แม้จะมาช้าหรือมาทีหลังบลจ. บางเจ้าที่ริเริ่มออกกองทุนรวมอสังหา- ริมทรัพย์
ประเภทที่ 2 (กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน)
ไปก่อนหน้าแล้ว แต่ก็เป็นที่ฮือฮามากเมื่อบลจ.วรรณอินเวสมนท์ ออกกองทุนโกลบอลไทยพร็อพเพอร์ตี้ให้กับกลุ่มเลห์แมนมูลค่า
12,000 ล้านบาท เพราะเป็นกองแรกที่ บริหารอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจากการประมูลที่จัดโดย
องค์การเพื่อการปฏิรูป ระบบสถาบันการเงิน (ปรส.)
เจ็ดเดือนถัดมา บริษัทฯก็ออกกอง ทุนลักษณะคล้ายคลึงกันมาอีก 6 กอง มูลค่าที่ขออนุญาตไว้รวมกันสูง
ถึง 50,600 ล้านบาททีเดียว ซึ่งหากเรียก ชำระได้หมดก็ถือเป็นบลจ. ที่ออกกอง
ทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าสูงที่สุดทีเดียว กระนั้นก็ตาม ตอนนี้บลจ. วรรณฯ
ก็เป็นผู้ออกกองทุนฯ ประเภทนี้จำนวนกองมากที่สุดอยู่แล้ว ถือว่าทำหน้าที่ตอบสนองการช่วย
กันแก้ไขปัญหาระบบสถาบันการเงินไทยตามนโยบายรัฐบาลได้มากทีเดียว
ทั้งนี้กองทุนเหล่านี้มีนโยบายการ ลงทุนคล้ายคลึงกันคือลงทุนในทรัพย์สิน
หรือสิทธิเรียกร้องที่เกิดจากการประกอบ ธุรกิจของสถาบันการเงิน ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน
และส่วนที่เหลือจะลงทุนในสินทรัพย์สภาพคล่อง เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ซึ่งกองทุน ที่มีนโยบายการลงทุนดังกล่าวนี้ได้แก่ กองทุนรวมแกมม่าแคปปิตอล,
ริชชี่เวน เจอร์, สตราติจิคแอสเซ็ท และบางกอก แคปปิตอลซึ่งดูเป็นกองทุนที่มีมูลค่าใหญ่
ที่สุด แต่จริงๆ แล้วเริ่มด้วยเงิน 500 ล้านบาทก่อน ส่วนที่เหลือจะทยอยเข้า
มาภายใน 5 ปี
ส่วนกองทุนรวมไทยดีเวลลอปเมนท์ลงทุนในสิทธิเรียกร้องอย่างเดียว ขณะที่สตาร์วูดไทยแลนด์พร็อพเพอร์ตี้
1 ลงทุนโดยทำการซื้อหรือเช่า อาคารหรืออาคารเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งกองนี้เป็น
ที่ทราบกันดีว่าเป็นของกลุ่มแสนสิริที่ไป ประมูลสินเชื่อจากปรส.มาได้
ทั้งนี้ทางการได้ปิดการขออนุญาต เปิดกองทุนประเภทนี้ไปแล้วเมื่อ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา
และผู้ขออนุญาตต้องจัดตั้งกองทุนที่ขอไว้ให้ได้ภายใน 1 ปี คือต้องระดมเงินเข้ามาและเริ่มลงทุน
ภายใน 25 พฤษภาคม 2543 กองทุนฯ ที่จัดตั้งขึ้นมาเหล่านี้ หากไม่เป็นข่าวว่าใครลงทุนแล้ว
อย่าหวังว่าจะได้ทราบข้อมูลนี้จากหนังสือชี้ชวนเป็นอันขาด เพราะในหนังสือชี้ชวนไม่เปิดเผยเรื่องนี้
ผู้บริหารบลจ. ท่านหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า "เป็นเรื่องที่เปิดเผยไม่ได้ เพราะผู้ลงทุนไม่ต้อง
การให้ใครรู้ว่าเขานำเงินมาลงทุนอะไร แต่เราก็บอกก.ล.ต.โดยใช้วิธีเขียนชื่อผู้ลงทุนใส่ซองให้ก.ล.ต."
ก็เท่ากับรู้กัน 2 ฝ่ายระหว่างผู้บริหารบลจ.กับเจ้าหน้า ที่ก.ล.ต.ที่รับผิดชอบเรื่องกองทุนรวม!!
เราๆ ท่านๆ ไม่มีสิทธิรู้ว่าใครเป็น นักลงทุนในกองทุนเหล่านี้บ้าง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่สามารถซื้อหน่วยลงทุนประเภทนี้ได้
100% เพราะ ทางการอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถ ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในไทยได้
100% โดยผ่านการถือกองทุนประเภทนี้
นอกจากนี้ ผู้รู้ท่านหนึ่งยังช่วยอธิบายด้วยว่าทุกกองทุนที่ทำ Property
Fund นั้นจะอยู่ใน Control ฝรั่งหมด เพราะกองทุนจะมีบอร์ดบริหารโดยมีตัว
แทนจากบลจ.เพียงคนเดียว ที่เหลือเป็น คนที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นหมด
และเรื่องทุกเรื่องต้องผ่านบอร์ดนี้เท่านั้น
ลักษณะดังกล่าวทำให้สมมติฐาน ได้ว่านักลงทุนต่างชาติเพียงแต่ยืมกลไก การจัดตั้งบลจ.ของไทย
เพื่อดำเนินการ ลงทุนของเขาเท่านั้น นับได้ว่ากองทุนอสังหาริมทรัพย์พิเศษเหล่านี้ตอบสนองการแก้ไขปัญหา
ของรัฐบาลแบบทุ่มสุดตัวทีเดียว!!