Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2542








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2542
แผน "ชะเลียง" เปิดสาขาทั่วเอเชีย             
 


   
search resources

ไทยพอทเทอรี่ อินดัสตรี
พงษ์ศักดิ์ เชิดจารีวัฒนานันท์




ปัจจุบัน บริษัท ไทยพอทเทอร์ อินดัสตรี จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เซรามิก แบรนด์ "ชะเลียง" ได้มีการส่งออก ไปยังประเทศต่างๆ ทั้งในเอเชียและยุโรป อาทิ อังกฤษ, สวีเดน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ออสเตรเลีย และแค-นาดา เป็นต้น และเมื่อไม่นานมานี้ "ชะเลียง" ได้ไปเปิดสาขา ณ ประเทศ ดูไบ นับเป็นสาขาแรกในต่างประเทศ ภายใต้การดูแลของบริษัท ซี.อาร์.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ที่พงษ์ศักดิ์ เชิดจารีวัฒนานันท์ ประ-ธานกรรมการบริษัท ไทยพอทเทอร์ฯ ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นผู้จำหน่ายปลีก ภาย ใต้ชื่อ "ชะเลียงโฮมสไตล์สโตร์" โดยเปิดสาขาแรกอยู่หน้าโรงงานที่เชียงใหม่ จากนั้นก็เป็นตัวแทนในการจำหน่ายปลีก สินค้าชะเลียงไปตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในกรุงเทพฯ ได้แก่ เซ็นทรัล ชิดลม และเซน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ และในอนาคตอันใกล้นี้ พงษ์ศักดิ์ เผย แผนว่า จะเปิดอีกประมาณ 2 สาขาในกรุงเทพฯ โดยเล็งไปที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเดอะมอลล์ บางกะปิ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจตลาดให้ชัดเจน

สำหรับแผนการขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียนั้น พงษ์ศักดิ์เผยว่า ภายในปีค.ศ. 2003 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าว่าจะเปิดให้ครบ 20 สาขา โดยประมาณเดือนเมษายนปีหน้านี้ จะเปิดสาขาที่สิงคโปร์เป็นสาขาแรกของปี จากนั้นก็มีแผนที่จะขยายต่อไปยังญี่ปุ่น มาเลเซีย ดูไบ และซาอุดีอารเบียด้วย

ส่วนตลาดยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออก จะเป็นก้าวต่อไปที่บริษัทฯจะไปเปิดสาขาในอนาคต ซึ่งหมายถึงว่า สินค้าของชะเลียงต้องมีมาตรฐานและคุณภาพเหนือกว่าสินค้าอื่นที่มีอยู่ในตลาดยุโรป เนื่องจาก สินค้าตกแต่งบ้านในตลาดยุโรปมีการแข่งขันสูงมาก

แผนการดำเนินธุรกิจในปีค.ศ. 2000 พงษ์ศักดิ์เปิดเผยว่ามี 3 ส่วนด้วย กันที่ทางบริษัทมุ่งเน้น คือ

ส่วนแรก การปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการดีไซน์และการผลิตให้ไปถึง ISO 9000 โดยทางบริษัทจะมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาการผลิต การแข่งขัน การลดต้นทุน และการส่งมอบของให้ตรงเวลา รวมทั้งคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล ซึ่งทางบริษัทได้มีส่วนงาน R&D ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำการวิจัยและพัฒนาสินค้า โดยใช้งบประมาณปีละ 200,000 บาท พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคเหนือ ในการจัดอบรมบุคลากรของบริษัทในการพัฒนาฝีมือด้านต่างๆ

"เราต้องมีดีไซน์เป็นของตัวเองที่เป็นมาตรฐานสากล เพื่อเตรียมพร้อมนำเสนอลูกค้าได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้อง รอออร์เดอร์ลูกค้าเพียงอย่างเดียว มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ เนื่องจากปัจจุบันเรามีคู่แข่งเยอะ มาก โดยเฉพาะคู่แข่งทางด้านดีไซน์ที่น่ากลัวของเรา คือ ฟิลิปปินส์ นอกจากนั้นยังมีคู่แข่งด้านราคา ได้แก่ จีน และเวียดนาม ที่กำลังมาแรงอีกด้วย" ผู้บริหารของไทยพอทเทอร์ ชี้แจง

ส่วนที่ 2 ได้มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการขยายการขาย โดยเฉพาะในส่วนของ E-COMMERCE

"ขณะนี้ก็สมัครเข้าไปอยู่ในเทรด ฮับในเว็บไซต์ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อมูลเกี่ยวกับทางด้านการค้า ซึ่งเราได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคเหนือ โดยทางศูนย์ฯ ได้เลือกบริษัทเราเป็นบริษัทแรกที่เข้าไปเป็นบริษัทนำร่องในโครงการนี้ และเชื่อว่าในส่วนของ SME กรุ๊ป ก็จะมีตามมาอีก นอกจากนั้นคุณทักษิณ ชินวัตร จะมีการเซ็ตอัพไซเบอร์มอลล์ขึ้นมา เพื่อที่จะทำในเรื่องเดียวกัน ก็คงเป็นอีก ส่วนที่เราจะใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์" ผู้บริหารหนุ่มกล่าว

และส่วนที่ 3 คือ เรื่องการขยายตลาดส่งออก และการขยายตลาดค้าปลีกในประเทศ ภายใต้แบรนด์เนม "ชะเลียง" โดยมีการพัฒนารูปแบบสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะใช้เทรนด์เป็นตัวนำ ซึ่ง เทรนด์ของดีไซน์ในปีใหม่นี้ จะมีกลิ่น อายของตะวันออก สไตล์ญี่ปุ่น จีน เป็น ต้น โดยสีที่ใช้จะมีความนุ่มนวลมากขึ้น

"ปีหน้าเราจะเห็นชะเลียงในตลาด ทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยเรามีแผนจะขยายสาขาเราไปที่สิงคโปร์ในเดือนเมษายน ในห้างทาคาชิมาย่า และเปิดอีก 2 สาขาที่ห้างสรรพสินค้าในกรุงเทพฯ ซึ่งอาจจะเป็นเซ็นทรัล ปิ่นเกล้ากับเดอะมอลล์ บางกะปิ แต่ยังไม่สรุป เนื่องจากอยู่ในช่วงที่เราสำรวจตลาดอยู่ และที่เหลือเป็นการขยายในตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบันมี 1 แห่งที่ดูไบ และคงจะมีเพิ่มอีก 3-4 แห่ง ในดูไบและซาอุฯ" พงษ์ศักดิ์เล่าแผนงานภายในปีหน้าของบริษัทฯ

หมายเหตุ : อ่าน "ชะเลียงเซรามิก เป้าหมายแฟรนไชส์ทั่วโลก" ได้ใน "ผู้จัดการ" ฉบับที่ 193 ตุลาคม 2542

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us