรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยูซี่รี่ส 5 ที่จะผลิตประมาณ 2,000 คันต่อปีว่า

"เรากับบีเอ็มฯ ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกัน เรากับเขาก็ยังคบกันอยู่ดี เพียงแต่ view point อาจจะไม่ตรงกันเขาอยากจะทำเองผมก็ให้เขาลองเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาผิดหรือเราถูก เราก็ยังร่วมมือกับเขาและพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีไว้ และยนตรกิจ กรุ๊ป เองก็มีการปรับโครงสร้างการบริหารธุรกิจเป็นกลุ่มๆ เนื่องจากครอบครัวผมใหญ่ ฉะนั้นจะมีบางกลุ่มของครอบครัวร่วมงานกับบีเอ็มฯ ต่อไป บางกลุ่มทำในส่วนของโฟล์ก-เอาดี้ บางกลุ่มทำในส่วนของ CFA เป็นต้น และในส่วนของโรงงาน เรายังมีสัญญาผลิตให้บีเอ็มอยู่ในส่วนของซีรี่ส์ 5 จนครบอายุ และซีรี่ส 3 ใหม่ ที่เรามีการแยก line การผลิตกันชัด เจน" เป็นคำชี้แจงของวิทิตเรื่องความ สัมพันธ์ระหว่างยนตรกิจ กรุ๊ป และบีเอ็มดับเบิลยู

สำหรับการลงทุนจำนวน 10 ล้าน ดอยช์มาร์ก หรือประมาณ 200 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงโรงงานในส่วนของการประกอบรถยนต์ โดย 80% ของเงินลงทุนเป็นการลงทุนในเรื่องของการ ประกอบตัวถังด้วยเทคโนโลยีใหม่สำหรับ การเชื่อมตัวถังรถยนต์ด้วยแสงเลเซอร์ (Laser Beam Welding) และคอม พิว-เตอร์ในการสร้าง Jig เพื่อประกอบรถยนต์ส่วนอีก 10% ของการลงทุนนำไป ใช้ในส่วนของการพ่นสีตัวถังรถยนต์ (Paint Shop) และส่วนที่เหลือนำไปใช้ในการ Modify Line การประกอบที่แตกต่างจากรถรุ่นอื่นที่โรงงานผลิตอยู่ เงินลงทุน 200 ล้านบาท นับเป็นเป็นเม็ดเงินค่อนข้างมากที่ยนตรกิจฯ ลงทุนในภาวะเช่นนี้ แต่วิทิตถือว่าเป็นการลงทุน เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของตลาดรถยนต์ที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น

"ในเมื่อทุกคนมี CKD เราต้อง มีบ้างเพื่อจะแข่งขันกับเขาได้ดังสำนวน ที่ว่า "When you are in Rome, do as the Romans do." หรือ "เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" เป็นเหตุผลที่วิทิตยกสำนวนมาอธิบายให้เข้าใจถึงการปฏิบัติตัวตามกระแสของ "ยนตร-กิจ กรุ๊ป" ธุรกิจของกลุ่มตระกูล "ลีนุต พงษ์" ที่ยังคงเป็นกลุ่มตระกูลธุรกิจยานยนต์รายเดียวที่คงความเป็นผู้ถือครองหุ้นส่วนใหญ่ไว้ได้ โดยปราศจากการเข้ามายึดครองหุ้นของต่างชาติ แต่ กระนั้นเราต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากไม่มีมิตรแท้และ ศัตรูที่ถาวรในวงการธุรกิจ วันหนึ่งข้างหน้าหากยนตรกิจฯได้รับข้อเสนอเงื่อนไขชนิดที่ปฏิเสธไม่ได้ ยนตรกิจฯ คงจะฝืนกระแส แห่งความเป็นจริงไปไม่ได้

"ผู้จัดการ" ฉบับที่186 เมษายน 2542 ได้เสนอเรื่องราวบีเอ็มดับเบิลยู เอจี ที่มีโอกาสสัมภาษณ์มร.เยซุส คอร์ โดบา ประธานบริษัท บายเยอริชเช่อ โมโทเรน แวคร์เคอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินการธุรกิจรถยนต์ BMW ในประเทศไทยถึงนโยบายการทำงานและทิศทางเป้าหมายของบริษัทฯ โดยเยซุสยังคงยืนยันความสัมพันธ์อันดีกับยนตรกิจ กรุ๊ปซึ่งนั่นคือมุมมองของฝรั่ง ที่เข้ามาฮุบกิจการจากผู้นำเข้าไทย"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us