ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ และผู้บริหารของ เทเลคอมเอเซีย
คอร์ปอเรชั่น จะไม่ต้องรอฤกษ์ อันเป็นธรรมเนียมสำหรับซีพีกรุ๊ป ที่เมื่อจะลงนามในโครงการ
หรือกิจกรรมใดก็ตาม จะต้องรอฤกษ์เมื่อเข็มนาทีลงท้ายด้วยเลข 9 ผู้บริหารจะจรดปากกาเซ็นชื่อทันที
การเซ็นสัญญาประนอมหนี้ครั้งล่าสุด ที่จัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอทเอราวัณ
อาศัยแต่เพียงฤกษ์สะดวก คือทันทีที่ธนินท์พร้อมทั้งผู้บริหารและเจ้าหนี้ทั้ง
45 รายมาพร้อมกัน การเซ็นสัญญาก็มีขึ้นทันทีในเวลาบ่ายสองโมงตรง
แม้ว่าการเซ็นสัญญาในวันนี้เป็นแบบ Term sheet คืออยู่ในขั้นตอนเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้วมากกว่าการเซ็นแบบบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น
เหลือเพียง รายละเอียดอีกเล็กน้อยเท่านั้นก็ตาม
อาจเป็นเพราะงานนี้ทีเอ ได้ธา-รินทร์ นิมมานเหมินท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงทุนมาเป็นเจ้าภาพ
ตามด้วยม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่พอเสร็จจากงานนี้แล้วต้องไปปฏิบัติภารกิจต่อ
การเซ็นสัญญาประนอมหนี้ในวันนี้ ทีเอได้รับอนุมัติจากเจ้าหนี้ทั้ง 45
ราย ที่ยอมลดหนี้จาก 63,110 ล้านบาท ลดเหลือ 56,360 ล้านบาท และให้ขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินต้น
4,965 ล้าน บาท ซึ่งจะเริ่มชำระเงินต้นงวดแรกในไตรมาสที่สองของปี 2545 และชำระเงินต้นทั้งหมดภายในปี
2551 คือภายใน 8 ปีนับจากปีนี้เป็นต้นไป สำหรับดอกเบี้ยในส่วนเงินกู้เดิมที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่จะเปลี่ยนเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว
และจะอ้างอิงดอกเบี้ยลอยตัว
จุดที่น่าสนใจของการประนอมหนี้ในครั้งนี้ก็คือ ทีเอเพิ่มทุนจดทะเบียน
โดยออกเป็นหุ้นบุริมสิทธิที่สามารถ แปลงหุ้นสามัญได้ จำนวน 702 ล้านหุ้น
มูลค่าหุ้นละ 10 บาท ให้แก่บริษัท Kreditanstalt for Wiedereaufbau หรือ
KfW ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ที่มีหลักประกันรายใหญ่ที่สุดของบริษัท เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินเพิ่มทุนจำนวน
150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินเพิ่มทุนไปใช้ชำระคืนเงินกู้ที่ไม่มีหลักประกัน
ที่มีอยู่ทั้งหมด 13,460 ล้านบาท ซึ่งจะชำระด้วยเงินสด 5,600 ล้านบาท ที่เหลือชำระโดยตั๋วสัญญาใช้เงิน
ส่วน KfW ที่กลายเป็นพระเอกสำหรับงานนี้ เพราะยอมปล่อยเงินมาให้ทีเออีกก้อนใหญ่
ใช่ว่าจะไม่มีเงื่อนไขเสียทีเดียว นอกเหนือจากเงื่อนไขข้างต้นแล้ว ข้อแม้ของ
KfW คือ ผู้ถือหุ้นเดิมอย่างซีพี จะต้องห้ามขายหุ้นทิ้งทีเอภายในระยะเวลา
3 ปี เรียกง่ายๆ ว่าเชื่อ มือในความเป็นธนินท์ และซีพี ที่จะต้องบริหารธุรกิจนี้ต่อ
จะว่าไปแล้ว งานนี้ทำให้ทีเอหายใจคล่องไปได้เยอะ เพราะหลังจากติดตั้งเลขหมายเสร็จไม่นาน
ก็ต้องมาเจอวิกฤติเศรษฐกิจ เจอพิษค่าเงินบาท ทำให้ทีเอต้องหยุดกิจกรรมทุกอย่างไว้หมด
เพื่อไปเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้ทั้ง 45 ราย โทรศัพท์ 2.6 ล้านเลขหมาย
ที่ยังมีเลขหมายเหลืออีกเกือบครึ่งและยังเกี่ยวพันไปถึงบริการเสริมอย่างโทรศัพท์พกพาพีซีที
ที่ทีเอต้องปล่อยให้ลูกค้าที่จองเครื่องพีซีทีทดลองใช้ฟรี ไปถึง 2 ปีเต็ม
เพราะทันทีที่ทีเอเก็บเงินค่าบริการกับลูกค้า จะต้องจ่ายเงินชำระหนี้ให้กับเอ็นอีซี
และมิตซุยเป็นค่าอุปกรณ์ทันที
หลังจากงานเซ็นสัญญาผ่านพ้นไป ผู้บริหารของทีเอ ก็รุดไปเจรจาขั้นสุดท้ายของทศท.เพื่อเตรียมเก็บเงินค่าบริการพีซีทีจากลูกค้า
ที่จะเริ่มได้ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ลูกค้าที่เคยใช้พีซีทีมานาน ก็เตรียมควักเงินจ่ายค่าโทร
ที่ จะเก็บในอัตรา 3 นาทีแรก 2 บาท และนาทีต่อไปนาทีละบาท พร้อมกับแผน การตลาดที่จะทยอยปล่อยออกมา
รวม ถึงบริการเสริมรูปแบบใหม่ๆ ที่จะทยอย คลอดออกมางานนี้ก็เหลือแต่ฝีมือของผู้บริหารทีเอแล้วว่าจะมีฝีมือเพียงใด