Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ สิงหาคม 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ สิงหาคม 2542
สุทธิชัย หยุ่น คิดอะไร?             
 

   
related stories

ไอทีวีกับเนชั่น CONFLICT OF INTEREST
สุทธิชัย หยุ่น "ผมจะผิดอย่างเดียวคือขยันมากไป"
จากสุทธิชัย.. สุภาพ.. เทพชัย เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
สายพันธุ์ใหม่ทีวีไทย ไม่มี "พระเอกขี่ม้าขาว"
ข้อมูลบุคคลทีมงานบริหาร ไอทีวี

   
search resources

เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป, บมจ.
สุทธิชัย หยุ่น




หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ มีอะไรอยู่ในหัวหยุ่น เป็นคำถามที่ใครต่อใคร ก็อยากรู้

นั่นเพราะว่าศึกระหว่างสุทธิชัย หยุ่น และฝ่ายบริหารของไอทีวี มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา

เป็นที่แน่ชัดแล้วสำหรับฝ่ายแบงก์ไทยพาณิชย์ แสดงเจตนารมณ์ในฐานะของการเป็นทั้งเจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้น และเป็นลูกหนี้พร้อมกันในเวลาเดียวกันว่า เป้าหมายของการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานมีเป้าหมายอยู่ที่รายได้ และผลกำไร เพราะแบงก์เองก็มีหนี้เสีย NPL ที่ไปลงทุนไว้ในยามที่ฟองสบู่ยังฟูฟ่องไม่น้อย

แต่สำหรับสุทธิชัย หยุ่นแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรกับการเปิดศึกสงครามในครั้งนี้ มากไปกว่า คำ ว่าอิสรภาพของฝ่ายข่าว ที่จะต้องไม่ถูกคุกคามจากฝ่ายบริหาร นอกเหนือจากการมองต่างมุมกันแล้ว การขยับขยายธุรกิจของเนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป ของสุทธิชัย หยุ่น ก็น่าสนใจไม่น้อย

หากจะพลิกย้อนดูประวัติศาสตร์การต่อสู้ของสุทธิชัย หยุ่น ที่กว่าจะมาเป็นเดอะเนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ปในวันนี้ เขาต้องผ่านการต่อสู้ ฝ่าฟัน ล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อยกับการสร้างเนชั่นให้ประสบความสำเร็จ

สุทธิชัย พูดเสมอถึงอุดมการณ์ของคนทำหนังสือพิมพ์ ที่ต้องรักษาความเป็นกลาง ความเป็นอิสระ นโยบายหลักของเขาคือ กองบรรณาธิการต้องเป็นผู้กำหนด และควบคุมนโยบายของหนังสือ การมีนายทุน สนับสนุนด้านการเงิน จะทำให้อำนาจต่อรองต้องสูญเสียไป นี่คือ คำพูดของสุทธิชัยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เนชั่นกำลังโซซัดโซเซกับปัญหาขาดเงินทุน ชัก หน้าไม่ถึงหลัง

มาถึงวันนี้ ความรู้สึกของสุทธิชัยก็ยังไม่เจือจางลง และเป็นสิ่งที่เขากำลังนำมาตอกย้ำมากขึ้นกับปัญหาที่เกิดขึ้นในไอทีวี

หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาหลายปี เดอะเนชั่น ก็มาลงตัว ด้วยการแบ่งแยกบทบาทกันชัดเจน สุทธิชัย รับผิดชอบเรื่องของข่าวไปอย่างเดียว ส่วนหน้าที่การหาเงิน การขาย และการตลาด เป็นของ ธนาชัย ธีรพัฒน-วงศ์ เพื่อนรุ่นน้องโรงเรียนอัสสัมชัญ ที่เข้ามาช่วยกอบ กู้สถานการณ์ในช่วงที่เนชั่นกำลังเจอวิกฤติการเงินมาแล้วหลายระลอก ธนาชัยได้นำเอาระบบการบริหาร และการตลาดมาใช้กับธุรกิจหนังสือพิมพ์ จนกลายเป็นสมการที่ลงตัว หากเปรียบสุทธิชัยเป็นฝ่ายบู๊แล้วธนาชัย ก็คือฝ่ายบุ๋นที่เข้าคู่กันได้ดี

เนชั่นในวันนี้ ได้กลายเป็นเจ้าของ "สื่อ" ครบทุกด้าน จากชื่อบริษัท "เนชั่น พับลิชิ่งกรุ๊ป ก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2539 เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินงานของเนชั่น ที่จะไม่ได้เป็นแค่เจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์อย่างเดียวอีกต่อไป

จากสื่อสิ่งพิมพ์ ที่แตกขยายออกเป็นกรุงเทพธุรกิจ มีอาคารสำนักงานใหญ่ เนื้อที่ 9 ไร่ ริมถนนบางนา มีโรงพิมพ์เป็นของตัวเอง ที่มากไปกว่านั้นก็คือ เนชั่นก็เริ่มขยับไปยัง "สื่อ" อื่นๆ ผลิตรายการวิทยุ ผลิตรายการข่าว แต่ไม่มีสถานีเป็นของตัวเอง ใช้วิธีเช่าเวลาจากเจ้าของสัมปทานคนอื่นอีกที ประสบการณ์สอน สุทธิชัยว่า การเป็นเจ้าของสถานีวิทยุ นอกจากต้องใช้เงินมหาศาลกับการที่ต้อง "จ่าย" ทั้งบนโต๊ะใต้โต๊ะแล้ว ความไม่แน่นอนของความเป็นเจ้าของก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ และเนชั่นก็ทำได้ดีในฐานะของการเป็นผู้ผลิตรายการ

ส่วนธุรกิจโทรทัศน์ เริ่มขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว การไปร่วมทำข่าวเลือกตั้งกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 จากนั้นไปร่วมกับช่อง 7 ผลิตรายการเกี่ยวกับหุ้น ซึ่งเป็นช่วงที่ทำให้ผู้สื่อข่าวของเนชั่น อัญชลี ไพรีรักษ์ แจ้งเกิดในฐานะผู้ประกาศข่าว แต่การลงทุนในช่วงนั้นยังไม่ได้ลงทุนจริงจัง อุปกรณ์ส่วนใหญ่ก็เป็นของสถานีโทรทัศน์ เนชั่นอาศัยเพียงบุคลากร และฐานข้อมูลที่มีอยู่ในมือให้เป็นประโยชน์

สุทธิชัย หยุ่น และเนชั่นมาแจ้งเกิดบนจอโทรทัศน์อย่างเป็นรูปเป็นร่าง ในช่วงเหตุการณ์สงครามอ่าวเปอร์เซีย ที่เขาไปร่วมกับสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ วิเคราะห์เหตุการณ์อิรักกับอิหร่าน ซึ่งได้รับการตอบรับ จากผู้ชม และสปอนเซอร์โฆษณาเป็นอย่างดี ผลความสำเร็จในครั้งนั้นทำให้สุทธิชัยมองเห็นลู่ทางและโอกาสในการขยายไปสู่สื่อ "โทรทัศน์" อย่างเป็นจริงเป็นจัง ที่สำคัญเขาเริ่มเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นจากการนำข้อมูลข่าวสาร ที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่าง "สื่อ" ที่ต่างกัน ซึ่งเป็นความภูมิใจที่เขามักเล่าให้กับพนักงานเนชั่นฟังอยู่เสมอๆ

จากนั้นเนชั่น ก็เริ่มมีรายการประจำบนจอโทรทัศน์ ผลิตรายการเนชั่นนิวส์ทอล์กป้อนให้กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ซึ่งเป็นรายการประเภทสัมภาษณ์ วิเคราะห์ เจาะลึก ซึ่งจะให้น้ำหนักกับเรื่องการเมืองเป็นหลัก ช่วงนั้นเนชั่นก็ไปผลิตรายการข่าวป้อนให้กับรถไมโครบัสอยู่พักใหญ่ และทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งจะไปร่วมกับสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ รายงานข่าว รวมถึงไทยสกายทีวี ที่เคยคิดจะร่วมผลิตข่าวให้ แต่ดีลในครั้งนั้นก็ต้องล้มไป เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง ไม่คุ้มกับค่าสมาชิกที่ยังมีน้อยราย

เมื่อรัฐบาลเปิดให้มีการประมูลทีวีเสรี สุทธิชัย หยุ่น จึงไม่รีรอที่จะนำเนชั่นกระโดดเข้าร่วมวงไพบูลย์ แม้จะพลาดหวังกับการร่วมประมูลไอทีวี แต่เนชั่นก็มาสมหวังในภายหลังกับการเข้าถือหุ้นในไอทีวี เมื่อปี 2538 จากการชักชวนของบรรณวิทย์ บุญญรัตน์

"ตอนแรกเนชั่นรับทำข่าวให้อย่างเดียว แต่ตอนหลังก็กลายมาเป็นว่า เปิดโอกาสให้เข้ามาถือหุ้นด้วยทางสยามทีวีก็รับปากไปเกลี่ยหุ้นจากเจ้าอื่นมาให้เนชั่น เพื่อให้เข้ามาถือหุ้น" สุภาพ คลี่ขจาย ผู้อำนวยการสถานีบริษัทไอทีวี กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ถึงเหตุการณ์ ในครั้งอดีต

การเข้าร่วมกับไอทีวีนับเป็นการต่อยอดความฝันของสุทธิชัยไปอีกขั้นหนึ่ง หลังจากร่วมหุ้นกับไอทีวีได้ปีเดียว ชื่อบริษัทเนชั่น พับลิชิ่งกรุ๊ป ถูกเปลี่ยนเป็น "เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป" เพื่อให้สอดรับกับทิศทางใหม่ที่ไม่ใช่สิ่งพิมพ์เท่านั้น จากนั้น เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2539 ชื่อของเนชั่น บริษัทเนชั่น เทเลวิชั่น ที่เพิ่งเปลี่ยนจากเอ็นพีจี เทเลวิชั่น เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2539 ก็ถูกเปลี่ยนไปเป็น เนชั่นบรอดแคสติ้ง คอร์ปอ เรชั่น ทำธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์ช่อง 9 และไอทีวี

แม้ว่า วันนี้สุทธิชัย หยุ่น จะพูดปรัชญาการทำงานข่าวได้เหมือนเดิม แต่ประสบการณ์ในช่วงหลายสิบปีมานี้ ก็อาจทำให้เรียนรู้ภาพใหม่ของการเป็นนักธุรกิจ และการเป็นเจ้าของเครือข่ายสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ อิเล็กทรอนิกส์ได้มากพอๆ กับการเป็นนักหนังสือพิมพ์

สุทธิชัย หยุ่น มักจะพูดกับกองบรรณาธิการของเดอะเนชั่น และกรุงเทพธุรกิจอยู่ตลอดเวลา ถึงการต้องการทำองค์กรให้สอดรับกับการสร้าง ใช้ประ-โยชน์จากข้อมูลข่าวสาร ด้วยการที่ต้องมีทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อิเล็กทรอนิกส์ เพราะมันคือการ Maximize สื่อเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การเชื่อมโยงสื่อจากฐานข้อมูลเดียวกัน ทุกวันนี้เนชั่นมีบริษัทในเครือ 6 บริษัท เนชั่นบรอดคาสติ้งคอร์ปอเรชั่น เนชั่นเรดิโอ เน็ทเวิร์ค เนชั่น อินเตอร์ เนชั่นแนล เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ เนชั่นอินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี เนชั่นเอ็กมอนท์ เอ็ดดูเทนเม้นท์ ครอบ คลุมสื่อต่างๆ ทุกประเภท กลายเป็น "มัลติมีเดียแพ็ก เกจ" ที่เสนอขายให้ลูกค้า

แม้รายได้จากสื่อต่างๆ ที่มาจากผลิตรายการโทรทัศน์ทำรายได้ปีละ 100 ล้าน วิทยุ ปีละ 48 ล้านบาท และมีรายได้จากบริการข้อมูลข่าวสาร 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขไม่มาก แต่ก็สร้างสีสันให้เนชั่นดูกระปรี้กระเปร่าได้เป็นระยะ

สุทธิชัย หยุ่น เองก็ยังไม่หยุดนิ่งกับการสร้างตำนานเร้าใจบทใหม่ใหักับเนชั่น จิ๊กซอว์ตัวใหม่ของเขาที่กำลังใช้ต่อภาพ "เนชั่นมัลติมีเดีย" ก็คือ สื่ออิเล็ก-

ทรอนิกส์ ด้วยการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต

ทุกวันนี้สุทธิชัยจะใช้เวลาส่วนหนึ่งขลุกอยู่กับเรียนรู้การใช้อินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่จะศึกษา จากตำราในท้องตลาด สุทธิชัยก็เริ่มใช้โปรแกรมไอซีคิวพูดคุยกับเพื่อนๆ และระยะนี้นักข่าวของเนชั่นและคนใกล้ชิด ก็เริ่มชินกับการที่สุทธิชัยพูดถึงเรื่องความสำคัญของอินเตอร์เน็ตอยู่บ่อยๆ

ภาพการขยายไปสู่การสร้าง "สื่อบนอินเตอร์เน็ต จึงคึกคักยิ่งนักสำหรับเนชั่น และกรุงเทพธุรกิจในยามนี้ "nationmultimedia.com" คือ โฮมเพจของเนชั่น จะรวมข้อมูลจากรายการวิทยุ ทีวี และเชื่อมข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลต่างประเทศ

สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ภาพระหว่างเนชั่น และบางกอกโพสต์ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางกอกโพสต์ คู่แข่งคนสำคัญ กำลังกลายเป็นธุรกิจอนุรักษนิยม ที่ยึดมั่นกับสื่อสิ่งพิมพ์เพียงอย่างเดียว

สำหรับเนชั่นแล้ว เป็นภาพที่ให้ความหวือหวา ฟู่ฟ่าไปตามแรงเหวี่ยงของการขยายอาณาจักร "สื่อ แม้ว่าในบางครั้งเนชั่นก็ต้องเจ็บตัวกับการขยายอาณาจักรสื่อไปไม่น้อยก็ตาม แต่การขึ้นลงของหุ้นเนชั่นก็ดูน่าตื่นใจยิ่งกว่านัก

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะมีคนเปรียบเปรยสุทธิชัย หยุ่น กำลังเดินตามรอยรูเพิร์ต เมอร์ดอก ที่ทำให้เจ้าตัวแสดงความหงุดหงิดผ่านคอลัมน์ของเขาในหน้า 3 ของเนชั่นสุดสัปดาห์ในช่วงตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมว่า "คนทำข่าวสารคนนี้ไม่มีความคิดหรือความสามารถ หรือต้องการเป็น รูเพิร์ต เมอร์ดอก เมืองไทย เพราะมันเชย มันเหนื่อย มันวัตถุนิยม และมันไร้รสนิยมโดยสิ้นเชิง พอจะเรียกว่า ผมเป็นเจ้าของก็เฉพาะในบริษัททำหนังสือพิมพ์ที่ชื่อ เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป"

แต่การเคลื่อนไหวตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็ทำให้อดนึกไม่ได้ว่า คำว่า เนชั่น มัลติมีเดีย กับ Media cross owner ship จะแตกต่างกันเพียงใด

และคนที่ตอบได้ดีที่สุด ก็คือ สุทธิชัย หยุ่น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us