ตอนนี้ฝรั่งเศสก็กลายเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจค้าปลีกของยุโรปแล้ว หลังจากที่คาร์ฟูร์และโปรโมเดส์
กรุ๊ป ผนวกกิจการกันตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผู้ที่หนักใจกับข่าวนี้ก็เห็นจะเป็นวอล
มาร์ท สโตร์ อิงค์ แห่งสหรัฐฯ ที่กำลังผลักดันตนเองเพื่อขยายธุรกิจในตลาดโลกเช่นกัน
คาร์ฟูร์ซื้อกิจการโปรโมเดส์เป็นมูลค่า 16.5 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มีร้านค้าปลีกทั้งหมด
8,800 แห่ง ใน 26 ประเทศ กับยอดรายได้รวม 65 พันล้าน ดอลลาร์
การผนวกกิจการครั้งนี้ทำให้คาร์ ฟูร์ได้ส่วนลดมากเป็นพิเศษจากซัปพลาย
เออร์ จึงสามารถตัดราคาคู่แข่งและเร่งผลักดันตนเองไปสู่ความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในธุรกิจแขนงนี้
โดยเฉพาะในตลาดละตินอเมริกาและเอเชียที่คาร์ฟูร์มีชื่อเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว
นอกจากนั้น คาร์ฟูร์ยังอาศัยฐานด้านระบบการจัดจำหน่าย และคลังสินค้าที่แข็งแกร่งของโปรโมเดส์
มาเสริมจุดอ่อนซึ่งแต่เดิมเป็นรองวอล-มาร์ทอยู่
"เรากำลังสร้างตัวเองให้เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกระดับโลก" แดเนียล
เบอร์นาร์ด ประธานบริหารของคาร์ฟูร์กล่าว เบอร์นาร์ดเป็นผู้กุมบังเหียนธุรกิจของคาร์ฟูร์หลังการควบกิจการแล้ว
ในตลาดยุโรป การควบกิจการครั้งนี้ทำให้วอลมาร์ทต้องประกาศซื้อกิจการตามอย่างบ้าง
เพราะแม้วอล-มาร์ทจะมีบริษัทโฮลดิ้งส์อยู่ในอังกฤษและเยอรมนีแล้ว แต่หากไม่เร่งหาพันธมิตรใหม่ๆ
แล้ว ก็คงก้าวเป็นผู้นำในธุรกิจแขนงนี้ในตลาดยุโรปไม่ได้ ปัจจุบันอาสดา กรุ๊ป
ซึ่งเป็นบริษัทโฮล-ดิ้งใหญ่ที่สุดของวอลมาร์ทในยุโรป และ เป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ
ก็มีขนาดเพียงหนึ่งในห้าของคาร์ฟูร์เท่านั้น ยิ่งกว่านั้น วอลมาร์ทยังต้องต่อกรกับการขยายฐานของคาร์ฟูร์ในตลาดใหม่ๆ
ด้วย เพราะหลังจากที่คาร์ฟูร์ซื้อกิจการโปร-โมเดส์ได้ไม่นานก็เข้าซื้อเชนค้าปลีกอีกสามแห่งในบราซิล
ทำให้ส่วนแบ่งตลาดในบราซิลเพิ่มเป็น 20% ทันที ในขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของวอลมาร์ทมีเพียง
1.4%
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าคาร์ฟูร์จะล้มแชมป์อย่างวอลมาร์ทได้ง่ายๆ
เพราะในขณะที่คาร์ฟูร์รั้งตำแหน่งอันดับสองของโลก แต่ก็ยังมียอดขายและมูลค่าตลาด
ห่างไกลจากวอลมาร์ทอีกมาก และแม้ว่าวอลมาร์ทจะยังมีอุปสรรคในการเติบโตในตลาดยุโรป
แต่ก็มีช่องทางขยายฐานในสหรัฐฯ ได้อีกมาก ในขณะที่คาร์ฟูร์กลับมีโอกาสขยายตัวได้น้อยเนื่องจากตลาดยุโรปนั้นอิ่มตัวแล้ว
หรือหากพิจารณาจากข้อได้เปรียบที่คาร์ฟูร์มีอยู่ในตลาดเอเชียและละตินอเมริกา
เนื่องจากได้เข้าไปเปิดตลาดในภูมิภาคเหล่านี้แล้ว แต่โอกาสของวอลมาร์ทก็ยังมีอีกมากไม่แพ้กัน
เพราะธุรกิจค้าปลีกในแบบ mass scale ลักษณะนี้เพิ่งจะเริ่มต้นในตลาดเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม คาร์ฟูร์ก็เป็นคู่แข่งที่มีจังหวะก้าวรุกรวดเร็ว เพราะนับตั้งแต่คาร์ฟูร์ริเริ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกของโลก
เมื่อปี 1963 คาร์ฟูร์ก็ได้ขยายขอบข่ายบริการหลากหลายมากขึ้น ทุกวันนี้ลูกค้าของคาร์ฟูร์ไม่เพียงแต่แวะซื้อสินค้าประเภทของชำต่างๆ
หรือเลือกซื้อรองเท้าเทนนิสสักคู่เท่านั้น แต่ยังสามารถสั่งซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่
เช่ารถ จองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมได้อีกด้วย ในขณะที่บริการของวอลมาร์ทยังค่อนข้างจำกัด
คาร์ฟูร์ยังมีความคิดริเริ่มในแง่การออกแบบร้านซึ่งลดความแข็งกระด้าง
ของรูปแบบอาคารที่เป็นคลังสินค้าขนาดใหญ่ โดยการปูพื้นไม้และใช้ไฟที่ไม่ใช่ฟลูออเรสเซนต์ในบางแผนก
และยังมีเคาน์เตอร์บริการอยู่ในแผนกอาหาร เพื่อให้ลูกค้าสั่งซื้อเนื้อสัตว์
ชีส และขนมปังได้ตามสั่ง
"คาร์ฟูร์มีบริการทั้งในทางลึกและมีความหลากหลายพร้อมๆ กัน" ฟิลิปป์
คาส หุ้นส่วนของบริษัทที่ปรึกษาเชิงยุทธศาสตร์โอซีแอนด์ซีในฝรั่งเศสให้ความเห็น
บริการเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ส่วนต่างกำไรของคาร์ฟูร์เพิ่มมากขึ้น ผลกำไรของกิจการในปี
1998 เพิ่มขึ้น 13.6% จากปีก่อน หรือเป็น 755.2 ล้านดอลลาร์จากยอดขาย 32
พัน ล้านดอลลาร์
ความริเริ่มที่สำคัญอีกประการหนึ่งของคาร์ฟูร์ก็คือการรุกคืบออกไปในตลาดต่างประเทศ
นั่นก็คือการขยายฐานทั่วยุโรปตะวันตกและเข้าไปในละติน อเมริกาในช่วงทศรรษ
1970 โดยเปิดกิจการแห่งแรกในบราซิลเมื่อปี 1975 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา คาร์ฟูร์ยังขยายเข้าสู่เอเชียและยุโรปตะวันออก
การผนวกกิจการกับโปรโมเดส์ยังผลให้คาร์ฟูร์เป็นเชนค้าปลีกอันดับหนึ่งในบราซิล
อาร์เจนตินา ไต้หวัน ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส กรีซ และเบลเยียม
อย่างไรก็ดี คาร์ฟูร์พลาดท่าอยู่เหมือนกันเมื่อขยายกิจการเข้าไปในสหรัฐฯ
ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 โดยเปิดร้านสาขาจำนวนหนึ่งในฟิลาเดลเฟีย แต่ท้ายที่สุดก็ต้องพับฐานไปเพราะยอดขายไม่กระเตื้อง
ขณะเดียวกัน ธุรกิจของคาร์ฟูร์ในตลาดใหม่ๆ ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่มาก เมื่อปีกลายคาร์ฟูร์มียอดขาดทุนสุทธิถึง
10.4 ล้านดอลลาร์ในเอเชีย นอกจากนั้น ภาวะเศรษฐกิจซบเซาในละตินอเมริกาเมื่อปีที่แล้วก็คงจะกระทบถึงยอดขายของคาร์ฟูร์ในปีนี้ด้วย
สิ่งที่ท้าทายความสามารถของคาร์ฟูร์ก็คือ ระบบการจัดส่งสินค้า วอล มาร์ทเอาชนะคู่แข่งในสหรัฐฯ
โดยสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับซัปพลายเออร์ และปรับเปลี่ยนระบบการจัดจำหน่าย
ซึ่งช่วยลดต้นทุนและทำให้ราคาสินค้าต่ำลง นักวิเคราะห์รายหนึ่งชี้ว่าการจะแข่งขันในจุดนี้
คาร์ฟูร์จะต้องควบคุมหน่วยงานระดับปฏิบัติการต่างๆ ให้มาก ขึ้นจากเดิมที่มีการกระจายอำนาจออกไป
นักวิเคราะห์ธุรกิจยังมองด้วยว่าคาร์ฟูร์กับวอลมาร์ทเป็นคู่แข่งที่ขับ
เคี่ยวกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยในขณะที่คาร์ฟูร์งัดเอากลยุทธ์การตัดราคา
การปรับปรุงรูปแบบร้าน รวมทั้งการย้ายทำเลร้าน วอลมาร์ทกลับต้องชะลอแผน เปิดร้านในอาร์เจนตินาเนื่องจากปัญหาการก่อสร้าง
ในทางตรงกันข้าม วอลมาร์ทมีความระมัดระวังมากกว่าคาร์ฟูร์ โดยเริ่มต้นขยายฐานตลาดต่างประเทศจากเม็กซิโกในปี
1991 ตามด้วยแคนาดา ก่อนที่จะผลักดันเข้าสู่อเมริกาใต้และยุ-โรป ขณะนี้วอลมาร์ทจึงเป็นเจ้าตลาดในเม็กซิโก
ทว่ายอดขายในตลาดต่างประเทศเมื่อปีที่แล้วก็มีเพียง 9% ของยอดรายได้ทั้งหมด
เทียบกับสัดส่วนของ 44% ของคาร์ฟูร์
ในด้านทำเลที่ตั้ง คาร์ฟูร์พยา-ยามเลี่ยงตลาดอังกฤษและเยอรมนีซึ่งวอลมาร์ทเข้าไปช่วงชิงที่มั่นไว้แล้ว
ส่วนวอลมาร์ทก็หลีกห่างจากฐานที่มั่นของคาร์ฟูร์ในฝรั่งเศสและยุโรปตอนใต้
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตคงมีการเปลี่ยน แปลงอีก เนื่องจากรัฐบาลเยอรมนี ฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศเริ่มมีนโยบายปกป้องร้านค้าปลีกรายย่อย
แนวทางการ เติบโตต่อไปจึงน่าจะเป็นการซื้อกิจการ เล็กๆ เหล่านี้
นักวิเคราะห์คาดว่าวอลมาร์ทคงกำลังหาลู่ทางซื้อกิจการในฝรั่งเศสเพิ่มเติม
แต่วอลมาร์ทก็ยังใช้แนวทางที่ระมัดระวังในการซื้อกิจการ จึงยังลังเลในเรื่องการซื้อกิจการในฝรั่งเศส
ทั้งที่คู่แข่งรายอื่นอย่างอะโฮลด์แห่งเนเธอร์แลนด์ก็เผยทีท่าว่าสนใจซื้อกิจการในฝรั่งเศสเช่นกัน
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าวอลมาร์ทจะต้องเร่งตัดสินใจให้เร็วขึ้น และการแข่งขันระหว่างสองยักษ์ใหญ่อย่างวอลมาร์ทกับคาร์ฟูร์ในตลาดโลกก็คงจะเข้มข้นต่อไป...
สำหรับผลกระทบของปรากฏ การณ์นี้ต่อคาร์ฟูร์ (ประเทศไทย) ที่บริหารโดย บริษัท
เซ็นคาร์ จำกัด ณ วันนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการดำเนินธุรกิจใดๆ
ในประเทศไทย บริษัทยังคงมีนโยบายจะเป็นผู้นำตลาดในด้านใดด้านหนึ่งไม่ว่าจะด้านยอดขาย
ผลกำไร การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย หรือจำนวนสาขามากที่สุดอย่างแน่นอน โดย ใช้กลยุทธ์
"ราคาต่ำ" ซึ่งคาร์ฟูร์ใช้มาตลอด 3 ปีเต็มนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย
ซึ่งเหมาะสมกับเศรษฐกิจ ในปัจจุบันที่มีการแข่งขันที่รุนแรงมาก อย่างไรก็ดี
กลยุทธ์ "ราคาต่ำ" ใช้ได้กับผู้ประกอบธุรกิจที่มีสายป่านยาวเท่านั้น
นอกจากนั้น บริษัทมีแผนขยายสาขาปีละ 2 แห่ง ซึ่งในปีนี้ก็ครบแล้ว โดยล่าสุดได้เปิดคาร์ฟูร์สาขาที่
9 ณ ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นสาขาสุดท้ายของปีนี้ ต่อจากสาขารามอินทราที่เพิ่งเปิดในปีนี้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้บริษัทจะทยอยปรับปรุงรูปแบบร้านใหม่ที่มีความทันสมัยมากขึ้นในรูปแบบของ
Neighbourhood Mall ให้ครบทุกสาขาโดยเร็วที่สุด ส่วนแผนในปีหน้าก็จะเริ่มออกไปลงทุนเปิดสาขาในต่างจังหวัดให้มากขึ้น
โดยจะเลือกลงทุนในจังหวัดใหญ่ๆ ก่อน
หมายเหตุ : "ผู้จัดการ" เคยลงเรื่องราวของคาร์ฟูร์ตั้งแต่แรกเริ่มที่มาเปิดสาขาในประเทศ
ไทย ในฉบับเดือนสิงหาคม 2540