ท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ของเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ ในสนามไดร์ฟกอล์ฟประชาชื่นสปอร์ต
เยื้องกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จะมีเด็กเล็กๆ หญิง-ชายกลุ่มหนึ่ง อายุตั้งแต่
5 ขวบขึ้นไปไม่เกิน 12 ปี ในชุดกีฬา ท่าทางทะมัดทะแมง กำลังฝึกซ้อมกอล์ฟกันอย่างร่าเริง
เด็กๆ กลุ่มนี้ คือ นักเรียนของ Heartland Golf Schools ในหลักสูตร "Super
Stars" ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะ เปิดสอน เมื่อประมาณเดือนมีนาคม
2543 ที่ผ่านมา และปรากฏว่า เป็นที่สนใจของ ผู้ปกครองอย่างมากจนต้องเปิดโปรแกรมนี้พร้อมๆ
กัน โดยใช้สนามไดร์ฟ กอล์ฟอื่น นอกจาก ที่ประชาชื่นอีก 2 สนาม ในกรุงเทพฯ
คือ สนามเอ็กสปอร์ต ตรงสี่แยกเหม่งจ๋าย และธนบุรี กอล์ฟ ไดร์ฟวิ่งเรนจ์
Heartland Golf Schools เป็นสถาบันฝึกสอนกอล์ฟ ก่อตั้งขึ้นครั้งแรก ที่เมืองเซ็นต์หลุยส์
รัฐมิสซูรี่ สหรัฐอเมริกา เมื่อประมาณ ปี 2538 โดยมีโทนี่ มีชัย เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง
และได้ขยายสาขาเข้ามาตั้งในเมืองไทย ที่สนามกอล์ฟสปริงฟิลด์รอยัลคันทรีคลับ
ชะอำ เมื่อปี 2542 จากนั้น ก็ได้ขยายเข้ามาในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมาได้เปิดสาขาใหม่ ที่สนามไดร์ฟ
Gussan ในจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนปีหน้ามีโครงการเปิดสาขาของโรงเรียนเพิ่มขึ้น ที่สนามกอล์ฟบลูแคนยอนในจังหวัดภูเก็ต
ทุกๆ สาขา นอกจากจะมีหลักสูตรสำหรับผู้ใหญ่แล้ว จะมีโปรแกรมสำหรับเด็กๆ
ให้เลือกเรียนกันตามสะดวก
"ผมถามเด็กๆ ที่มาเรียนว่า ทำไมถึงชอบกีฬากอล์ฟ คำตอบก็คือ อยากเก่ง
และมีชื่อเสียงอย่างไทเกอร์ วูดส์ ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ครับ"
พีรยศ เกริกกฤติยา กรรมการผู้จัดการของโรงเรียนแห่งนี้ เล่าให้ "ผู้จัดการ"
ฟัง ในขณะที่เด็กๆ มี ไทเกอร์ วูด เป็นฮีโร่ สร้างแรงจูงใจ แต่เหตุผลที่พ่อแม่สนับสนุนให้ลูกเล่นก็เพราะตัวเองเล่นเป็นอยู่แล้วต้องการให้ลูกได้เล่นเป็นด้วย
แต่อีกส่วนหนึ่งต้องการให้ลูกเล่นกีฬา และการให้เรียนกอล์ฟก็เหมือน กับการเตรียมตัวลูกให้พร้อมว่าต่อไปลูกจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ลูกต้องอยู่ในสังคมแบบไหน เป็นการเตรียมให้เด็กก้าวไปสู่สังคมอีกระดับหนึ่ง
และ ที่สำคัญ ทุกวันนี้กีฬากอล์ฟยังคงเป็นที่นิยม และได้มีการผลักดันให้เป็นกีฬาประเภทหนึ่งให้เข้าไปอยู่ในหลักสูตรการศึกษา
ค่าใช้จ่ายในการเล่น ที่ถูกลงกว่าในสมัย ที่กำลังฮิตกันใหม่ๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าสมาชิก
ค่าเข้าไปเล่นในสนามต่อวัน เป็นจุดดึงดูดใจอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ผู้ปกครองสนับสนุนให้ลูกๆ
เล่น เพิ่มขึ้น แต่ในช่วงเวลา ที่ผ่านมาในเมืองไทยจะไม่มีโรงเรียนสอนกอล์ฟให้เด็กๆ
อย่างจริงจัง ถึงแม้ทุกวันนี้ตัวเลขจากชมรมส่งเสริมการเล่นกอล์ฟของเยาวชนไทย
ก็ยืนยันว่ามีอยู่ประมาณ 2-3 แห่งเท่านั้น ผู้ปกครองจึงจำเป็นต้องจ้างโปรกอล์ฟสอนตัวต่อตัว
ซึ่งค่าใช้จ่ายจะแพงมากประมาณ 800 บาทต่อชั่วโมง ในขณะที่โปรแกรมของ Heartland
จะเป็นหลักสูตร ที่เรียนเป็นกลุ่ม แบ่งเด็กเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน มีโปรกอล์ฟประมาณ
1 คน ค่าใช้จ่ายจะลดลงมาเหลือเพียง 300 บาทต่อชั่วโมงเท่านั้น
แม้แต่ไม้กอล์ฟของเด็กก็จะใช้วิธีเอาไม้กอล์ฟของผู้ใหญ่ไปตัดให้สั้นลง
เพื่อให้เด็กๆ จับได้ถนัด แต่ขณะนี้บริษัทขายอุปกรณ์เครื่องกีฬา ต่างๆ ได้ผลิตอุปกรณ์ในการเล่นกอล์ฟของเด็กๆ
เพิ่มขึ้น รวมทั้งการผลิตไม้กอล์ฟ สำหรับเด็กด้วย ซึ่งชุดหนึ่ง มีตั้งแต่ราคา
1,000 บาทขึ้นไป
สำหรับโครงสร้างของหลักสูตร Super Stars นี้แบ่งออกเป็น 5 ระดับ แต่ละระดับใช้เวลาเรียนประมาณ
5 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง คือ 1. White Stars Junior Beginner 1 2.
Blue Stars Junior Beginner 2 3. Green Stars Junior Intermediate 4. Silver
Stars Junior Advance 5. Gold Stars Junior Genius
ในระดับแรก เด็กๆ จะต้องเรียนรู้พื้นฐานในการยืนหมุนตัว การเรียนรู้พื้นฐานในการสวิงโดยธรรมชาติ
และทดลองตีลูกบนที ชั่วโมง ที่ 2 ก็จะเริ่มเรื่องพื้นฐานของวงสวิง พัฒนาการจับไม้
การยืน การเล็ง ชั่วโมง ที่ 3 พัฒนารูปแบบของวงสวิง ชั่วโมง ที่ 4 เรียนรู้จังหวะ ที่แตกต่างของวงสวิง
และขนาดของวงสวิง และหัดตีลูกบนพื้น ส่วนชั่วโมงสุดท้ายเป็นการทดสอบ และประเมินผล
ซึ่งวางเป้าหมายไว้ว่า เด็กๆ ต้องสามารถตีลูกบนทีด้วยวงสวิงเต็มได้ตรง 4-5
ลูก และสามารถตีลูกบนพื้นได้ 3 ใน 5 ลูก
เมื่อเด็กๆ ผ่านหลักระดับแรกก็จะก้าวไปสู่ระดับของ Blue Star Beginner
2 ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างในเรื่องของการชิพ พัท ระเบิดทราย เพื่อเตรียมตัวสู่การออกรอบต่อไป
"การสอน เรามีทั้งระบบเก่า เรียนแบบตัวต่อตัว และระบบใหม่ ที่เรียนกันเป็นกลุ่ม
โดยที่เข้ามาตอนไหนก็ได้แต่ต้องเข้ามาให้ครบ 5 ครั้ง การสอนช่วงแรกๆ จะเน้นเรื่องพัท
เรื่องชิพ วงสวิง มีระเบิดทราย ก็จะวนสอนเหมือนกัน ผู้ปกครองใจร้อนไม่ได้นะครับ
บางคนอยากเห็นวงสวิงของลูกสวยๆ เลยนั้น ไม่ได้ ต้องใช้เวลา"
ปัจจุบันเฉพาะหลักสูตร Super Stars มีนักเรียนทั้งหมดรวมกันทุกสนามประมาณ
60 คน นอกจากจะมีสอนตามโรงเรียนในสาขาต่างๆ แล้ว ยังมีการส่งโปรกอล์ฟไปสอนยังโรงเรียนนานาชาติต่างๆ
ในเมืองไทย ที่ติดต่อเข้ามาอีกด้วย รวมทั้งลูกศิษย์จากจากเซ็นทรัลบัณฑิตน้อย
และ จั๊กกะจี๋ ของ S&P
ความสำเร็จ ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้โทนี่ มีชัย และผู้บริหารโรงเรียนกำลังฝัน ที่จะมีสนามไดร์ฟ ที่เป็นโรงเรียนฝึกสอนกอล์ฟ ที่สมบูรณ์สักแห่งหนึ่ง
ที่เป็นสนาม เพื่อการสอนอย่างสมบูรณ์แบบเป็นที่ ที่ทุกคนเข้ามาจะต้องรู้ว่า
นี่คือ โรงเรียนสอนเล่นกอล์ฟ เช่น จะต้องมีห้องเรียน ห้องสมุด เพื่อ ที่จะสามารถบริการลูกค้าได้ทั้งทฤษฎี
และปฏิบัติ ก็ไม่น่าจะมีอะไรเกินฝัน เพราะทราบมาว่าขณะนี้ได้เตรียมพื้นที่บนถนนย่านรามอินทราประมาณ
25 ไร่ เพื่อสร้างโรงเรียนสอนกอล์ฟในอุดมคติให้เป็นจริง ในประมาณไม่เกิน
2 ปี ข้างหน้านี้