สุทธิชัย หยุ่น และเทพชัย หย่อง เป็นพี่น้องไม่กี่คู่ ที่ต้องมาใช้นามสกุลแตกต่างกันอย่างไม่ตั้งใจ
"ตอนไปแจ้งเกิดผม ความที่แม่เขาเป็นจีนพูดไม่ชัด คนที่อำเภอก็เลยได้ยินว่าเป็นหย่อง
ก็ใช้มาเรื่อยไมรู้หรอกว่าถูกหรือผิด เพราะตอนนั้นยังเด็ก แม่ก็เป็นคนจีนเขาก็ไม่อยากขึ้นไปอำเภอ"
เทพชัย เล่าถึงที่มาของการใช้นามสกุลที่ผิดเพี้ยนกันไป
สุทธิชัย และเทพชัย เป็นคนหาดใหญ่ ที่บ้านค้าขาย ทั้งคู่เรียนจบชั้นมัธยมที่โรงเรียนแสงทอง
หาดใหญ่ จากนั้นก็เข้ามาเรียนต่อที่โรงเรียนอัสสัมชัญคอมเมิร์ซ สุทธิชัย
และเทพชัย ยังมีพี่สาวและพี่ชายคนโตอีก 2 คน แต่อายุมากแล้ว 60 กว่าปีแล้ว
เทพชัย อายุห่างกับสุทธิชัยถึงสิบปี ตอนเขาเกิดพี่สาวคนโตของเขามีลูกอายุ
2 ขวบแล้ว เทพชัยเล่าว่า ที่บ้านทำอาชีพค้าขาย พ่อทำงานรับจ้าง ตอนเด็กๆ
ครอบ ครัวค่อนข้างยากจน การเรียนของเขาจึงเป็นหน้าที่ของสุทธิชัยเป็นคนส่งเสียมาตลอด
สุทธิชัยและเทพชัยเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากๆ คู่หนึ่ง
ชีวิตการงานของเขาเริ่มต้นขึ้นที่หนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น เริ่มด้วยการเป็นนักเขียนแผนกโฆษณา
จากนั้นก็มาฝ่ายข่าว จนได้เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนจะสมัครใจมาทำงานที่ไอทีวี
หลังจากที่สุทธิชัยตกปากรับคำร่วมหุ้นกับไอทีวี
แม้ว่าในช่วงแรกสุทธิชัย หยุ่น จะมาร่วมกำหนดนโยบาย วางกติกา ฟอร์มทีมงานของฝ่ายข่าวไอทีวีร่วมกับเทพชัย
และสุภาพ คลี่ขจาย และอัชฌา สุวรรณปากแพรก แต่ก็ไม่ได้ลงไปดูแลแบบวันต่อวัน
ปล่อยให้เทพชัย หย่อง แสดงฝีมือเต็มที่ นานๆ สุทธิชัยจะมาประชุมสักครั้งหนึ่ง
ผู้รู้ในไอทีวีเล่าว่า ช่วงแรกที่มาทำไอทีวี คนที่เป็นคนคุมกองข่าวในช่วงแรกคือสุภาพ
แต่จะด้วยเหตุอะไรหรืออะไรก็ตามแต่ หลังจากทำได้ไม่นานเทพชัยก็ถูกดัน ขึ้นมาคุมทีมข่าวแทนสุภาพ
ที่ไปรับผิดชอบด้านกิจกรรมพิเศษ ดูแลผลิตรายการไอทีวีทอล์ก และพ่วงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานี
ส่วนสุทธิชัยในช่วงแรกๆ ก็หายหน้าไปจากเนชั่นพัก ใหญ่ เพื่อมาช่วยร่วมบุกเบิกไอทีวี
ก่อนจะกลับไปนั่งที่เนชั่น และนานๆ จะมาร่วมประชุมข่าวกับทีมข่าวไอทีวีสักครั้ง
ปล่อยให้เทพชัย โชว์ฝีมือ
"เทพชัย เป็นน้องผม แย่กว่าคนอื่นตรงที่เป็นน้องผม ถูกจ้องมอง คุณสุภาพมักพูดลับหลังผมว่า
สั่งคุณเทพชัยไม่ได้ เพราะเป็นน้องคุณสุทธิชัย มีคนมาฟ้องผม ซึ่งผมว่ามันไม่แฟร์กับคุณเทพชัย
เขามาเพราะฝีมือการทำงาน ถามคนเนชั่น ถามคนไอทีวีเขามาได้ดิบได้ดีเพราะผมหรือเปล่า
ผมบอกให้ก็ได้ว่า ข่าวที่ผ่านมา 70-75% เป็นฝีมือของเทพชัย ไม่ใช่ผม"
หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า ระเบิดที่เขาโยนใส่สุภาพ คลี่ขจาย ด้วยข้อหา "จริยธรรม"
มีมูลเหตุจากการที่สุภาพ คลี่ขจาย ยอม "เปลี่ยนสี" เข้ากับฝ่ายบริหารไอทีวี
ซึ่งต้องการผ่าตัดฝ่ายข่าว กระจายอำนาจออกเป็น 3 ส่วน ให้สุภาพ และอัชฌา
แบ่งกันรับผิดชอบ พูดง่ายๆ ก็คือ ตัดทอนอำนาจการดูแลฝ่ายข่าวของเทพชัยลง
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ลดบทบาท "เนชั่น" ลง
เป็นเรื่องที่สุทธิชัย หยุ่น ยอมไม่ได้ และเขาไม่เคยยอมให้ใครทำสิ่งเหล่านี้กับเทพชัยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
คนเก่าๆ ที่เนชั่นคงรู้เรื่องดี
"คุณศรัณย์ทรโทรมาหาผมต้องการปรับโครงสร้าง ลดอำนาจคุณเทพชัยที่เคยดูแลข่าวทั้งหมดลง
บอกว่าคุมคนเยอะไป แต่คุณสุภาพเขาไม่เคยบอกผม เพราะเขาจะมีอำนาจมากขึ้น เรื่องนี้น่าเศร้า
แทนที่คุณสุภาพจะช่วยกันปกป้องฝ่ายข่าว ต่อสู้เพื่อคนข่าว เพราะอยู่กันมาตั้งแต่เนชั่น
จนมาที่ไอทีวี"
จากนั้นสุทธิชัย ก็พูดถึงปัญหาจริยธรรมของสุภาพว่า "ตอนคุณสุภาพจะมาทำงานกับผม
มีคนเคยมาบอกว่าประวัติคุณสุภาพไม่ดีนัก ผมก็บอกให้แก้ตัว คุณสุภาพก็รับปากผม
แต่พฤติกรรมหลายอย่างยังไม่ยุติลง ล่าสุดก็ไปฝากตำรวจทางใต้ ก็มีคนมาบอกผม"
"ภาพของผมกับคุณสุภาพติดกันตลอด ฉะนั้นคุณสุภาพทำไม่ดี ผมก็เสียไปด้วย
สิ่งเหล่านี้ผมเคยพูด สังคมเราถ้าความจริงไม่พูดกัน แล้วคนอย่างคุณสุภาพเปลี่ยนสี
คนรุ่นใหม่เขาจะมองตัวอย่างยังไง เขาก็ทำอย่างนี้สิ เข้าข้างคนชนะ เข้าข้างคนมีอำนาจ
ผมไม่ต้องการให้ฝ่ายข่าวไอทีวีเห็นว่า คนที่เปลี่ยนสีได้ ทิ้งอุดมการณ์ เปลี่ยนหลักการได้
ทิ้งลูกน้องได้ ไม่ควรได้ดิบได้ดีในสังคมไทย"
"ผมกล้าพูดเพราะผมรู้จักคุณสุภาพดี และพูดคุยกับสุภาพหลายครั้งในเรื่องจริยธรรม
ผมไม่อยากให้สังคมไทยตราหน้าผมว่า เอาคนอย่างนี้มาทำงาน ในวงการเตือนผมหลายคน
มาเจอวิกฤติก็ยิ่งรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง"
เป็นถ้อยคำที่สุทธิชัย ได้พิพากษา สุภาพ คลี่ขจาย ต่อหน้าผู้สื่อข่าวจำนวนมากไปเรียบร้อยแล้ว
และคำถามที่ตามมาคือ ทำไมสุทธิชัย หยุ่น เพิ่งหยิบยกเรื่องนี้มาพูดทั้งๆ
ที่เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นมาเป็นเวลา 2-3 ปีมาแล้ว และคำตอบจากสุทธิชัย ก็คือ
"ผมจับไม่ได้คาหนังคาเขา"
"ผมอาจจะพูดดุเดือด รุนแรง แต่ผมไม่ได้พูดด้วยอารมณ์ ผมอาจจะเสียงดัง แต่ทุกอย่างคิดคำนวณ
ใคร่ ครวญดีแล้ว ไม่ใช่ง่ายนะจะพูดเรื่องแบบนี้ ผมไปนั่งคิด นอนคิดมาแล้ว"
นี่คือคำตอบจากสุทธิชัย ซึ่งก่อนมาแถลงข่าว เขาก็บอกในรายการ "คุยกันวันเสาร์"
คลื่น 90.5 ว่า ก่อนมาแถลงข่าว เข้าร้านตัดผมนอนให้พนักงานในร้านโกนและล้างศีรษะมาจนเกลี้ยง
และยังเดินผิวปากเข้าไปในไอทีวี พูดก็เป็นจังหวะ
และแม้ว่า สุทธิชัยจะบอกในวันถัดมาว่า ได้ตักเตือนสุภาพและก็ได้รับคำชี้แจงจนเข้าใจดีแล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ ปรับความเข้าใจดีแล้ว และถึงแม้ว่าสุภาพยังคงออกมาอ่านข่าว
และทำรายการไอทีวีทอล์กเหมือนเดิม แต่สุภาพก็ถูกพิพากษาในข้อครหาเกี่ยวกับคำว่าจริยธรรมไปเรียบร้อย
แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับคนทำข่าว เรื่องนี้อย่างน้อยก็สอนให้รู้ว่าถึงยังไงเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
!