ความยิ่งใหญ่ของ Star Wars Episode 1 กลับมาเขย่าวงการโลกภาพยนตร์อีกครั้งท่ามกลางการรอคอย
ที่เมื่อไปดูกันมาแล้วหลายๆ คนอาจจะผิดหวังเพราะหวังไว้มากไป แต่หลายๆ คนอาจจะยังสะใจกับความมันของหนัง
แอกชั่น ที่ยอดเยี่ยมด้วยด้วยระบบ เอฟเฟ็กต์ในหลายๆ ฉากของเรื่องนี้อยู่อย่างไม่หาย
แต่ผลจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ จอร์จ ลูคัส ผู้สร้างและผู้กำกับหนังเรื่อง
นี้ไม่ขาดทุนแล้วแน่นอน และยังเก็บเกี่ยวรายได้อย่างต่อเนื่องเพราะมีการวางแผนสร้างมูลค่าเพิ่มจากการทำหนัง
เรื่องนี้ไว้อย่างเยี่ยมยอด
สตาร์วอร์กำหนดลงโรงฉายในเมืองไทยวันที่ 18 มิถุนายน 2542 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นความคึกคักของกระแสสตาร์วอร์ฟีเวอร์ก็ได้เกิดขึ้นอย่าง
มากมาย และระบาดมาเมืองไทยอย่าง รวดเร็ว ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นยุทธวิธีทางการตลาดของสปอนเซอร์ระดับโลกของสตาร์วอร์
ซึ่งได้แก่สินค้า ในเครือข่ายของกลุ่ม เป๊ปซี่ คือเป๊ปซี่ พิซซ่าฮัท เคเอฟซี่
พริโตเลย์ และ ทาโก้เบล
ซึ่งในเมืองไทยเองก็แน่นอนว่าพันธมิตรอย่างเช่นทอปซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านเอเอ็มพีเอ็ม
โรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ เครือสยามยูเอ เครือ เอเพ็กซ์ ก็ต้องจัดกิจกรรมร่วมเกาะเกี่ยว
ไปด้วยเช่นกัน
จอร์จ ลงทุนสร้างภาพยนตร์ภาค นี้ไปด้วยงบประมาณ 115 ล้านเหรียญ แต่การเป็นสปอนเซอร์ของเป๊ปซี่ในลักษณะของเวิลด์ไวด์นั้น
เป๊ปซี่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ลูคัสฟิล์ม เป็นเงินถึง 75,000 ล้านบาท หรือ
2.1 พันล้านเหรียญ ในขณะที่เลโก้ซื้อลิขสิทธิ์โลโก สตาร์วอร์ มาใส่ของเล่นตุ๊กตาตัวเองจ่าย
เงินไปเพียง 50 ล้านเหรียญ แต่คาด ไว้สวยหรูว่าจะทำรายได้ถึง 1,000 ล้านเหรียญ
บริษัทเฮกเกอร์ เมเยอร์ประเทศไทยก็จ่ายไปไม่น้อยเช่นกันสำหรับการซื้อลิขสิทธิ์ตุ๊กตาโมเดลของสตาร์วอร์
รวมทั้งบริษัทที่ผลิตวิดีโอเกมต่างๆ ที่ทุ่มทุนผลิตออกมารองรับตามกระแส
ตัวละครทุกตัวที่โลดแล่นอยู่บนจอ เลยกลายเป็นสินค้าในโลกแห่งความ จริงที่ดึงดูดใจเด็กๆ
และวัยรุ่นให้ให้จ่าย เงินซื้อสินค้าเหล่านี้อีกรอบ ไม่ว่าตัวอัศวินเจได
อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ราชินีวัยรุ่นอมิดาลา ที่เน้นการแต่งตัวในแต่ละฉากให้สวยงามเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้
ตัวจาจาบิง และเจ้าเมืองนาบู รวมทั้งยานของเจได และดาบสะท้อนแสงด้วย
ในอเมริกานั้น ถึงแม้ว่าใน 2 สัปดาห์แรกจะมีรายงานข่าวเปิดเผย มาว่าสามารถกวาดรายได้ไปถึง
300 ล้าน เหรียญ เร็วกว่าหนังไททานิคที่ใช้เวลาถึง 44 วัน แต่พอหลังจากนั้นก็ตกอันดับลงมา
ถูกหนังเรื่องทาร์ซานของวอลต์ดิสนีย์เบียดตกลงมาเช่นเดียวกับเมืองไทย ที่มนต์เสน่ห์ของสตาร์วอร์จางลงเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
ข้อบกพร่องของหนังชุดนี้เป็นบท เรียนที่ทางลูคัสฟิล์ม ต้องเร่งหาข้อสรุป
กันต่อไปเพื่องานชิ้นต่อไป แต่สำหรับสปอนเซอร์รายใหญ่นั้นคงไม่ยอมให้หนังลาโรงไปง่ายๆ
แน่ แต่ต้องรีบหากลยุทธ์ใหม่โดยเร็วที่จะปลุกกระแส สตาร์วอร์ฟีเวอร์ขึ้นมาอีกครั้งและอีกนาน
เพราะมีสินค้าอีกมากมายที่ต้องระบายออกไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วงาน นี้อาจจะต้องเจ็บตัวไปตามๆ
กัน