Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ ตุลาคม 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ ตุลาคม 2542
เด็กบ้านนอก ลูกพ่อค้าโชวห่วย             
 

   
related stories

บุญคลี ปลั่งศิริ ผู้นำชินคอร์ปยุคใหม่
คลังอาวุธสมอง บุญคลี ปลั่งศิริ

   
search resources

บุญคลี ปลั่งศิริ




บุญคลี เป็นคนแปดริ้ว ครอบครัวคนจีน พ่อเกิดที่เมืองจีนแต่มาตั้งรกรากในไทยเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว

ใครจะรู้ว่าชื่อที่ฟังดูเป็นไทยแท้อย่างคำว่าบุญคลี ที่จริงแล้วดัดแปลงมาจากภาษาจีนที่อ่านว่า "บ่งคี๊" เช่นเดียวกับนามสกุล ปลั่งศิริ ก็มาจากแซ่ ่"ปัง" ชื่อจริงๆ ของเขาก็คือ "ปังบ่งคี๊"

ด้วยความที่ครอบครัวค้าขาย พ่อเปิดร้านขายของประเภทซูเปอร์สโตร์ ที่แปดริ้ว พ่อจึงมีอิทธิพลต่อแนวคิดทางธุรกิจของบุญคลีอย่างช่วยไม่ได้ และต่อมาเขาก็พบว่า วิธีการทางธุรกิจที่พ่อใช้อยู่เวลานั้น เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีที่เขียนถึงในปัจจุบัน

บุญคลีเป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 4 คน และเป็นคนเดียวที่ได้เรียนหนังสือมากที่สุด พี่อีก 3 คน จบแค่ชั้นมัธยมปีที่ 6 บ้าง จบปวช.บ้างก็ต้องไปช่วยพ่อแม่ขายของ

บุญคลีถูกส่งไปโรงเรียนจีนตั้งแต่อยู่ชั้นอนุบาล แต่ก็เรียนไปได้ 4 ปี เกิดเหตุการณ์ต่อต้านคอมมิวนิสต์ขึ้นในไทย ที่คนจีนถูกเพ่งเล็ง และเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวเขาเปลี่ยนชื่อนามสกุลมาเป็นไทย

"พอถึงตอนนั้นพ่อผมไปเป็นลูกเสือชาวบ้าน ผมมานั่งคิดว่าพ่อผมเก่ง เพราะเวลานั้นคนจีนถูกโจมตีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ พ่อก็ไม่มีปัญหา เพราะไปเปลี่ยนชื่อนามสกุล หลายครั้งที่ผมทำธุรกิจมันถึงได้ย้อนกลับไปถึงการทำธุรกิจของพ่อผมมาตลอด"

ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนั้น โรงเรียนจีนที่บุญคลีเรียนอยู่ต้องปิดตัวลงไป คราวนี้เขาถูกส่งไปเข้าโรงเรียนเซ็นต์หลุยส์ที่แปดริ้ว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการวางรากฐานในเรื่องภาษาอังกฤษที่เป็นประโยชน์มากในเวลาต่อมา

การมาจากครอบครัวค้าขาย เมื่อมีเวลาว่างจากเรียนหนังสือ เขาก็ต้องกลับมาช่วยที่บ้านค้าขาย ต้องขึ้นรถตู้ไปส่งของกับพ่อตามจังหวัดใกล้เคียงอย่างอรัญประเทศ กบินทร์บุรี สระแก้ว จันทคาม และประสบการณ์เหล่านี้เอง ทำให้เขาได้ซึมซับเอาความรู้ในเรื่องธุรกิจที่กลายเป็นรากฐานของการเรียนรู้ธุรกิจอย่างคาดไม่ถึงในเวลาต่อมา

"เวลาไปขายของ สิ่งแรกที่พ่อทำก็คือจะต้องเก็บเงินของเก่าที่ขายครั้งที่แล้วมาก่อน และถ้าได้เงินไม่ครบ ออร์เดอร์ของลูกค้ารายนั้นสั่งไว้ไม่ได้ครบตามสั่ง เช่นว่า ติดหนี้ 100 บาท จ่ายมา 50 บาท ของที่สั่งก็ให้ไม่ครบ "สิ่งที่บุญคลีได้จากประสบการณ์ครั้งนั้นก็คือ ทฤษฎีว่าด้วยการบริหารหนี้

วิธีทางธุรกิจบุญคลีพบได้จากการทำการค้าของพ่ออีกทฤษฎีหนึ่ง ก็คือ การหมุนเงินสด

ในแต่ละเดือนพ่อจะหักเงินออกมาจากรายได้ของทุกเดือนเดือนละ 10% เอามาตั้งเป็นกองทุนเอาไว้ให้รับแลกเช็ค วิธีนี้เป็นสิ่งที่บุญคลีพบก็คือ เป็นวิธีการทำธุรกิจสมัยใหม่ 2 วงจร

ข้อแรก การชักเงินออกไป 10% ทุกเดือน และธุรกิจยังไปได้ เท่ากับว่า มีกำไร 10% ซึ่งธุรกิจการขายของแบบโชวห่วยนั้น การคำนวณต้นทุนทำได้ยากมาก เพราะต้องหมุนเงินตลอด

ข้อสอง การนำเงินส่วนที่ได้มา 10% ไปหาประโยชน์เพิ่ม

แต่แล้วประสบการณ์ค้าขายของบุญคลีก็หมดลง พร้อมกับการสอบเข้าเตรียมอุดม เขาก็ต้องจากบ้านมาอยู่หอพัก และจากนั้นเขาก็ต้องห่างบ้านไปใช้ชีวิตชาวหออีกหลายปี จนถึงเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ชิงทุนไปเรียนระดับปริญญาโทด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ University of Illinois สหรัฐอเมริกา

บุญคลีเล่าว่าพ่อของเขาอยากให้เรียนหมอ แต่ด้วยความไม่ชอบเรื่องเห็นคนเจ็บ บุญคลีจึงเลือกวิศวกรรมศาสตร์ สาขาไฟฟ้า และสอบได้คะแนนเป็นที่ 3 ของคณะ ซึ่งช่วงนั้นยังถือว่าเป็นสาขาวิชาที่ใหม่มาก เพราะส่วนใหญ่จะเลือกเรียนวิศวะโยธา

จากการเรียนในโรงเรียนเตรียมที่ต้องอยู่ในกฎระเบียบเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย จึงหมดไปกับกิจกรรมและการหาความสนุกสนานตามประสาเด็กวัยรุ่นในสมัยนั้น

"ผมใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแบบสุดๆ ทั้งเล่นกีฬา เป็นนักดนตรี ทั้งกินเหล้า บางวิชาแทบไม่ได้เข้าเรียนเลย แต่ผมก็ประคองตัวมาได้ ไม่เคยต้องสอบซ่อมเลย" ที่สำคัญคือบุญคลีจบมาได้ด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับ 1 สิ่งที่เป็นเคล็ดลับของบุญคลีก็คือ อ่านหนังสือในขณะที่คนอื่นหลับ นั่นก็หมายความว่า แม้ว่าเขาจะไม่เข้าห้องเรียนหรือไปทำกิจกรรม แต่สิ่งที่เขาทำเสมอคือ การอ่านหนังสือก่อนทุกครั้ง ซึ่งเป็นปรัชญาที่เขายังคงใช้ได้ดีจนถึงทุกวันนี้

นี่จึงเป็นภาพสะท้อนประสบการณ์ในอดีตในวัยเยาว์เป็นเวลา 16 ปีเต็มที่หล่อหลอมบุญคลีก่อนจะมาร่วมงานที่ชินคอร์ป

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us